“ ขัดขวางเขาให้ได้ “

 

พบว่านกยุงแดงเพลิงยังขัดขวางอยู่ เยี่ยจงก็มิสนใจสิ่งใดต่อ ปล่อยให้ใบหน้าของเยี่ยยีเฮ้าแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด เพียงแต่ว่า ในช่วงเวลาตอนที่เขาเกือบจะกระโดดกลับตัวพุ่งไปนั้นเอง เยี่ยยีหยินผู้นี้ก็ร้องเสียงดังเฮอะออกมาพร้อมกล่าว

 

“ ใช่แล้ว “

 

หลังจากเงียบงัน สายตาของศิษย์พี่น้องตระกูลเยี่ยทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านที่ความจริงจ้องมองมา ก็ต้องถอนสายตากลับไปโดยทันที จากนั้นก็ทะยานพุ่งเข้ามาออกไปทีละคน เมื่อได้เห็นฝีมือของเยี่ยจงผู้นี้ แต่พวกเขาก็ไม่อาจทราบได้ ว่าเหตุใดเยี่ยจงถึงมิได้รั้งตัวพวกเขาทั้งหมดเอาไว้กัน

 

“ เจ้าพวกไร้ประโยชน์ “

 

สายตาของเยี่ยจงเย็นเยียบ พลิกมือคราหนึ่ง กระบี่ยาวเงินมรกตก็ปรากฏบนฝ่ามือ หลังจากนั้นเขาก็ขยับมือเบาๆ กระบี่สาดประกายแสงออกมาราวกับดาวตกสาดส่องออกมา มุ่งตามไปยังจุดที่เหล่าศิษย์พี่น้องของตระกูลเยี่ยที่กำลังพุ่งเข้าหา

 

ศิษย์ของตระกูลเยี่ยที่ความจริงมีฝีมือมากที่สุดก็ไม่เกินระดับขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางที่จะต่อสู้ขัดขืนเยี่ยจงได้เลย ดังนั้นในดวงตาของพวกเขานั้นต่างก็เต็มไปด้วยอาการไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น กระบี่ยาวในมือเยี่ยจงขยับเล็กน้อยทันทีราวกับกำลังต้านทานการโจมตีของพวกเขา จนกระทั่งทำให้คนเหล่านี้พ่นเลือดถอยกลับออกไป

 

“ เยี่ยจง เจ้าที่แท้ต้องการทำอะไรกันแน่ ? ยังไงก็ต้องมีปัญหากับพวกเราตระกูลเยี่ยให้ถึงที่สุดหรือ ? “ เยี่ยยีเฮ้าส่งเสียงดังออกมากล่าว เพียงแต่ว่าใบหน้าที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็มีน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยอาการบาดเจ็บอยู่หลายส่วน เขาไม่ว่าจะอย่างไรก็คิดไม่ถึง ว่าเยี่ยจงจะเป็นบุคคลที่น่าหวาดกลัวได้ถึงขั้นนี้

 

“ ตระกูลเยี่ยยอดเยี่ยมนักหรือไง ? “ เยี่ยจงยิ้มไร้เสียงออกมา จากนั้นก็ก้าวไปทางด้านหน้า คุกเข่าลงกับพื้น ใช้นิ้วมือขวาชี้ไปยังคอหอยของเยี่ยยีเฮ้า นิ้วมือถูกใช้ออกอย่างช้าๆราวกับการใช้ออกด้วยกระบี่ เพียงพอที่จะทำให้เยี่ยยีเฮ้าสีหน้าแปรเปลี่ยนไปได้

 

“ เยี่ยจง หากว่าเจ้ากล้าทำร้ายพี่ใหญ่ยีเฮ้าแล้วละก็ เจ้าจะตายอย่างไร้ที่กลบฝัง “ เยี่ยยีหยินใบหน้าเยียบเย็น กำมือทั้งสองไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

 

