GOS ตอนที่ 66 – ขีดจำกัด

 

ภายในห้องนอนของโรจา

 

ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม พระอาทิตย์ได้สาดแสงลงมายังหน้าต่างชั้นสอง เป็นประกายแสงสีทองระยิบระยับ

 

โรจากำลังนั่งอยู่เงียบๆขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังถือโฮโนะสึกิอยู่ ส่วนมืออีกข้างกำลังค่อยๆเช็ดใบดาบของมันอย่างแผ่วเบา

 

โดยปกติแล้วเขาแทบจะไม่ได้เช็ดใบดาบของโฮโนะสึกิเลย เพราะภายใต้เปลวเพลิงของเขา ไม่ว่าจะเป็นคราบเลือด หรือสิ่งสกปรกใดก็ล้วนถูกแผดเผาไปจนหมดสิ้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาด

 

โรจาจ้องมองไปยังโฮโนะสึกิที่อยู่ในมือ พร้อมกับพึมพำออกมา

 

“ในขณะที่ระบบจิตวิญญาณแห่งดาบค่อยๆแข็งแกร่ง แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าโฮโนะสึกิจะเป็นหนึ่งในยี่สิบเอ็ดดาบชั้นยอดก็ตาม แต่วันหนึ่งมันก็คงไม่สามารถรองรับเปลวเพลิงและเก็ทสึงะ เท็นโชที่รุนแรงขึ้นได้อีกต่อไป ..”

 

หากลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่าใบดาบของโฮโนะสึกิเกิดความผิดปกติขึ้นเล็กน้อย ไม่เหมือนกับในตอนแรกที่โรจาได้รับมันมา

 

เนื่องจากความผิดปกติที่ว่านั้นมีเพียงเล็กน้อย จึงทำให้โรจาพึ่งมาสังเกตเห็นมันในตอนนี้

 

“สกิลจากระบบจิตวิญญาณแห่งดาบ ไม่ว่าจะเป็นริวจินจักกะ หรือแม้แต่เก็ทสึงะ เท็นโช ล้วนเป็นสกิลของเหล่า ชินิกามิ* และถูกใช้ออกมาจากซัมปาคุโต* ซึ่งโฮโนะสึกินั้นไม่ใช่ซัมปาคุโต ดังนั้นวัสดุที่ใช้ในการหลอมดาบเล่มนี้จึงไม่เหมาะสมที่จะใช้ควบคู่ไปกับสกิลเหล่านั้น”

 

(*ชินิกามิ = ยมทูต)

(*ซัมปาคุโต = ดาบฟันวิญญาณ)

 

“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังพอใช้งานได้ แต่เมื่อระบบจิตวิญญาณแห่งดาบวิวัฒนาการเป็นขั้นสี่ เก็ทสึงะ เท็นโชและเปลวเพลิงก็จะแข็งแกร่งขึ้น รุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งแบบนั้นก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้กับโฮโนะสึกิ และเมื่อฉันวิวัฒนาการเป็นขั้นห้า เกรงว่าโฮโนะสึกิคงไม่สามารถรองรับพลังของ ชิไค ริวจินจักกะได้ …”

 

โรจาค่อยๆเช็ดใบดาบของโฮโนะสึกิ ก่อนที่จะจมลงสู่ห้วงความคิด

 

เดิมทีแล้ว ต่อให้โฮโนะสึกิจะถูกฟาดฟันออกอีกไปเป็น 1000 ครั้ง หรือ10000 ครั้ง มันก็ยังคงไม่มีปัญหา แต่นั่นมันก็เป็นในกรณีปกติ! แต่จะให้ทำอย่างไรได้ วิชาดาบที่รุนแรงของเขานั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่วิชาของโลกวันพีช …

 

“ถ้าฉันมีดาบฟันวิญญาณซักเล่มก็คงจะดี”

 

เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา จู่ๆโรจาก็ชะงักไป ก่อนที่จะหัวเราะออกมาแล้วโยนความคิดนี้ทิ้งไป

 

หากวัสดุของ 21 ดาบชั้นยอด ไม่อาจรองรับวิชาจากดาบฟันวิญญาณได้ ถ้าอย่างนั้น แล้ว 12 ดาบชั้นเลิศล่ะ? — หากเป็น 12 ดาบชั้นเลิศที่ทำจากวัสดุชั้นเยี่ยม บางทีอาจจะสามารถรองรับวิชาดาบของเหล่ายมทูตได้ก็ได้!

 

วูซ—!

 

โรจาถือโฮโนะสึกิด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็กระโดดลงมาจากชั้นสอง และในเวลาเดียวกันเขาก็ตวัดดาบออกไปกลางอากาศ!

 

ทันใดนั้นคมดาบสายลมขนาดมหึมาก็พุ่งลงไปยังพื้นลานฝึกทันที

 

ตูม—!

