“ เฮ้อ “

 

เยี่ยยีเฮ้าถอนหายออกมายาวๆคำหนึ่ง ภายในดวงตาที่นานมากแล้วที่ไม่มีการแสดงอาการตกใจ เขาจดจ้องมองไปใบหน้าผอมแห้งไร้ความรู้สึกของเด็กหนุ่มในตอนนี้ ขมวดคิ้วขึ้นลงอยู่รอบหนึ่ง หลังจากที่ปะทะกัน พลังอันหวาดกลัวนั้น แม้ว่าเขาจะมีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ก็ตาม แต่ว่าเขาก็ยังพอที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่า สายตาเบื้องหน้าของเด็กน้อยนั้นแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวไว้อยู่ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้แผ่กระจายออกมา ในช่วงที่เขากำลังเก็บซ้อนความรู้สึกเอาไว้ เขาราวกับสัมผัสได้ถึงรังสีกระบี่ที่แผ่ออกมา อีกทั้งในตอนที่เขาระเบิดพลังลมปราณนั้น เหมือนมีแสงสีเขียวเบาบางออกมาด้วยเช่นกัน ช่างน่ากวาดกลัวอย่างที่สุด

 

จากนั้นทั้งสามสาวก็มองไปทางเยี่ยจงที่ใช้เพียงพลังดัชนีเดียวในการต้านรับการโจมตีอันน่าหวาดกลัวของเยี่ยยีเฮ้าได้ ในเวลาเดียวกันก็ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆคำหนึ่ง ในตอนนี้ นางยังคงจ้องมองไปที่ร่างเงาของเยี่ยจง คิ้วของหน้ากระตุกไปมา พอถึงตอนนี้ นางค่อยเข้าใจแล้วหลายส่วน ว่าเหตุใดในตอนที่พบเจอกัน เหตุใดกระทั่งซูหยี่ยังต้องสอบถามความคิดเห็นของเขาก่อน ชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ แน่นอนว่าคงต้องเป็นศิษย์สายในของลัทธิแห่งดวงดาวอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นถึงบุคคลที่มีความสามารถสูงคนหนึ่งอีกด้วย

 

“ ดูเหมือนจะมีความสามารถอยู่บ้าง ดูเหมือน พวกเราตระกูลเยี่ยทุกคนต่างก็ดูถูกเจ้าเกินไปแล้ว ทว่า หากเจ้าอยากเป็นปรปักกับพวกเราอย่างงั้นหรือ ? เจ้าอย่าลืมสิว่า แม้เจ้าจะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเยี่ยก็ตาม แต่ว่าเจ้ายังมีน้องชายและน้องสาวที่ยังคงอยู่ในตระกูลเยี่ยอยู่ เจ้าแน่ใจนะ ไม่ลองใตร่ตรองวันข้างหน้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือ ? “ เยี่ยยีเฮ้าหรี่ตามองดู ดวงตาทอประกายเย็นวาบออกมาแล้วกล่าว

 

“ ข้อนี้เจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้าจนเกินไป ในวันประชุมของตระกูลเยี่ยในปีนี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องไปอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ก่อนหน้าเวลานั้น หากมีผู้ใดกล้าที่จะหาเรื่องพวกเขาแล้วละก็ ข้าคงมิต้องการที่จะแสดงบทที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองเจียงโจวมาก่อนนะนี้อีกรอบนะ “ เยี่ยจงตาทอประกาย จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบออกมาแล้วกล่าว เรี่องราวที่เกิดขึ้นที่บ้านท่านเจ้าเมืองในวันนั้น เขายังสามารถกระทำร้อยก้าวไร้พ่ายออกมาได้ ไม่แม้แต่จะมองเห็นตระกูลเยี่ยอันสูงศักดิ์อยู่ในสายตาเลย วันนี้อย่าว่าแต่เยี่ยยีเฮ้าผู้อ่อนแอคนเดียว จะทำอะไรตัวเขาได้กัน ?