“ กล่าวออกมาได้อย่างไร้ยางอายเสียจริง เหตุใดเจ้าถึงเอาแต่หลบอยู่แต่ด้านหลังกันเล่า ไม่เห็นเจ้าจะลงมือเลย ? “ เยี่ยจงหัวเราะออกมาแล้วกล่าว

 

“ เจ้า “ เยี่ยยีหยินใบหน้าขมขื่น ราวกับต้องการที่จะพุ่งเข้าไป

 

“ หยุดมือ “ เยี่ยยีเฮ้าใบหน้าขาวซีดกล่าวออกมา จากนั้นก็เงยศีรษะขึ้นจ้องมองไปที่เยี่ยจง กล่าวเสียงเย็นเยียบ “ เยี่ยจง เจ้าต้องการจะเอายังไงกัน ? เจ้าแน่ใจว่าต้องการที่จะเดินทางสายมืดให้จงได้หรือไง ต้องเป็นปรปักษ์กับตระกูลให้ได้หรือไรกัน ? เจ้าควรจะทราบว่า ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่ เจ้าก็ยังแซ่เยี่ย หากต้องการที่จะทำร้ายตระกูลเยี่ยของพวกเรา มันก็เหมือนการทำร้ายตนเองเช่นเดียวกันแหลาะ “

 

“ นับตั้งแต่เกิดเรื่องเปลี่ยนตัวคู่หมั่นก่อนหน้านี้ ยังต้องกล่าวอันใดให้มากความอีก ตอนนี้หากเจ้ายังจะนำเรื่องพวกนี้มาพูดอีก อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าถึงผลที่จะตามมาก็แล้วกัน “ เยี่ยจงกล่าวเสียงดัง “ ตอนนี้ ทางที่ดีคือเก็บกริชเล่มนั้นขึ้นมา จากนั้นก็ส่งมอบมาให้ถึงมือข้า เช่นนี้แล้วละก็ อย่างน้อยข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อนจนเกิดไปนัก จะไว้ชีวิตเจ้าซักครา “

 

“ เจ้า ……….. เยี่ยจง เจ้าทำเกินไปแล้ว “ เยี่ยยีหยินใบหน้าเย็นเยียบกล่าวเสียงดังเฮอะ

 

“ หุบปาก “ เยี่ยยีเฮ้าร้องออกมาเสียงหนึ่ง หลังจากนั้นก็มองไปทางด้านเยี่ยจง จากนั้นก็กล่าวเสียงเย็นเยียบ “ ถึงแม้เจ้าจะตัดสินใจตัดขาดกับพวกเราตระกูลเยี่ยให้จงได้ ถ้าเช่นนั้นผลลัพธ์ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เจ้ายังไงก็ใตร่ตรองด้วยตนเองถึงผลที่จะตามมาให้ดีละ สิ่งของข้าให้เจ้า “

 

หลังจากสิ้นเสียง ก็พบว่าในมือของเขานั้น ได้ยื่นด้ามจับเล็กๆของนกยุงแดงเพลิงออกมา กริชด้ามหนึ่งก็ปรากฏอยู่บนใจกลางฝ่ามือของเขา จากนั้นก็มีอาการเจ็บที่หน้าอกอยู่หลายส่วน จนกระทั่งเยี่ยยีเฮ้ามอบกริชเล่มนั้นให้แก่เยี่ยจง

 

เยี่ยจงยื่นมือออกมาลูบคลำที่ปลายกริช ทันทีที่เข้าสู่มือ ก็รู้สึกได้ถึงความน่าตกใจของพลังเพลิงวิญญาณสีแดงเคลื่อนที่ไปมาก่อนจะแผ่ขยายพลังออกมา ชั่ววินาทีนั้น

 

“ สิ่งของถึงมือแล้ว เจ้าเหตุใดยังไม่ปล่อยคนอีกเล่า ? “ เสียงของเยี่ยยีหยินดังออกมาอย่างเย็นชา

 