 

พื้นลานฝึกเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง พร้อมกับประทับรอยลึกทิ้งไว้

 

โรจาเก็บโฮโนะสึกิลงในฝัก โดยไม่สนใจพื้นลานฝึกที่เสียหายจากการทำลายของเขา ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้อง พลางคิดว่าการประเมินในพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็ช่าง เพราะถ้าหากเขาไม่ผ่าน คนอื่นก็คงไม่ผ่านด้วยเช่นกัน

 

 

ณ ศูนย์ใหญ่กองทัพเรือ

 

ในลานจตุรัสเล็กๆ ที่มีหลากหลายอุปกรณ์วางอยู่ และข้างๆอุปกรณ์เหล่านั้นก็มีทหารเรือกว่า 10 คน ยืนอยู่

 

นอกเหนือไปจากทหารเรือทั่วไปแล้ว ยังมีทหารเรือระดับสูงอยู่อีกสามคน พลเรือโทอีกหนึ่งและที่ปรึกษาอีกสองคน

 

ที่ปรึกษาทั้งสองคนนี้เป็นผู่ช่วยของจอมพลเรือเซนโงคุ และเหล่าพลเรือเอก พวกเขามีหน้าที่จัดระเบียบกองทัพและคอยรายงานข้อมูลต่างๆ แต่ถึงแม้พวกเขาจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาสายตรงของเซนโงคุและเหล่าพลเรือเอก แต่ยศของพวกเขาก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายนัก เพราะในโลกใบนี้ หากคุณไม่แข็งแกร่ง คุณก็จะไม่ได้รับยศดีๆและความเคารพ!

 

ลานจตุรัสเล็กนี้แบ่งออกเป็นหลายส่วน

 

พลเรือโทและที่ปรึกษาทั้งสองยืนอยู่ข้างๆลานจตุรัส และตรงหน้าพวกเขาก็มีเหล่าเล่าบิงที่เข้ามารับการประเมินในครั้งนี้

 

นอกจากโรจาแล้ว ข้างๆเขายังมีสโมคเกอร์และคนอื่นๆที่ขอจบการศึกษาอยู่ที่นี่ด้วย ในตอนแรกโรจารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าเหล่าเล่าบิงที่อยู่ที่นี่ รวมไปถึงสโมคเกอร์นั้นอยู่ในค่ายชั้นยอดมานานกว่าสองปีแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะขอจบการศึกษา

 

ตรงหน้าโรจา และคนอื่นๆ มีเครื่องจักรแปลกๆวางอยู่

 

ปัง—!

 

หนึ่งในเล่าบิงเดินไปอยู่ตรงหน้าเครื่องจักร ภายใต้คำสั่งของที่ปรึกษา เขาได้เหวี่ยงกำปั้นออกไปทันที!

 

เครื่องจักรเกิดประกายไฟสว่างวาบ พร้อมๆกับมีคะแนนตัวเลขปรากฏขึ้นมา

 

“มีคุณสมบัติเพียงพอ … ผ่าน!”

 

ที่ปรึกษาคนแรกพยักหน้าและเริ่มจดบันทึกคะแนนที่ปรากฏขึ้นมา ส่วนที่ปรึกษาอีกคนที่อยู่ด้านหลังได้กล่าวออกมาทันที

 

“คนต่อไป!”

 

เล่าบิงอีกคนก็ได้ก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะทำเช่นเดียวกับเล่าบิงคนก่อนหน้านี้

 

เห็นได้ชัดว่าเครื่องจักรชิ้นนี้มีไว้เพื่อใช้ทดสอบพละกำลัง

 

“เครื่องจักรชิ้นนี้เป็นวิทยาการและเทคโนโลยีจากอีก 500 ปีในอนาคต ซึ่งถูกนำซึ่งถูกสร้างโดยด็อกเตอร์เวก้า พังค์”

 

พลเรือโทยามาคาจิได้กล่าวออกมา ขณะที่กำลังคาบซิการ์อยู่ในปาก พลางจ้องมองเหล่าเล่าบิงที่กำลังทดสอบพละกำลังกันอยู่

 

ที่ปรึกษาคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวว่า

 

“ใช่แล้ว แต่ก็นับว่าโชคร้าย ที่เครื่องจักรชิ้นนี้มีขีดจำกัดอยู่ มันไม่สามารถวัดพละกำลังที่มากจนเกินไปได้”

 

“พละกำลังที่เครื่องจักรเครื่องนี้รองรับได้สูงสุดคือ พละกำลังในระดับเดียวกับยศพลเรือตรี”

 

ได้ยินแบบนั้น พลเรือโทยามาคาจิก็กล่าวตอบไปว่า

 

“เรื่องนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องกังวล พวกที่ทดสอบนั้นเป็นเพียงแค่เด็กน้อย ยังไงเจ้าเครื่องนี้ก็ใช้การได้อยู่แล้ว”

 

เล่าบิงเกือบทั้งหมดได้ไปทดสอบพละกำลังจากเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว และเวลานี้เหลือเพียงสโมคเกอร์และโรจา

 

ตูม—!