 

“ เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านท่านเจ้าเมือง ? “ แม้เยี่ยยีเฮ้าจะไม่ทราบเกี่ยวกับข่าวสารเหล่านี้ เขาขมวดคิ้วไปมา จากนั้นเขาก็ส่ายหัวไปมาแล้วกล่าว “ ในเมื่อข้าไม่รู้ว่าเจ้าที่แท้เพราะอะไรถึงได้เป็นปรปักษ์กับตระกูลของตนเอง แต่ว่าเจ้ายังมีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่เท่านั้น ยังไม่เพียงพอที่เจ้าจะสามารถมายืนอยู่เบื้องหน้าข้าได้เลย “

 

เยี่ยจงหัวเราะ แต่ก็มิได้อธิบายอันใดเพิ่มเติมให้ เพียงแต่ว่า ในตอนที่เขามองไปที่เยี่ยยีเฮ้า ทันใดนั้นก็เหมือนผู้ล่ากำลังจ้องมองไปที่แพะอ้วนตัวหนึ่ง เขาออกตามหาแผนที่เข้าสู่อารามมาเพิ่มอีกชิ้นตั้งแต่แรก ดูเหมือนว่าในตอนนี้ ในมือของเยี่ยยีเฮ้าคงจะมีอยู่ซักชิ้นกระมั่ง ?

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตนเองจะเข้าสู่ภายในอารามก่อฟ้าในตอนนี้ แน่นอนว่าเขาคงมีเวลาไม่มากนักที่จะเสียเวลากับคนเหล่านี้

 

หลังจากครุ่นคิดคำนึง เยี่ยจงแม้จะมิได้สนใจในตัวของเยี่ยยีเฮ้ามากมายนัก เพียงแค่ยื่นมือขวาออกไปช้าๆ บริเวณใจกลางฝ่ามือ ก็ปรากฏรอยตราประทับกระบี่ปรากฏออกมา

 

หลังจากที่ตราประทับกระบี่ทั้งสี่ปรากฏ บรรยากาศโดยรอบก็มีรังสีร้อนแรงอันเข้มข้นออกมาจากร่างของเยี่ยจง ในตอนนี้ เยี่ยก็ราวกับกำลังแผ่พลังไอสีเขียวเหมือนกับก่อนหน้านี้ออกมา เพิ่มเติมคือมีไอพลังเลือดสายหนึ่ง อีกทั้งไอพลังเลือดสายนี้ ก็ได้ปกคลุมรอบอนาบริเวณเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

เยี่ยยีเฮ้าสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนของบรรยากาศรอบตัวเยี่ยจง ดวงตาก็ได้แสดงความดุร้ายเพิ่มขึ้น ในเวลานี้เจ้าเด็กน้อยนี้ถึงกลับกล้าที่จะเสนอหน้าในที่แห่งนี้ ดูเหมือนว่าความจริงแล้วคงมีความสามารถอยู่หลายส่วยเลยทีเดียว ดูเหมือนจะไม่ใช่เล่นๆเลยทีเดียว

 

หลังจากครุ่นคิดแล้ว เยี่ยยีเฮ้าก็ได้รีดเร่งพลังลมปราณออกมาและบินเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นในมือที่ถือไว้ด้วยหอกสีดำยาวในตอนนี้ก็ค่อยๆสั่นไหวขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า เยี่ยยีเฮ้านั้นพร้อมที่จะออกกระบวนท่าเพื่อที่จะจัดการกับเยี่ยจงในทันที

 

เยี่ยจงกวาดตามองสำรวจไปยังเยี่ยยีเฮ้าที่อยู่เบื้องหน้าอย่างดุดันในตอนนี้ ในเวลาต่อมา เขาก็ขยับมือและเท้าคราหนึ่ง ร่างกายที่ตอนนี้ราวกับกำลังทอแสงสว่างออกมา จากนั้นที่มือขวาของเขาก็ถูกใช้ออกด้วยตราประทับกระบี่ทั้งสี่ เข้าปะทะกันในทันที

 

“ เปรี้ยง “

 

แรงระเบิดของการปะทะ ในตอนนี้มีเสียงดังกังวานออกมา จนทำให้ควันฝุ่นกระจายไปทั่วทั้งห้อง อีกทั้งยังมีพลังกดดันมหาศาลแผ่ออกมาอย่างเข้มข้น จนทำให้เหล่ายอดฝีมือที่อยู่รอบด้านได้รับแรงกดดันจนต้องก้าวถอยหลังไปตามๆกัน เห็นได้ชัดว่า กระบวนท่านี้ของเยี่ยจง ราวกับใช้พวกทั้งหมดทั้งมวลออกมา

 

“ หอกไม้แยกจิต “

 

