ตอนที่ 1 หวนคืน

แปลไทย : แพนด้าคุง | แก้ไข : แพนด้าคุง

มณฑลเจียง เป็นหนึ่งในสิบเก้ามณฑลของโลก สถานที่ของมันนั้นติดอยู่กับทะเลตะวันออก และ มีหลายทะเลสาบหลายแห่งในดินแดน

วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นในมณฑลเจียง ในสถานที่เมืองหลวง

ถนนจิงลั่ว, ถนนนั้นตกอยู่ในเขตตะวันตกของเมืองหลวง มันเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังคึกคักจากงานที่เกิดขึ้น

“เป็นเวลาหกปีแล้วสินะ” ชายหนุ่มที่มีผ้าคลุมปิดหน้า มันมีดาบห้อยอยู่ที่ข้างเอว ชั่วครู่ มันก็ได้ลงจากหลังม้า และ ขาก็แตะลงที่ถนน “ในที่สุด ข้าก็กลับมา หลังจากที่ออกจากบ้านเกิดเป็นเวลาแสนนาน มันช่างเป็นเรื่องประเสริฐเสียจริง”

แต่ก! แต่ก! แต่ก!

เสียงของกีบม้า ที่เร่งฝีเท้าก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มผู้หนึ่งในชุดเสื้อผ้าที่หรูหรา กำลังนั่งอยู่บนม้าตัวใหญ่ที่กำลังควบผ่านถนนที่แออัด ด้วยความเร่งรีบ เขาผ่านผู้คนไปอย่างรวดเร็ว และกระโดดออกจากหลังม้าในทันที ไม่นานก็มีเหล่าทหารมากมายตามมาติดๆ กล่าวกับเขาว่า “นายน้อย ได้โปรดช้าก่อน ช้าก่อนเถิด!”

เมื่อชายหนุ่มที่มีผ้าฝ้าย ได้เห็นมันผู้นั้นควบม้า เขาเห็นเป็นชายหนุ่มในเสื้อผ้าที่หรูหรา ควบม้าผ่านไป

“เจ้าบ้าผู้นั้นเป็นใครกัน? อ่า จริงสิ, ข้าลืมไป ข้าจากที่นี่ไปเมื่อหกปีก่อน เมื่อหกปีที่แล้ว ข้ายังเป็นแค่เด็กที่อายุเจ็ด-แปดขวบ อาจหลงลืมเลือนผู้คนไปบ้าง” ชายหนุ่มที่มีผ้าฝ้ายคลุมหน้า ยิ้มกรุ่นกริ่ม ก่อนที่มุ่งหน้าต่อไป

ที่บ้านเกิดที่คุ้นเคย เขาจำร้านค้าสองแห่งได้

“เป็นเวลาหกปีแล้ว ที่ข้าได้จากไป ตอนนี้ข้าอายุสิบห้า ค่อนข้างนานพอตัว อะไรๆหลายอย่างก็เปลี่ยนไป ข้าเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน” เขากล่าว

เมื่อเขาอายุได้สิบห้าปี เขาก็พบกับความสำเร็จที่เขามุ่งไป อีกทั้งเขายังมีพลังวิญญาณอยู่เต็มเปี่ยม!

ในอดีตเขาถูกยกย่อง จากผู้คนในเมืองหลวง ว่าเป็นรุ่นใหม่ที่เก่งกาจ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ออกจากบ้านเกิดเป็นเวลาหกปี, เขาก็ตระหนักได้ว่า สมัยเด็กๆนั้น เขาเป็นคนอย่างไร

ขณะที่กำลังเดินไปตามเส้นทาง เขาก็เห็นภาพที่คุ้นเคย เป็นร้านอาหาร,แม่น้ำ และ สะพาน

สุดท้าย, เขาก็พาม้าของเขาไปยังตำหนัก

ความกลัวเริ่มคืนคลานเข้ามาหาเขา ในขณะที่เขากำลังเข้าไปใกล้ตัวตำหนัก เขาหายใจลึก ๆ และเดินไปข้างหน้าพร้อมเคาะไปยังประตู

“แกร่ก”

ประตูเปิดออกมาเล็กน้อย,พลันปรากฏชายชราผู้หนึ่งชะเง้อหัวออกมาจากช่องว่าง ไม่นาน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “นายน้อยสอง!” ชายหนุ่มก่อนหน้านี่ใส่ชุดผ้าฝ้าย ไม่ได้ดูวิเศษวิโสแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ชายชราผู้นั้น เคยเฝ้ามองนายน้อยสองของมันเติบโตมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย , ฉินหยุน ผู้นี้ ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ชายชราผู้นี้จำได้ทันที!

