GOS ตอนที่ 98 – 12 ดาบชั้นเลิศ

 

ถึงแม้ในเวลานี้เรือรบของโรจาจะเต็มไปด้วยอาวุธที่ยึดมาจากเรือพาณิชย์จนเกือบจะเต็มห้องโดยสาร แต่โรจาก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นแม้แต่น้อย

 

อย่างแรกที่เขาจะทำก็คือไปยังฐานธุรกิจใต้ดินของดองกี้โฮเต้แฟมิลี่ และหลังจากกวาดล้างฐานของพวกมันจนวอดวายแล้ว โรจาก็จะส่งข่าวไปยังศูนใหญ่มารีนฟอร์ดให้พวกเขาส่งพลเรือโทและเรือรบขนาดใหญ่มาสมทบอีกที

 

 

เมื่อเริ่มเข้าใกล้เกาะบานาร์ เรือรบก็เริ่มชะลอตัวลง

 

บนเรือรบ

 

“ท่านผู้บัญชาการจะไปคนเดียว?”

 

“ทำแบบนั้นไม่ได้นะครับ! ถ้าบนเกาะนั้นเป็นฐานธุรกิจใต้ดินของดองกี้โฮเต้จริงๆ … มันอันตรายเกินไป!”

 

สามนาวาเอกกำลังจ้องมองโรจา ตามตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ และกำลังกล่าวห้ามปรามโรจา

 

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของโรจามาแล้ว แต่เมื่อได้ยินโรจากล่าวว่า ต้องการที่จะบุกเดี่ยวไปยังเกาะบานาร์ แล้วให้พวกเขาลอยลำอยู่ในบริเวณใกล้เคียง หลังจากนั้นค่อยตามไปสมทบทีหลัง ภายในจิตใจของสามนาวาเอกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวล

 

นี่มันคืองานของหน่วยสอดแนม แล้วพวกเขาจะให้โรจาซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงผู้บัญชาการ เข้าไปยังฐานของศัตรูตามลำพังได้อย่างไร? แม้ว่าโรจาจะแข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัว แต่มันก็ยังอันตรายอยู่ดี และมีแนวโน้มสูงว่าอาจจะได้ปะทะกับผู้บริหารของดองกี้โฮเต้แฟมิลี่อีกด้วย!

 

“ฉันตัดสินใจดีแล้ว”

 

โรจากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยืนกรานถึงคำพูดของเขา

 

แน่นอนว่ามีเหตุผลที่โรจากล้าที่จะไปที่นั่นเพียงลำพัง เนื่องจากเขาเคยได้สัมผัสกับความแข็งแกร่งระดับผู้บริหารของดองกี้โฮเต้มาแล้วในภารกิจต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับตัวตนระดับนั้นได้ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ หากโรจาเลือกที่จะบุกเกาะพร้อมกับเรือรบ เมื่อทหารเรือและเหล่าโจรสลัดปะทะกัน คงจะเกิดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก และหากพวกมันจับทหารเรือเป็นตัวประกัน โรจาก็จะยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

 

วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ให้เขาบุกเดี่ยวเข้าไปและทำการตรวจสอบเล็กๆน้อยๆ หากไม่มีปัญหาใดๆ เขาก็จะกวาดล้างฐานที่มั่นของดองกี้โฮเต้บนเกาะแห่งนี้ จากนั้นก็ให้พวกนาวาเอกมาเก็บกวาดอีกที

 

สำหรับเรื่องที่สามนาวาเอกกังวลว่าโรจาจะมีอันตรายหากไปเพียงลำพัง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นแม้แต่น้อย

 

หากโรจาไม่สามารถรับมือกับพวกมันได้ ต่อให้ทหารเรือทั้งฐานในสาขาที่ 1 ยกกองกำลังทั้งหมดที่มีมาบุก พวกเขาก็คงไม่สามารถรับมือกับมันได้ ยิ่งมีสมาชิกหลักของดองกี้โฮเต้อยู่บนเกาะด้วยยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ในเวลานี้คนของดองกี้โฮเต้แฟมิลี่เพียงคนเดียวที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับโรจาได้ก็คือ โดฟลามิงโก้

 

แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าโดฟลามิงโก้กำลังอยู่ในระหว่างการหลบหนีจากซึรุซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการวางแผนไล่ล่าอยู่

 

“นี่ …”

 

เมื่อทั้งสามได้ยินน้ำเสียงอันหนักแน่นของโรจา และตระหนักว่าไม่สามารถโน้มน้าวโรจาได้ พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่มองหน้ากันและกัน และหันไปจ้องมองโรจาด้วยความกังวล

 

หลังจากนั้นระยะเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ขณะนี้โรจาได้ถอดเครื่องแบบกองทัพเรือออกแล้ว เขาสวมเพียงเสื้อผ้าลำลองธรรมดาๆ และกำลังพายเรือลำเล็กๆเข้าไปใกล้น่านน้ำของเกาะ