พบเห็นการโจมตีของเยี่ยจงเช่นนี้ สายตาของเยี่ยยีเฮ้าผู้นี้ก็ปกคลุมไปด้วยความตะลึง นับตั้งแต่เยี่ยจงใช้ออกด้วยกระบวนท่านี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีการฆ่าฟันอันเข้มข้นแผ่ออกมา จนกระทั่งเขาลงความเห็นว่าต้องใช้พลังทั้งหมดของตนเองออกมา จากนั้นเขาก็ร้องเฮอะใช้ออกด้วยหอกที่อยู่ในมือ

 

“ เปรี้ยง “

 

หอกยาวทมิฬถูกใช้ออกด้วยการกวาด แม้ว่าในตอนนี้มันดูเหมือนท่อนไม้ใหญ่ท่อนหนึ่ง แต่ทว่าก็ให้พลังที่ลึกลับไร้ที่เปรียบแผ่พุ่งออกมาพุ่งเข้าไปยังจุดที่เยี่ยจงจะเคลื่อนที่อยู่ การโจมตีนี้ชั่งคมกล้าไร้ที่เปรียบ

 

“ ตัง “

 

จากนั้น ท่ามกลางสายตาที่สั่นไหวมากมาย สีดำทมิฬของหอกยาวที่ทำมาจากไม้ใหญ่ ดูเหมือนมีพลังอย่างเต็มเปี่ยมและรังสีสังหารอันเข้มข้มของพลังฝ่ามือของเยี่ยจงนี้ ความรุนแรงเข้าปะทะเข้าด้วยกัน จากนั้น ก็มีเสียงดังกังวานดังออกมาในเวลาเดียวกัน พลังอันน่ากลัวที่สามารถทำให้ผู้คนตกอยู่ในความกลัวได้กระจายออกมา

 

“ เปรี้ยง “

 

ในตอนที่กระบวนท่าของทั้งสองเข้าปะทะกัน บริเวณพื้นดินก็ได้เกิดรอยร้าวขึ้นออกมาสายหนึ่ง อีกทั้งในตอนที่หอกยาวดำทมิฬที่ทำจากต้นไม้ใหญ่ก็ได้ส่งเสียงดังแสบแก้วหูออกมาดังอึงอึง จากนั้นใบหน้าของเยี่ยยีเฮ้าก็แปรเปลี่ยนกลับกลาย ถูกความรุนแรงในการปะทะพลักกระเด็นออกไป

 

“ ตูม “

 

กระบวนท่าโจมตีของเยี่ยยีเฮ้าระเบิดออก เยี่ยจงยังคงตามเข้าปะทะอย่างไม่ลดละ กระบวนท่านี้รวดเร็วปานสายฟ้าระเบิดกัมปนาทออกมา มุ่งตรงเข้าหาบริเวณที่เยี่ยยีเฮ้าอยู่ในตอนนี้เข้าไป

 

“ ปุ ชิ้ง “

 

ฝ่ามือถูกทาบไว้ที่บริเวณหน้าอกของเยี่ยยีเฮ้า ใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนเป็นขาวซีดอย่างที่สุด ตรงหน้าอกมีการยุบตัวลงไป ร่างทั้งร่างของเขากระเด็นออกไปแทบจะในทันที ร่างของเขาพุ่งเข้าจนก้อนหินในจุดที่ไม่ไกลมากนัก จากนั้นก็กระอักเลือดสดๆออกมาจากปาก

 

กระบวนท่านี้ของเยี่ยจง ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริงเกินกว่าจะรับมือไหว

 

เซียงฉียวี่หนึ่งในหญิงสาวทั้งสามมองไปยังความสำเร็จที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ใบหน้าน้อยๆได้กลับคืนสู่สีเลือด ขนตาที่มองดูร่างกายของเงาร่างที่ยืนอยู่ไม่ขยับเขยื้อน ภายในดวงตาที่เต็มไปด้วยอาการตกตะลึงจนปกปิดเอาไว้ไม่อยู่

 

บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนมองไปยังฉากเบื้องหน้า แต่ละคนในเวลานี้ต่างก็เกิดอาการกระหายอยู่ในลำคอ คนผู้นี้ดูเหมือนชายหนุ่มที่น่าจะมีอายุอยู่แค่สิบสามสิบสี่ปี ทว่าพลังฝีมือกลับน่ากลัวอย่างแท้จริงเกินกว่าที่จะมีใครสามารถรับมือไหว หากนับผู้ที่มีชื่อเสียงในดินแดนเยียจิงอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ที่มีนามกระเดื่องมากมายอย่างเยี่ยยีเฮ้า ก็ยังต้องพ่ายแพ้ภายในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น

 

“ เป็น…..เป็นไปได้อย่างไรกัน ? “

 

ยอดฝีมือตระกูลเยี่ย รวมทั้งเยี่ยยีหยิน ทุกคนทั้งหมดต่างก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้เห็น สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าราวกับกำลังฝันไปก็มิปาน ทั้งยังพวกเขาแต่ละคนยังรู้สึกขมฝาดที่บริเวณมุมปากของตน เจ้าขยะที่ถูกพวกเขาดูถูกดูแคลนมาตลอดเวลาหลายปีมานี้ มีความร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?