“ลุงหลี่!” ฉินหยุน กล่าวและยิ้ม

“นายน้อยสอง นายน้อยสองกลับมาแล้ว กลับมาแล้ว!” ชายชราหลี่ตะโกนออกมา เสียงของเขาสะท้อนดังไปทั่วตำหนัก เขาผลักประตูให้เปิดกว้างมากขึ้นเพื่อให้ฉินหยุนได้เข้าไป

“ให้ข้าเถิด ข้าจะนำม้าไปตัวเรือนของมันให้เอง” ชายชราหลี่เอาบังเหียนบังคับม้าไปยังโรงม้า

“หยุนเอ๋อร์, หยุนเอ๋อร์,” เสียงนั้น ทำให้ตัวตำหนักอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายไม่น้อย พลันปรากฏหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งวิ่งออกมา ด้านหลังของนางมีคนรับใช้ เป็นสาวน้อยไม่กี่คนเดินตามมาอย่างรวดเร็ว เมื่อฉินหยุนได้เห็นหญิงวัยกลางคนผู้นี้ มันก็พลันน้ำตาไหลออกมาด้วยตื่นเต้น

“ท่านแม่!”

สายตาของฉินหยุนจ้องไปที่นาง และ เขาก็วิ่งไปหา

หญิงวัยกลางคน มองไปอย่างระวังในตัวลูกชายของนาง, ก่อนที่นางจะสัมผัสไปยังใบหน้าของเขา และกล่าวออกมา “เยี่ยม!,ประเสริฐจริง ในที่สุดเจ้าก็กลับมาบ้านแล้ว ดูสิ ดู เจ้าโตสูงขึ้นมาก”

“นายน้อยสอง, ท่านหญิงได้ภาวนาต่อพระโพธิสัตว์ให้ท่านอยู่อย่างปลอดภัยทุกๆวัน และในที่สุดท่านก็ได้กลับมาหานางแล้ว” คนรับใช้สาวคนหนึ่งกล่าว

“สำหรับข้าแล้ว เมื่อได้กลับมาในตอนนี้ ข้านั้นหาได้ใช่ลูกชายที่กตัญญูจริง” ฉินหยุนกล่าวกับมารดาของเขา เขาสังเกตเห็นว่า นางนั้นเปลี่ยนไปมาก มีผมสีขาวเริ่มขึ้นปกคลุม รอยย่นที่ขอบดวงตาเริ่มปรากฏ ในใจของเขาเริ่มตระหนักคิด ตระหนักว่า มารดาของเขานั้นอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว

“อย่าได้พูดเช่นนั้น สำคัญกว่าไหนคือเจ้าได้กลับมาแล้วในตอนนี้” ถึงแม้ว่ามารดาของเขาจะมีน้ำตา แต่น้ำตาเหล่านี่คือน้ำตาแห่งความปิติสุข นางเริ่มออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว, “เร็วเข้า, รีบแจ้งข่าวแก่นายท่าน,และแจ้งข่าวกับนายน้อยหนึ่งด้วย”

“ค่ะ”

คนรับใช้หญิงรีบรับคำสั่งและออกไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งตำหนักฉิน ต่างกำลังเฉลิมฉลองที่นายท่านตำหนักฉิน, ฉินเหล่ยฮู้ได้กลับมา

“นายท่าน”

“นายท่าน” คนรับใช้และสาวใช้ที่อยู่ในตำหนัก โค้งกราบลงอย่างสุภาพ ในใจของพวกเขาล้วนแล้วแต่ตื่นเต้นและมีความสุขที่ได้เห็นนายน้อยสองได้กลับมา