 

การมาถึงของเรือขนาดเล็กไม่ได้ดึงดูดความสนใจใดๆจากผู้คนบนเกาะบานาร์

 

หลังจากมาถึงโรจาก็พบว่าแทบจะทุกพื้นที่บนเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยการค้าขาย แม้แต่ผู้คนธรรมดาๆจากเกาะข้างเคียงก็ยังมาที่นี่เพื่อเลือกซื้อสินค้า

 

โรจาไม่ได้จอดเรือของเขาตรงท่าเรือ เขาหยุดพายหลังจากที่มาถึงใกล้ๆกับเกาะ ก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นภาพเบลอแล้วไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบริเวณชายฝั่งเกาะ

 

ณ ศูนย์กลางของเกาะบานาร์

 

นี่คือพื้นที่ๆเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดบนเกาะ ซึ่งแตกต่างจากเกาะที่โรจาเคยถล่มในตอนภารกิจค่ายชั้นยอดอย่างสิ้นเชิง

 

บนเกาะนี้มีชาวเมืองอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นเพียงคนธรรมดาๆ พวกเขาไม่ใช่โจรสลัดที่ปลอมตัวมา เพราะฉะนั้น ถึงแม้เกาะนี้จะเคยถูกตรวจสอบโดยทางกองทัพอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่น่าสงสัย

 

โรจาที่กำลังสวมเสื้อลำลองธรรมดาๆ เขามั่นใจว่าบนเกาะแห่งนี้ ‘มีปัญหา’ แน่ๆ หลังจากที่ขึ้นมาบนเกาะ โรจาก็ได้ใกระจายฮาคิสังเกตุออกไปและพบเจอกับฐานที่แอบซ่อนอยู่ของดองกี้โฮเต้แฟมิลี่อย่างรวดเร็ว

 

“ใต้ดิน … ?”

 

โรจาพึมพำออกมาพร้อมกับเผยท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย

 

ณ เวลานี้โรจากำลังเดินอยู่บนถนนใจกลางเกาะบานาร์ เขาเหลือบมองไปยังเบื้องล่าง ก่อนที่จะส่ายหัวเล็กน้อย แล้วเดินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

ณ บางแห่งบริเวณใต้พื้นดิน แต่เต็มไปด้วยไฟที่สว่างไสว

 

ในห้องโถงที่ดูกว้างขวาง มีคนหลายสิบคนกำลังนั่งอยู่ ดูเหมือนว่าที่แห่งนี้จะเป็นจุดแสดงสินค้า แม้ว่าทุกคนในที่นี้จะไม่ได้ดูเหมือนกับคนเลวไปซะทุกคน แต่น้ำเสียงและสายตาที่พวกเขาเผยออกมานั้นล้วนแฝงไว้ซึ่งประกายแห่งความเย็นชา

 

คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนของกองกำลังใต้ดินจากเขตทะเลเวสต์บลู แต่ก็ยังมีตัวแทนจากกองกำลังใต้ดินของเขตทะเลอื่นๆปะปนอยู่ด้วย แม้ว่าเขตทะเลอีสต์บลู เวสต์บลู และนอร์ทบลู จะอ่อนแอกว่าเขตทะเลแกรนไลน์ แต่อาณาเขตพื้นที่ทะเลของพวกเขาก็กว้างขวางกว่าเขตทะเลแกรนไลน์มากมายนัก

 

ในทะเลทั้งสี่เขต มีหลายประเทศและหลากหลายกองกำลังใต้ดินแฝงตัวอยู่ มีเพียงแกรนไลน์เท่านั้นที่มีกองกำลังใต้ดินเพียงน้อยนิด แต่มีโจรสลัดชุกชุมมากที่สุด

 

ท่ามกลางความเงียบ

 

ชายคนหนึ่งที่คาบซิการ์อยู่ในปากได้กล่าวออกมาว่า

 

“คราวนี้ก็จัดสรรอาวุธกันอย่างเท่าเทียมได้ซักที  แล้วเรื่องทรัพยากรอื่นๆล่ะ?”

 

“แน่นอนว่ามี”

 

ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนเวทีและมีรอยแผลเป็นบนใบหน้ายิ้มพร้อมกับกล่าวตอบ

 

“ทรัพยากรอื่นๆก็มีพวก ผลปีศาจ ไม่ทราบว่าคุณสนใจพวกมันหรือไม่?”

 

“ผลปีศาจ?”