“ เจ้าวางใจได้ ถึงแม้ว่าข้าจะแซ่เยี่ย แต่ก็ไม่เหมือนกับพวกเจ้า “ เยี่ยจงยิ้มแล้วยิ้มอีก “ ทว่า ชีวิตของเยี่ยยีเฮ้าก็ชั่งมีค่าเสียเหลือเกิน พวกเจ้าคงไม่คิดว่าการที่จะนำของจากผู้อื่นมาให้ข้าแทน เจ้าเห็นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือ ? “

 

“ เยี่ยจง เจ้าอย่าได้เกินไป “ ดวงตาของเยี่ยยีหยินทอประกายลุกโชน ทว่าเขาก็ยังอดทนไว้ได้ จนกระทั่งถึงเวลานี้ ก็ถือว่าเขาได้อดทนที่จะไม่ลงมืออยู่นานแล้ว

 

“ คำพูดไร้ประโยชน์เหล่านี้อย่าได้กล่าวแล้ว “ เยี่ยจงส่ายหัวไปมา จากนั้นสายจาที่เคลือบไปด้วยรอยยิ้มอยู่ชั้นหนึ่งก็ปรากฏออกมาให้เห็น “ ถ้างั้นพวกเจ้าก็มอบแผนที่เข้าอารามออกมา เรื่องราวในวันนี้ ก็จะถือว่าจบสิ้น “

 

“ เจ้า “ เยี่ยยีเฮ้าสีหน้าแปรเปลี่ยน จดจ้องมองไปที่เยี่ยจง ราวกับจะกลืนกินเขาให้ได้ก็มิปาน

 

ใบหน้าเยี่ยจงยังคงสงบนิ่ง จากนั้นก็เริ่มที่จะใช้มือซ้ายโยนกริชในมือเล่นไปมา ภายในดวงตา ทอประกายรังสีฆ่าฟันแผ่ออกมา จากนั้นก็เริ่มใช้ออกด้วยรังสีกระบี่ ใบหน้าของเยี่ยยีเฮ้าก็ได้เปลี่ยนเป็นขาวซีดยิ่งกว่าเดิม ครั้งนี้กระทั่งเอ่ยปากยังไม่กล้าเอ่ยออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มเข้าใจ ว่าหากเขาเริ่มขยับอีกคราแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในที่แห่งนี้ก็เป็นได้ จากที่เขาคาดเดาออกมา เจ้าผังผื่นของตระกูลเยี่ยผู้นี้ ที่ไม่เห็นแม้กระทั่งพี่ชายร่วมตระกูลอยู่ในสายตา

 

จากสายตาของเหล่าศิษย์ตระกูลเยี่ยพอพบเห็น ร่างกายของแต่ละคนก็เริ่มที่จะสั่นเทาขึ้นมาตามๆกัน เยี่ยยีหยินยังคงจ้องมองเยี่ยจงอย่างเอาเป็นเอาตายไม่หยุดยั้ง หาว่าเยี่ยจงลงมือฆ่าฟันต่อไปแล้วละก็ ต่อให้เป็นเขา ก็ใช่ว่าจะสามารถช่วยอะไรได้มากมาย

 

ยอดฝีมือที่อยู่รอบๆ จากที่พบเห็นเยี่ยจงผู้นี้ ไม่เพียงแต่สามารถจัดการกับเหล่าคนตระกูลเยี่ยที่เป็นยอดฝีมือแทบจะทั้งสิ้น อีกทั้งยังสามารถที่จะทำให้เยี่ยยีหยินไม่อาจจะลงมือเข้าช่วยเหลือเยี่ยยีเฮ้าได้อีกด้วย ใบหน้าของแต่ละคนนั้นแปรเปลี่ยนไปมาหลายครั้งหลายครา จนกระทั่งจวบจนตอนนี้พวกเขายังยังไม่ทราบว่าเยี่ยจงและตระกูลเยี่ยนั้นมีความบาดหมางอย่างไร แต่ว่าก็สามารถพบเห็นได้ พลังฝีมือของเยี่ยจงผู้นี้ แน่นอนว่าช่างน่าหวาดกันจนจิตใจแทบกระเด่นกระดอนออกมาลงสู่พื้น

 