 

สโมคเกอร์ตรงไปยังเครื่องจักรก่อนที่จะง้างกำปั้นกระทุ้งเต็มแรง! เมื่อที่ปรึกษาเห็นคะแนนที่ปรากฏขึ้นมา ใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นความประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองสโมคเกอร์

 

“สมกับเป็นทหารเรือที่ถูกฝึกสอนโดยเซเฟอร์ พละกำลังของเขาเกือบจะใกล้เคียงกับยศพลเรือตรี!”

 

ที่รึกษาพึมพำออกมา ขณะที่จ้องมองไปยังเล่าบิงคนสุดท้าย

 

“คนต่อไป โรจา!”

 

เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็ถึงตาของโรจา เล่าบิงและสโมคเกอร์ที่ผ่านการทดสอบไปแล้วก็หันไปมองโรจาด้วยความสนอกสนใจทันที — ทุกคนต้องการทราบว่าพละกำลังของโรจานั้นจะได้คะแนนเท่าใด

 

โรจาเดินไปตรงหน้าเครื่องจักร

 

ในตอนแรก

 

โรจาคิดว่าเครื่องจักรนี้ใช้วัดพลังโจมตี แต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันเป็นเพียงเครื่องวัดพละกำลังเท่านั้น

 

ซึ่งถึงแม้จะรู้คะแนนพละกำลังไป มันก็แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรในการต่อสู้เลย เพราะส่วนใหญ่เวลาสู้พวกทหารเรือก็ใช้ปืนกันอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม

 

มันก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะยิ่งมีค่าพละกำลังเยอะ นั่นก็จะยิ่งหมายความว่าเรานั้นแข็งแกร่ง! และหากสามารถทำคะแนนได้ 500 หรือมากกว่านั้น ก็จะถูกเรียกว่า แข็งแกร่งเหนือมนุษย์!

 

สำหรับโรจานั้น เขาไม่รู้จริงๆพละกำลังของเขาในตอนนี้นั้นมีเท่าไหร่ เพราะเขามักจะฝึกซิทอัพ 10000 ครั้งทุกวัน แต่กลับแทบไม่รู้สึกเหนื่อยล้าอะไรเลย

 

แต่ที่แน่ๆโรจาออกกำลังกายหนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่านัก

 

“ขีดจำกัดพละกำลังที่เครื่องจักรสามารถวัดได้คือเท่าไหร่?”

 

โรจาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเครื่องจักรได้หันไปถามที่ปรึกษาในขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้น

 

“เจ้าหนู … ต่อให้แกใส่เต็มแรงมันก็ไม่พังหรอก ไม่ต้องกังวล”

 

เนื่องจากโรจานั้นเป็นผู้ทดสอบคนสุดท้าย และที่ปรึกษาก็กำลังจะเตรียมตัวสำหรับการทดสอบครั้งถัดไป เมื่อได้ยินคำถามโง่ๆของโรจาเขาจึงหงุดหงิดเล็กน้อย

 

แต่ความจริงแล้ว

 

ที่ปรึกษาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขีดจำกัดแบบเป๊ะๆของเครื่องจักรนี้อยู่ที่เท่าไหร่ เพราะมันถูกส่งมาจากที่อื่น และที่ได้ยินมาก็เป็นเพียงการบอกว่าสามารถวัดพละกำลังได้ถึงระดับยศไหนแค่นั้น

 

คะแนนของสโมคเกอร์นั้นอยู่ใกล้เคียงกับยศพลเรือตรี นั่นทำให้เขารู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการบันทึกข้อมูลต่างๆ และคุ้นเคยกับค่ายชั้นยอด แต่การที่ได้พบเจอกับเล่าบิงในค่ายชั้นยอดที่มีพละกำลังใกล้เคียงกับยศพลเรือตรีนั้น แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ!

 

ส่วนเรื่องที่ว่าเครื่องจักรนี้สามารถรองรับพละกำลังได้มากขนาดไหน … เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย

 

“พูดเองนะ”

 

เมื่อเห็นท่าทีของที่ปรึกษาที่แสดงออกมา โรจาก็ขี้เกียจพูดอะไรอีกต่อไป ก่อนที่จะยักไหล่แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเครื่องจักร

 

โรจาค่อยๆชูกำปั้นขึ้น

 

“ฮาคิเกราะ … โคกะ”

 

วูซ—!

 

ตูมมมมม