GOS ตอนที่ 46 – น่าสงสัย

 

ปัง ปัง ปัง—!

 

สมาชิกค่ายชั้นยอดแต่ละคนต่างกระโจนหลบกระสุนกันวุ่นวาย แต่มีอยู่สองคนที่กระโจนเข้าหาพวกกลุ่มโจรสลัดทันทีที่เกิดเสียงปืน หนึ่งในนั้นคือสโมคเกอร์ ที่เปลี่ยนร่างกายเป็นควันทำให้กระสุนทั้งหมดทะลุผ่านร่างของเขาไป

 

วิซ—!

 

“อ๊าก–!”

 

พริบตาเดียวโจรสลัดกว่าสิบคนก็ถูกสับจนร่างขาดครึ่งราวกับหั่นผัก ในขณะที่บางคนก็ถูกบดขยี้ — ร่างของพวกมันระเบิดกระจัดกระจายราวกับลูกแตงโมถูกทุบ!

 

เลือดสาดกระจายไปทั่ว

 

“ดูเหมือนว่าทั้งเกาะจะเต็มไปด้วยโจรสลัด … ไม่ต้องสนใจพวกลูกกระจ๊อกพวกนี้! แยกตัวกันจับหัวหน้าพวกมัน!”

 

“เป็นความคิดที่ดี!”

 

ในช่วงที่กำลังชุลมุนวุ่นวายได้มีสมาชิกของค่ายชั้นยอดคนหนึ่งกล่าวขึ้น ถึงแม้เกือบทั้งหมดจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด แต่พวกเขาก็รับฟัง และกระจายตัวออกเป็นกลุ่มละ 2 ถึง 3 คนทันที ในขณะที่ก็ยังมีบางส่วนที่แยกตัวออกไปคนเดียว

 

 

บนถนน

 

“โจรสลัดก็ยังเป็นโจรสลัดอยู่วันยังค่ำ พวกมันจะต้องถูกฆ่าและเผาทั้งเป็น …”

 

คนอื่นๆอาจจะไม่สามารถรับรู้อะไรได้ แต่โรจาซึ่งมีพลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าบนเกาะนี้เต็มไปด้วยกจิตมุ่งร้าย(ความเคียดแค้น)นับไม่ถ้วน

 

ถึงแม้เขาจะไม่ได้เห็นทั่วทั้งเกาะแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความมืดมิดที่กำลังซ่อนตัวอยู่บนเกาะแห่งนี้

 

“ลูฟี่อาจจะเป็นโจรสลัด แต่เขาก็เป็นโจรสลัดประเภทนักผจญภัยที่ไล่ตามความฝันที่หวังว่าสักวันจะได้ครอบครองวันพีช แตกต่างจากโจรสลัดทั่วไปที่เอาแต่ปล้น เข่นฆ่า และทำทุกอย่างเพื่อเงินตรา!”

 

โรจาคิดว่าทุกอาชีพก็มีดีมีเลวปะปนกันไป เขาคิดว่าโจรสลัดบางคนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ในขณะที่บางคนถูกยกย่องว่าเป็นคนดีแต่เขาอาจจะทำอะไรที่มันไม่ดีก็ได้ ตัวอย่างเช่น อาคาอินุ –โรจาไม่เห็นด้วยกับความยุติธรรมสุดโต่งของเขา ซึ่งบางครั้งมันก็จะนำมาด้วยผลลัพธ์อันเลวร้าย

 

ไม่ว่าจะเป็นโจรสลัดที่ชั่วร้ายหรือกองทัพเรืออันเที่ยงธรรม สำหรับโรจามันก็เหมือนกันหมด! โรจานั้นมีความคิดเหมือนกับการ์ป เขาจะทำตามที่ตัวเองเห็นว่าสมควรทำ! แต่สิ่งที่โรจาแตกต่างจากการ์ปก็คือ เขาไม่เป็นอิสระ ไม่มีตำแหน่งใดๆในกองทัพเรือคอยผูกมัด

 

ฉัวะ—!

 

โฮโนะสึกิบนมือของโรจาได้คร่าชีวิตของโจรสลัดไปอีกหนึ่งคน เลือดโจรสลัดไหลทะลักลงบนถนนส่งผลให้เกิดบ่อเลือดขนาดเล็กขึ้น!

 

โรจาค่อยๆเดินทีละก้าว ทีละก้าวผ่านบ่อเลือดไปยังโจรสลัดคนหนึ่งหวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออก

 

“ขอโทษนะ … แกพอจะรู้หรือเปล่าว่าเจ้ากัปตันโรดส์มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?”

 

“ในโรงแรม … ที่อยู่กลางเกาะ”

 

“ขอบใจ หลับให้สบายนะ”

 

ฉัวะ–!