 

ฝ่ามือนี้ของเยี่ยจง ไม่เพียงสามารถจัดการเยี่ยยีเฮ้าให้พ่ายแพ้ได้ ทั้งยัง เหมือนกับกำลังตบหน้าเหล่าศิษย์พี่น้องตระกูลเยี่ยทั้งหลายก็มิปาน จนทำให้ใบหน้าอันขาวผ่องของพวกเขาต้องมีสีเลือดออกมา อีกทั้งในตอนนี้ พวกเขายังคงจดจ้องไปที่เยี่ยจงแต่ก็มิกล้าที่จะส่งสายตาเยาะเย้ยออกมา มันยิ่งกว่าการตกตะลึงเสียอีก

 

การเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ในตอนนี้ก็ได้สงบนิ่งหยุดอยู่เฉยๆอย่างไม่มีความหมายอันใดเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น จากนั้นเขาก็หรี่ตามองดู นัยน์ตาถูกปกคลุมไปด้วยความแหลมคมชั้นหนึ่ง จากนั้นเขาก็ขยับเท้าเข้าหา ร่างกายที่ดูเหมือนจะมิได้เป็นอะไรหลังจากที่กระเด็นออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนั้น เขาก็เตรียมที่จะลงมือจัดการเยี่ยยีเฮ้าให้พิการ

 

“ เยี่ยจง พวกเราต่างก็เป็นพี่น้องตระกูลเยี่ยเหมือนกัน เจ้ายังบังอาจทำร้ายพี่น้องในตระกูล ยังจะกล้าแตะต้องพวกเรา เจ้าไม่เกรงกลัวกฏของตระกูลหรือยังไง “ เยี่ยยีเฮ้าพบเห็นเยี่ยจงเคลื่อนไหวเข้ามา ร้องตะโกนด้วยใบหน้าอันขาวซีดออกมา

 

“ หรือว่าเจ้าเยี่ยยีเฮ้าไม่ทราบหรือไงกัน บุคคลที่คนอย่างข้าชอบเหยียบย้ำ ก็คือคนของตระกูลเยี่ยนี้แหลาะ “ เยี่ยจงร้องเฮอะออกมาคำหนึ่ง เขามิได้มองตระกูลเยี่ยเหล่านี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว หรืออย่างน้อย นับตั้งแต่ถูกพวกเขากุมรุมทำร้าย หลังจากที่เปลี่ยนแปลงงานหมั่นหมาย เขาก็ไม่เคยคิดว่าตระกูลเยี่ยและตนเองมีความสัมพันธ์กันมาก่อน

 

กับคนในตระกูลเดียวกัน ยังลงมือได้อย่างเลือดเย็นจนถึงขั้นนี้ ตระกูลเช่นนี้ มีอันใดที่น่าพิศวาสกัน ? ตอนนี้บุคคลอย่างเยี่ยยีเฮ้า จากที่เยี่ยจงมองดู ไม่มีแม้กระทั่งความสัมพันธ์ฉันญาติมิตรในตระกูลเดียวกัน เพียงแต่เป็นกลุ่มคนที่เป็นแค่ได้เพียงแค่คนไร้ประโยนช์เท่านั้น

 

หลังจากที่เห็นเคลื่อนไหวของเยี่ยจงเปลี่ยนไป นัยน์ตาในตอนนี้กลับกลายปกคลุมไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ใบหน้าเยี่ยยีเฮ้าผู้นี้ก็ได้ตกอยู่อาการตกใจ ในเวลาต่อมา เข้าก็กัดฟันดังกร่อน เลือดสดๆไหลรินออกมาจากมือที่กุมกริชเพลิงด้ามนี้ วินาทีนั้น ก็พบว่าด้านบนของกริชกลับส่องประกายสว่างจ้าขึ้นมา อีกทั้งท่ามกลางแสงสว่างนี้ ที่แท้ก็มีการเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยพลังภายในกองเพลิงสีแดงที่มีร่างเงาคล้ายนกยุง อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณ พุ่งเข้าหาเยี่ยจงหมายจะเอาชีวิตให้จงได้