ชายผู้สวมเกราะเพียงคนเดียว พยักหน้า ดวงตาของเขาส่องประกายราวกับสายฟ้าฟาดและดาบที่เอวของเขานั้นดูเฉียบคม การปรากฏตัวของเขา ล้วนแล้วแต่ได้รับการยกย่องนับถือจากพวกคนรับใช้ เขาคือนายใหญ่ของตำหนักฉิน , ฉิน เหล่ยฮู่ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสามผู้ตรวจการของเมืองหลวงอีกด้วย

“ท่านพ่อ” ฉินหยุนและมารดาของเขา เชียงหลัน,พวกเขาทั้งสองออกมาต้อนรับเขา

“หยุนเอ๋อร์” เมื่อชายผู้สวมเกราะ ฉิน เหล่ยฮู่ เห็นลูกชายของเขา ดวงตาของเขาเผยออกมาด้วยความอบอุ่นและปลื้มปิติ

มารดาของเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวลูกชาย เหตุเพราะเขานั้นได้เดินทางไปทั่วโลก แม้ว่า ฉินเหล่ยฮู่จะไม่ได้กล่าวอะไรก็ตาม แต่ในใจของเขานั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นห่วงในตัวบุตรชาย เขารู้ดีว่าหากให้บุตรชายของเขา ฉินหยุนได้ออกไปสำรวจโลกภายนอก เขาคงจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้ห้ามเขาได้สิ่งที่อยากทำ

แต่ในใจแล้ว เขาก็กลัวว่าบุตรชายของเขานั้นจะสูญหายและไม่กลับมาอีกเลย

โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ มีภูเขาสูงชันมากมาย ในหุบเขาเหล่านี้ มักเต็มไปด้วยสัตว์อสูรและสัตว์ประหลาด การที่จะสำรวจโลกใบนี้ มิใช่เรื่องที่ง่ายๆ

“ช่างดีจริงๆ ที่เจ้ากลับมาได้” ฉินเหล่ยฮู่ มองไปยังบุตรชายของมัน เห็นได้ชัดว่า ตัวมันนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ดูกลิ่นอายของมันแล้ว ดูโอ่งอ่างขึ้น

“เจ้าทะลายขั้นได้รึไม่?” ฉินเหล่ยฮู่ถามอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าลูกชายนั้นมุ่งเน้นบ่มเพาะพลังเพื่อเป็นอมตะ ความยากลำบากในการบ่มเพาะพลังไม่สามารถอธิบายออกมาได้

“ข้าสามารถทะลวงมันผ่านไปได้ เมื่อสองปีที่ผ่านมา” ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ดวงตาของฉินเหล่ยฮู่ส่องประกายขึ้น การเปลี่ยนแปลงของปลาตัวน้อย บัดนี้ได้กลายเป็นมังกรไปเสียแล้ว

“ดี ประเสริฐยิ่งนัก ข้า ฉินเหล่ยฮู่ มีบุตรชายที่แสนวิเศษจริงๆ” ฉินเหล่ยฮู่รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สิ่งนี่มันมีความหมาย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่จริงจัง ไม่อาจปรึกษากับภรรยาของเขาได้โดยตรง

“พวกเจ้าทั้งสอง ควรจะพูดเรื่องนี้ในภายใน มิใช่พูดในที่นี้นะ” มารดาของฉินหยุน เชียงหลันกล่าว

“ถูกของเจ้า ไปกันเถอะ ไปหาที่นั่งพักพูดคุยกัน” ฉินเหล่ยฮู่กล่าวอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ได้ใช้เวลากับบิดามารดาของเขา แล้ว ฉินหยุนก็ได้ยินเสียงเอะอังดังมาจากด้านนอก

“น้องสอง! น้องสอง! น้องสอง!” เสียงเรียกจากสถานที่ห่างไกล เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ท่านพี่!” ฉินหยุนลุกขึ้นยืน “ท่านพ่อ,ท่านแม่ ,ข้าจะไปต้อนรับเขา”

“ไปซะสิ เจ้าและพี่ชายของเจ้า ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตากันมาหกปีแล้ว” เชียงหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉินหยุนรีบออกจากห้องทันที และ เห็นผู้คนมุงกันยกใหญ่เดินออกมาจากสถานที่ไกลๆ เด็กหนุ่มที่สวมเสื้อมีสีสัน กับ ภรรยาที่งดงามและลูกสองคน คนหนึ่งเป็นชาย คนหนึ่งเป็นหญิง กำลังเดินมาหาเขา