เยี่ยยีหยินจ้องมองไปที่เยี่ยจงอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากนั้นก็กัดฟันแล้วกล่าวออกม “ ได้ ข้าจะมอบแผนที่เข้าอารามแก่เจ้า เจ้าก็รีบปล่อยพี่ใหญ่ยีเฮ้าได้แล้ว “

 

“ เจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อรองกับข้า “ เยี่ยจงหัวเราะออกมา “ มอบแผนที่เข้าอารามออกมา “

 

เยี่ยยีหยินจ้องมองเยี่ยจงราวจะกินเลือดกินเนื้อ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มที่จะฝืนกัดฟันกรามในปากของตนส่งมอบแผนที่เข้าอารามให้ จากนั้นก็โยนไปทางด้านที่เยี่ยจงยืนอยู่

 

เยี่ยจงยื่นมือเข้ารับ จากนั้นก็เก็บแผนที่เข้าอารามไว้ จากนั้นก็ใช้สายตามองดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยยื่นมือออก ปล่อยตัวเยี่ยยีเฮ้า จากนั้นก็ถอยไปอยู่ทางด้านหลัง

 

“ ในช่วงที่ข้ายังไม่เปลี่ยนใจ ก็รีบไสหัวไปซะ หากว่ายังอยากจะมาคิดบัญชีกับข้าแล้วละก็ ยินดีต้อนรับทุกเวลา เพียงแต่ว่าพวกเจ้าอย่าลืมละ ว่าข้าชอบนักที่จะเหยียบย้ำคนที่มีแซ่ว่าเยี่ย “

 

“ เยี่ยจง เรื่องในวันนี้ข้าจะขอจดจำเอาไว้ พวกเราจะต้องให้เจ้าชดใช้อย่างสาสม “ เยี่ยยีหยินจ้องมองไปที่เยี่ยจงเยียบเย็น จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง เมื่อนั้นเหล่าศิษย์ของตระกูลเยี่ยที่กำลังมองดูอยู่ก็พยุงเยี่ยยีเฮ้าขึ้น ก้าวเท้าใหญ่ๆเหินออกไปอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่มองจนกระทั่งร่างเงาของพวกเขาจากไปแล้ว เยี่ยจงก็ขมวดคิ้วไปมา จากนั้นก็ส่ายหัวอยู่หลายครา  บนร่างกายของเยี่ยยีหยินนั้น เขารู้สึกได้ถึงไอพลังที่แข็งแกร่งแผ่ออกมา เพียงแต่ว่าไม่ทราบว่าเพราะอะไร เยี่ยยีหยินผู้นี้กลับสามารถอดทนไม่ยอมลงมือได้ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เยี่ยจงไม่ลงมือเข่นฆ่าพวกเขา ในสถานที่เช่นนี้ เพียงความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์พี่น้องยังไม่สำคัญเท่ากับชีวิตตนเอง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ยังคงไม่คุ้มค่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เยี่ยจงยังมีน้องชายและน้องสาวที่ยังอาศัยอยู่ภายในตระกูลเยี่ยอยู่ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเยี่ย ถ้าหากว่าเยี่ยจงยังคงต้องการที่จะสังหารเหล่าคนของตระกูลเยี่ยในที่แห่งนี้แล้วละก็ เช่นนั้นคงเป็นปัญหาที่น่ารำคาญไม่มากก็น้อย

 

ตระกูลเยี่ย ยังไงตนเองก็ต้องกลับไปเยี่ยมเยียนสักครา เพียงแต่ว่ายังมิใช่เวลาในตอนนี้

 

หลังจากคิดคำนึงแล้วเสร็จ เยี่ยจงก็ส่ายศีรษะไปมา หันร่างกายกลับหลัง มุ่งหน้าไปหาทางเซียงฉียวี่และพวกทั้งสามนางที่ยังคงจ้องมองมาตาเป็นประกาย จากนั้นก็นำกริชเพลิงแดงในมือโยนเข้าหา

 