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของชายวัยกลางคน เหล่าฝูงชนจำนวนมากก็เผยให้เห็นถึงประกายในดวงตาของพวกเขา สำหรับเขตทะเลเวสต์บลูแล้ว ผลปีศาจนับว่าเป็นอะไรที่หายากมากๆ

 

แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคงมีทีท่าทีสงบอยู่

 

“ฉันจะสนใจมันหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าผลปีศาจนั้นเป็นชนิดอะไร”

 

ชายวัยกลางที่ยืนอยู่บนเวทีได้ยินดังนั้น ก็โค้งคำนับ ก่อนที่จะโบกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขานำถาดสามใบที่ที่มี่ผลปีศาจวางอยู่มา ซึ่งแต่ละผลนั้นมีรูปร่างแตกต่างกันไป ขึ้นมาบนเวที

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชายวัยกลางคนก็แนะนำผลไม้ปีศาจทั้งสามชนิดก่อนที่จะวางพวกมันลงบนโต๊ะ

 

เบื้องล่าง

 

หลังจากที่กระซิบพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง สมาชิกจากกองกำลังต่างๆก็เริ่มที่จะเสนอราคา

 

พริบตาเดียว ผลปีศาจทั้งสามก็ถูกซื้อไปในราคาที่สูงมากๆ

 

“ณ เวลานี้ทางเรามีผลปีศาจเพียงแค่สามผลเท่านั้น แต่เนื่องจากนานๆทีจะทำการจัดงานแสดงสินค้า ดังนั้น แน่นอนว่านอกจากผลปีศาจทั้งสามแล้วยังมีสิ่งอื่นที่พิเศษยิ่งกว่าเป็นของส่งท้าย”

 

ชายวัยกลางคนที่มีรอยแผลบนใบหน้าได้ส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องของเขาอีกครั้ง และได้นำแท่งไม้อะไรบางอย่างที่มีสีดำมาวางบนโต๊ะ

 

หากลองสังเกตุดีๆ

 

จะเห็นว่ามันไม่ได้มีสีดำ เพียงแต่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าสีดำเท่านั้น หลังจากที่ชายวัยกลางคนดึงผ้าออก ทุกคนต่างก็พบว่า แท้จริงแล้วภายในเป็นแท่งไม้สีขาวอันบริสุทธิ์แตกต่างจากผ้าสีดำที่ห่อหุ้มมันอย่างสิ้นเชิง

 

คิ้วของทุกคนในห้องต่างขมวดเข้าหากัน พวกเขาต่างไม่ทราบว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร

 

พริบตานั้นเอง ชายวัยกลางคนก็คว้าแท่งไม้สีขาวขึ้นมา ก่อนที่จะดึงมันออกอย่างแรง!

 

วูซ–!

 

ช่วงต่อมา ดาบที่เปล่งประกายสีขาวราวกับหิมะก็ปรากฏต่อสายตาของทุกคน

 

นอกจากใบดาบจะเต็มไปด้วยความประณีตและละเอียดอ่อนแล้ว มันยังส่องประกายสีขาวและปลดปล่อยกลิ่นอายอะไรบางอย่างจางๆออกมาด้วย

 

“นี่มัน ..”

 

เมื่อเห็นตัวดาบ บางคนก็อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา

 

ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนเวที ได้วาดดาบออกไปสองสามครั้งอย่างแผ่วเบา ขณะที่ตามเส้นทางที่ดาบถูกวากออกไป พลันวาดไปเกิดประกายแสงสีขาวจางๆ ก่อนที่จะเก็บมันลงในฝัก และวางมันลงที่เดิมบนโต๊ะ

 

“การที่จะค้นพบมันนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากที่ได้พยายามค้นหามาหลายต่อหลายครั้งในที่สุด พวกเราก็ได้ค้นพบ ‘ดาบที่มีชื่อเสียง’ เล่มนี้ และมันก็คือ ..”

 

“1ใน12 ดาบชั้นเลิศ ซึ่งเป็นดาบระดับสูงที่สุดในโลก นามของมันก็คือ .. ดาบขาว ‘ฮิรุ’ !”

 

“ดาบเล่มนี้คือดาบที่ตรงกันข้ามกับดาบดำ ‘โยรุ’ ของมิฮอว์คตาเหยี่ยว ซึ่งถูกใช้โดยจอมดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!”

 

หลังจากที่ชายวัยกลางคนกล่าวจบ แม้แต่เหล่าผู้คนในห้องที่ก่อนหน้านี้ยังคงมีท่าทีสงบ และไม่แยแสต่อผลปีศาจ ก็พลันเกิดประกายขึ้นในสายตา! และเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม!!

 

“ฉันได้ยินมาว่าผู้ครอบครองดาบเล่มนี้คนสุดท้ายได้เสียชีวิตลงในเขตทะเลเวสต์บลู หลังจากนั้นหลากหลายกลุ่มอิทธิพลต่างๆพากันค้นหามัน ฉันไม่คาดคิดเลยว่าดาบเล่มนี้จะตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของดองกี้โฮเต้แฟมิลี่”

 

“หน่วยข่าวกรองของพวกคุณนี่มันชั้นหนึ่งจริงๆ!”