“น้องสอง!” เมื่อชายหนุมที่มีเสื้อสีสันได้เห็นฉินหยุน เขาก็วิ่งเข้าไปกอดเขาด้วยความตื่นเต้น

“ท่านพี่” ฉินหยุนกอดเขากลับ

ความสัมพันธ์ของเขาและพี่ชายค่อนข้างดี หากย้อนกลับไปในตระกูลฉิน พวกเขาทั้งสองคนเคยเติบโตมากันอย่างยากลำบากในสมัยก่อน ในสมัยนั้น ฉินหยุนยังเด็กอยู่ และพี่ชายของเขาก็เติบโตเป็นวัยรุ่น คอยดูแลเขามาเสมอ

“เจ้าบ้าเอ้ย, เจ้าหายไปไหนมาตั้งหกปี! ก่อนที่เจ้าจะไป เจ้าไม่กล่าวอะไรกับใครเลย? และในสามปีต่อมา เจ้าก็ส่งจดหมายมาหาว่าออกไปผจญภัยข้างนอกนั้น?” ชายในชุดมีสีสันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตอนแรกในสามปี เจ้ารู้รึไม่ พวกเราเป็นห่วงแค่ไหน”

“มันเป็นความผิดของข้าเอง” ฉินหยุนรีบตอบ “สวัสดี พี่สะใภ้ และเด็กน้อยสองคน ‘ชูหยาน’ และ ‘ชูปิง’ ที่ท่านเคยเขียนในจดหมายใช่รึไม่ สวัสดีหลานชายและหลายสาวของข้า พวกเจ้าทั้งสองน่ารักจริงๆ” ฉินหยุนยิ้มให้เด็กๆ เขาก้มหน้าลงและจับไปที่ใบหน้าของเด็กทั้งสอง เด็กทั้งสองเหมือนเห็นท่าทีเขา พวกเด็กก็เลยวิ่งไปเกาะขาของบิดามารดาด้วยความกลัว

“ทักทายลุงของเจ้าสิ” ชายในชุดสีสันกล่าว “อย่าได้กลัวไป จะกลัวไปทำไมกัน? คนนี่คือลุงของเจ้า ทักทายเขาสิ”

“ท่านลุง”

เด็กทั้งสองคน อายุอาราวประมาณสามหรือสี่ปี

“ฮ่าๆ ข้ามีสองคนที่ต้องให้ปกป้องแล้วสินะ เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองเก็บนี่ไว้นะ” ฉินหยุนได้เตรียมของนี้ไว้แล้ว เขาหยิบสองถุงที่มีสีสันออกมา และมอบให้แก่พวกเด็กๆ นั้นคือ หยกเครื่องราง สีของมันเป็นสีขาวมีลวดลายสลักอย่างประณีต การออกแบบของมันหากมองดูแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

ชายในชุดมีสีสัน , ฉิน อัน มีความรู้และความฉลาดไม่น้อย การที่หยกของน้องเขาจะให้ลูกเขา เขาจึงกล่าวพูดออกมาทันที “น้องสอง นี่มันมากไปนะ”

“เก็บมันไว้กับตัวเถอะ มันเป็นของดีสำหรับเด็กๆ” ฉินหยุนกล่าว

ตอนกลางวัน,ทั้งครอบครัวกินอาหารด้วยกัน มันเป็นมื้อที่ดูฟุ่มเฟือยนัก แม่บ้านนำอาหารมาบนโต๊ะ อย่างมีความสุข เหตุเพราะว่า ตระกูลฉินมักปฏิบัติกับคนรับใช้และสาวใช้เป็นอย่างดี

ฉินหยุนมีความสุข เพราะว่าได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว บรรยากาศเหล่านี้ ช่างมีความสุขยิ่งนัก

“นายท่านครับ,นายท่าน!”

หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จ เหล่าเจ้าหน้าที่ในเมืองก็เข้ามาที่ตำหนัก ตะโกนอย่างสุดเสียง

ทุกคนในห้องโถงต่างได้ยิน

“หยุนเอ๋อร์ เจ้าพึ่งกลับมา ไม่หยุดพักหน่อยสักวันสองวันล่ะ?” เชียงหลัน ไม่ค่อยมีความสุขเกี่ยวกับการเปิดงานในครั้งนี้

“ให้ข้าถามก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น” ฉินเหล่ยฮู่กล่าวก่อนที่จะยืนไปข้างนอก

เหล่าผู้ตรวจการยืนอยู่ที่ประตู พวกเขานั้นใส่ชุดที่ดูแข็งแกร่ง มีเหล็กหนาปกคลุม ผู้ตรวจการหนักกว่าร้อยจิน ถ้าหากขยับมือไปต่อสู้ ก็สามารถทลายกำแพงได้โดยง่าย ตอนนี้ ผู้ตรวจการกำลังยืนรออยู่อย่างอดทน

“ผู้อาวุโส ซู่,นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันรึ?” ฉินเหล่ยฮู่เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงโทนเย็นชา ก่อนหน้านั้น เขาเคยบอกกับผู้ใต้บังคับยัญชาไปแล้วว่า วันนี้ห้ามรบกวนเขา ยกเว้นเรื่องสำคัญ เพราะว่าวันนี้ เป็นวันที่ลูกชายของเขาจะกลับมาในรอบหกปี

“นายท่าน, ข้าก็ไม่อยากมารบกวนท่านแต่อย่างใด แต่เนื่องจาก ท่านผู้ปกครองมณฑลมีคำสั่งที่สำคัญให้ท่านมา มันมีบางอย่างที่สำคัญ ท่านต้องเดินทางภายในหนึ่งวันหรือวันถัดไป” ผู้ตรวจการซู่ ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

“ผู้ปกครองมณฑล? หนึ่งหรือสองวันรึ?” ฉินเหว่ยฮู่หยักคิ้ว

ผู้ปกครองมณฑลอยู่ในความควบคุมอำนาจทางทหารและการเมืองภายในเมืองหลวง มันเป็นผลมาจากอสูรและสัตว์ประหลาด ที่ทำให้เกิดความหายนะ เขามีอำนาจที่จะข่มเหงเจ้าหน้าที่ภายใต้สัดกัด โดยไม่ต้องได้รับอนุญาติจากเจ้านายแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อผู้ปกครองมาถามหา ควรรีบไปหาทันที

ฉินเหล่ยฮู่กลับมาที่ห้องโถง

“ผู้ปกครองมณฑลเรียกข้าเข้าพบ ข้าคงไม่ได้กลับมาที่นี้อีกสักสองวันได้” ฉินเหล่ยฮู่สวมเสื้อคลุมของเขาและหยิบกระบี่มาไว้ที่ข้างเอว

“ระวังตัวด้วยนะ” เชียงหลันรีบเตือนเขาอย่างรวดเร็ว

“ข้าจะไปกับท่านด้วย ท่านพ่อ” ฉินหยุนรีบยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ไปกับข้า? เจ้าควรอยู่กับมารดานะ” ฉินเหล่ยฮู่กล่าวกับลูกชายเขา ในขณะที่ฉินหยุนกำลังเดินมาหา

“นายน้อยสอง นี่มันก็หกปีแล้ว ข้าได้เห็นท่านครั้งสุดท้ายก็นานนม” ผู้ตรวจการซู่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“ท่านลุงซู่ ดูท่านยังแข็งแรงดีนะ” ฉินหยุนกล่าว

“ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง” ผู้ตรวจการซู่กล่าว

ฉินหยุน ผู้ที่เคยได้รับฉายา คนรุ่นใหม่ ยามนี้อายุสิบห้าปีแล้ว ผู้ตรวจการซู่รู้สึกว่าเขาอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก

“ท่านพ่อ มันจริงจังขนาดนั้นรึ? ที่ท่านจะไม่สามารถกลับบ้านได้สองวัน ต้องการให้ข้าช่วยรึไม่?” ฉินหยุนกล่าว

ฉินเหล่ยฮู่มองดูบุตรชายของเขา ก่อนที่จะพูดว่า “ใจเย็น ไม่ต้องห่วงไป นี่คือขุมกำลังอำนาจของเมืองหลวง พวกเขาเป็นรัฐบาล”

“ไม่เป็นไร” ฉินหยุนพยักหน้า

ฉินหยุนขอตามบิดาไป ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็ออกจากตำหนัก พวกเขาทั้งหมดขี่ม้ากันออกไป

ขณะที่เขากำลังมองพ่อออกไป ฉินหยุนรีบรวบรวมพลังภายในของเขาเพื่อก่อรวมอำนาจแห่งธรรม

“เปิดดวงตาแห่งธรรม!”