 

เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้า นัยน์ตาในตอนนี้ทอประกายดุดันสายหนึ่งและความตะลึงควบคู่กันออกมา กริชคู่นี้แม้จะเป็นเพียงศาสตราวุธระดับกลาง แต่ว่าในเวลาที่ใช้พลังออกมา ยังสามารถแผ่พุ่งพลังออกมาได้ขนาดนี้ ? ควรทราบว่า เยี่ยยีเฮ้าผู้นี้น่าจะมีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ พลังภายในไม่น่าที่จะมีพลังของวิญญาณได้ หรือกล่าวอีกนัยก็คือ พลังวิญญาณเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากกริชด้ามนี้โดยทั้งสิ้น อีกทั้งการโจมตีในระดับนี้ ต่อให้เป็นตนเองที่มีพลังมากมายในตอนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะปวดเศียรเวียนเกล้า

 

“ ชิร์ “

 

ทว่า ในช่วงที่เยี่ยจงลงมือก็ได้รีดเค้นพลังของกระบี่หกสุสานออกมาทั้งหมดแล้ว ที่ด้านหลังของเขาปรากฏเสียงร้องเย็นชาของเซียงฉียวี่ออกมา จากนั้นนางก็ชักมือที่เหมือนหยกออกมา ทันใดนั้นก็พบว่าในมือของนางถือไว้ด้วยกริชใช้ออกด้วยพลังเต็มที่ด้วยพลังนาคราชสีฟ้าอ่อน พุ่งจู่โจมเข้าต้านรับการโจมตีพลังของนกยุงเพลิงสีแดง

 

“ ฮูม ฮูม ฮูม “

 

ในระหว่างที่อยู่กลางอากาศ นกยุงและนาคราชวิญญาณก็เข้าต่อสู้พัวพันกัน อย่างแรก คือเกรงว่าการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดจะพุ่งค่อยๆทำลายรอบบริเวณออกไป ท่ามกลางการปะทะเช่นนี้ เมื่อครู่เยี่ยจงและเยี่ยยีเฮ้าปะทะกันก็เหมือนกับยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก เพียงแต่ว่าในตอนนี้ พื้นดินที่อยู่ด้านหน้านั้นก็ได้เต็มไปด้วยรอยแยกมากมาย มีก้อนหินไม่น้อยที่ถูกบดขยี้แหลกละเอียด

 

เยี่ยจงร่างกายสั่นไหวคราหนึ่ง จ้องมองไปยังฉากที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า นัยน์ตาทอประกายออกมาอย่างสง่างาม ก่อนที่จะกลับชาติมาเกิดนั้นบนตัวของเขานั้นถือว่าได้ครอบครองศาสตราวุธอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าก็มิได้เห็นถึงความสำคัญมากมายนัก แต่ว่าในตอนนี้ พลังของเขาอยู่แค่ขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ ต่อให้ฝึกปรือพลังยุทธ์พิศดาล แต่ว่า ถ้าหากคู่ต่อสู้มีพลังเทียบเท่ากับเขาแล้วละก็ อีกทั้งหากเป็นศาสตราวุธระดับกลางแล้วละก็ หากตนเองต้องต่อกรด้วย ก็เป็นอะไรที่น่ายุ่งยากอยู่มากเหมือนกัน

 

ดูเหมือนว่า คงต้องรีบจัดการกับศาสตราวุธที่เป็นกริชนี้หน่อยแล้วละ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ต้องกระทำมากที่สุดในตอนนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ยังอยู่อารามก่อฟ้าอีกด้วย เหล่ายอดฝีมือที่โดดเด่นของเหล่าตระกูลใหญ่เหล่านี้ บนร่างอย่างน้อยก็สมควรที่จะมีศาสตราวุธระดับล่างอยู่บ้าง หากมิใช่ตนเองสองมือนั้นว่างเปล่าแล้วละก็ เกรงว่าคงต้องอยู่เฉยๆต่อไป

 

ในใจครุ่นคิดเสร็จแล้วก็กลับตัวคราหนึ่ง แต่ว่าในเวลาต่อมา เยี่ยจงก็ได้เคลื่อนไหวคราหนึ่ง พุ่งเข้าไปหาบริเวณที่เยี่ยยีเฮ้าอยู่