เซียงฉียวี่พบเห็นเยี่ยจงโยนกริชเล่มนั้นเข้ามา นางก็เกิดอาการร้อนรน เหินเข้าหารับอย่างรีบร้อน ใบหน้าแสดงความประหลาดใจถึงพฤติกรรมของเยี่ยจง จากนั้นก็เอ่ยปากถาม “ สิ่งนี้เป็นถึงศาตราวุธระดับกลางเชียวนะ เจ้ากลับไม่ต้องการหรือ ? อีกทั้งสิ่งของยังเป็นเจ้าแย่งชิงกลับมา เจ้าเอาไปจะไม่ดีกว่าหรือ “

 

“ แม้ว่าข้าจะใช้แซ่เยี่ย แต่ว่ากับเหล่าเด็กน้อยเหล่านั้นมันไม่เหมือนกัน “ เยี่ยจงหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็กวาดสายตาเพ่งสำรวจรอบด้านคราหนึ่ง จนทำให้เหล่าผู้ที่อยู่รอบด้านอดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกคันที่ศีรษะ แล้วก็ยิ้มเจื่อนๆถอยจากไป เขาค่อยกล่าวต่อ “ พวกเจ้าทั้งสามมาจนถึงที่แห่งนี้แต่กลับไม่เกิดปัญหาอันใด ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว …… ตอนนี้พวกเจ้าก็ได้กริชทั้งสองเล่มนี้แล้ว สมควรจะที่กลับไปส่งมอบภารกิจได้หรือยัง ? ต่อไปก็อย่าได้เข้าไปลึกกว่านี้อีกละ รีบจากสถานที่เช่นนี้ไปให้เร็ว ข้าสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าครั้งนี้ ใช่ว่าจะสามารถช่วยเหลือเจ้าในครั้งต่อๆไปได้

 

หลังกล่าวจบ เยี่ยจงก็โบกมือไปมา ราวกับเตรียมตัวที่จะจากไปเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อในตอนนี้เขาเองก็มีแผนที่ทางเข้าอารามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้เขาคิดไว้แล้วว่าจะไปตามหาโชคลาภที่อยู่ภายในอารามก่อฟ้าต่อไป นับตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เยี่ยจงดูเหมือนจะไม่เห็นสิ่งของที่อยู่ภายในอารามก่อฟ้าอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่ว่าในตอนนี้กลับแสดงให้เห็นว่า ที่แห่งนี้ก็ยังถือว่ามีของบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

 

“ เยี่ยจง ท่านโปรดรอสักครู่ “ ในขณะที่เยี่ยจงเตรียมตัวที่จะหันหลังเดินจากไป เซียงฉียวี่ผู้นั้นและอีกสองสาวมองกันอย่างพร้อมเพรียง หลังจากนั้น เซียงฉียวี่ก็กัดฟันออกมา จนมีเสียงเบาๆอยู่ภายในปากแล้วกล่าว

 

“ ยังมีเรื่องอันใดอีก ? “ เยี่ยจงรู้สึกรำคาญอยู่หลายส่วนค่อยหันศีรษะกลับมาถาม

 

“ เรื่องเป็นเช่นนี้…… “ หลังจากนั้นก็เงียบลง เซียงฉียวี่กล่าวเสียงเบากว่าเดิม “ เดิมทีพวกเราทั้งสามนั้นจะไม่ได้เก่งกล้ามากมายนัก ในการที่เข้าสู่ภายในอารามก่อฟ้า แต่ว่าก็มิใช่ว่าพวกเราจะไม่ทราบว่าในที่แห่งนี้มันอันตราย อีกทั้งยังเพราะว่า……กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือหากท่านมีความสนใจต่อศาตราวุธระดับสูงแล้วละก็…..เช่นนั้น พวกเรามาร่วมมือกันซักคราดีหรือไม่ ? “

 

“ ศาตราวุธระดับสูง ? “ เยี่ยจงนัยน์ตาเป็นประกายออกมาอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็หัวเราะออกมา “ ดูเหมือนว่า พวกเราสมควรที่จะค่อยๆคุยกันแล้วละ “