ลึกเข้าไปในจิตใจของฉินหยุน พลังแห่งธรรม ถูกรวบรวมอย่างควบแน่น หนึ่งไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน แต่สายตาของฉินหยุนนั้น โลกภายนอกเปลี่ยนไปอย่างมาก

บ่ายนี้มีดวงอาทิตย์ขึ้นอยู่สูง การมองเห็นของฉินหยุนยามนี้ กลับกลายเป็นสีฟ้า เมื่อควบม้าไป พ่อของเขา ฉินเหล่ยฮู่ ก็มีบางอย่างลอยอยู่รอบๆตัวเข มันมีสีชมพู,สีเขียว,และสีแดง…. มีทั้งหมดหกชนิด แต่ท่าทางของพวกนั้นดูอ่อนแอยิ่งนัก หากสบัดคงหายไปกาลเวลา

“หนึ่งในสามผู้ตรวจการนั้น และท่านพ่อมีพวกอสูรลอยร่องอยู่ข้างๆ มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติซะแล้วสิ พวกเขาอาจตายได้ถ้าหากถูกรัศมีของปีศาจพวกนั้น” ฉินหยุนรู้สึกโล่งใจ ที่ปีศาจที่บินวนผ่านเข้าร่างของบิดาเขานั้น มันเป็นพวกไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด

ฉินหยุนหันไปรอบ ๆ ก่อนที่จะกลับมาที่ตำหนัก

ด้วยดวงตาแห่งธรรม ทำให้เขาเห็นว่ามนุษย์คนไหนที่มีรัศมีแห่งความโชคร้าย เป็นมิตร และอันตรายอยู่ เมื่อเขาได้เห็นแล้ว เขาก็โล่งใจ ไม่มีสิ่งใดที่สามารถซ่อนจากดวงตาแห่งธรรมของเขาไปได้

เห็นได้ชัดว่า รัศมีของตำหนักครอบครัวเขานั้น อยู่สูงบิดามารดาของเขาก็ปลอดภัย ยกเว้นสาวใช้กับคนรับใช้ที่รัศมีอ่อนๆมาก

“หยุนเอ๋อร์ มานี่สิ ไม่ต้องกังวลเรื่องพ่อเจ้าหรอก เขาต้องทำงาน ไม่ต้องห่วงไป” เชียงหลันกล่าวกับเขา

ฉินหยุนหันศีรษะและมองไปที่ห้องโถง

ต้อบขอบคุณดวงตาแห่งธรรมของเขา ทำให้รัศมีของผู้คนในห้องโถง ปรากฏ

มารดาเขา,พี่สะใภ้ และ หลานๆ พวกเขาทุกคนมีรัศมีที่ปกติ ยกเว้นก็เพียงแต่พี่ชาย

“หืม?” หัวใจของฉินหยุนเต้นโครมคราม

เขาเห็นพี่ชายของเขามีรัศมีค่อนข้างที่อ่อน อีกทั้งรัศมีก็มีสีเขียวเข้ม ที่น่ากลัวปกคลุมไปทั่วร่างกาย

“รัศมีปีศาจ! ปกคลุมหนาแน่น! มันแทรกซึมไปทั่วอวัยวะของเขาแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่เกิดขึ้นกับพี่ข้าแน่ รัศมีของพี่ข้าอ่อนมาก ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นานเขาก็ต้องป่วยและล้มตาย!” หัวใจของฉินหยุนเต้นแรงขึ้น เต้นแรงเพราะความโกรธและกลิ่นอายสังหารก็พลันปรากฏ “มันผู้ไหนคิดอยากฆ่าพี่ชายของข้ากัน?”

หัวใจของฉินหยุนเต้นแรงและเปรยความหวาดกลัวออกมา!

ถ้าหากเขากลับมาช้าอีกเพียงครึ่งปีแล้วนั้น เขาอาจจะไม่ได้เห็นพี่ชายอีกตลอดไป