 

ไม่ว่าจะเป็นเลือดหรือศพโจรสลัด มันไม่ส่งผลใดๆต่อโรจาแม้แต่น้อย เขาเดินผ่านซากศพเหล่านั้นไปขณะที่จ้องมองไปยังใจกลางของเกาะที่มีตึกๆหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าตึกอื่นๆ — และโรจาคาดว่าตึกสูงตึกนั้นน่าจะเป็นโรงแรมที่เจ้าโจรสลัดเมื่อครู่บอก

 

โรจาพุ่งตรงไปยังโรงแรมและได้พบกับศัตรูมากมายที่ออกมาขวางทางเขา แต่คราวนี้ไม่ต้องการที่จะเสียเวลาอีกต่อไป — โฮโนะสึกิได้ถูกวาดออกไปทันที!

 

อิตโตริว … ผลาญ!

 

ตูม—!

 

เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำพุ่งเข้ากลืนกินเหล่าโจรสลัดที่อยู่ตรงหน้าจนพวกมันสลายหายไปกลายเป็นขี้เถ้า!

 

เปลวเพลิงได้ลุกโชนขึ้นไปบนท้องฟ้า และนั่นทำให้เกือบทุกคนบนเกาะสามารถเห็นมันได้อย่างชัดเจน

 

“เจ้างี่เง่านั่น … มันปลดปล่อยเปลวเพลิงได้ครั้งเดียวไม่ใช่รึไง? ทำไมถึงรีบใช้พลังเร็วขนาดนี้?”

 

ในมุมๆหนึ่งบนท้องถนน เวรี่ กู๊ดกำลังต่อสู้กับโจรสลัดอยู่ แต่เมื่อเห็นเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากระยะไกล มุมปากของเขาก็กระตุกเล็กน้อย

 

หรือว่ามันถูกพวกโจรสลัดบีบจนต้องใช้พลังนี้?

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ความคิดของเวรี่ กู๊ดจะหายไป ถนนอีกฟากหนึ่งได้เกิดเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่เปลวเพลิงพวกนั้นจะบิดตัวเป็นก้อนกลมๆราวกับอุตกาบาต แล้วพุ่งลงไปบดขยี้โจรสลัดที่อยู่ข้างล่าง — ส่งผลให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น

 

ตูม ตูม ตูม—!

 

ถนนทั้งเส้นที่ทอดยาวไปสู่โรงแรมกลางเกาะกลายเป็นทะเลเพลิงภายในพริบตา ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางมันจะถูกกวาดจนสลายหายไป!

 

เวรี่ กู๊ดอ้าปากค้างจนคางแทบจะแนบติดกับพื้นพลางจ้องมองไปท้องฟ้าที่ตอนนี้แทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากเปลวเพลิงในบริเวณนั้นได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

ไม่ใช่ว่ามันปลดปล่อยเปลวเพลิงได้แค่ครั้งเดียวงั้นหรอ??

 

นั่นไม่ใช่พลังจากผลปีศาจสายโลเกียจริงๆใช่ไหม?

 

พลังมันมหาศาลจนน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!

 

ถึงแม้เวรี่ กู๊ดจะเคยได้ยินมาว่าเปลวเพลิงของโรจาที่ปลดปล่อยออกมาในระดับสูงสุดนั้นจะรุนแรงมากๆ จนเกือบจะเผาป่าในการประเมินผลการต่อสู้ แต่พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองเขาก็ยังรู้สึกทึ่งอยู่ดี

 

เดิมทีเวรี่ กู๊ดคิดว่าโรจาสามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงได้เพียงครั้งเดียว เขาเคยคิดว่าถ้าหากหลบเปลวเพลิงของโรจาได้ เขาก็จะสามารถหาโอกาสสวนกลับ และคงไม่พ่ายแพ้แบบนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดนี้จะเป็นเพียงเรื่องตลก! ในตอนนั้นโรจายังไม่เอาจริงด้วยซ้ำ! ถ้าหากโรจาปลดปล่อยเปลวเพลิงแบบนี้ในตอนที่สู้กัน แล้วเขาจะหลบมันได้ยังไง??

 

เปลวเพลิงกวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนถนน โจรสลัดนับสิบคนได้ถูกกลืนกินแล้วสลายหายไปกลายเป็นขี้เถ้าทันทีไม่มีเหลือ!

 

“เฮ้ เฮ้ นั่นใช่เปลวเพลิงที่โรจาเป็นคนปลดปล่อยออกมารึเปล่า”

 

“นี่ไม่ใช่พลังจากผลปีศาจจริงๆงั้นหรอ? มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ขนาดพลังจากผลปีศาจของสโมคเกอร์ก็ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่มากมายขนาดนั้นเลย!”

 

ไม่เพียงแต่เวรี่ กู๊ดเท่านั้น แม้แต่เหล่าเล่าบิงคนอื่นๆต่างก็จ้องมองไปยังทะเลเพลิงบนถนนที่กวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยความรู้สึกตกตะลึง

 

อีกด้านหนึ่ง เดรคกับพวกเด็กใหม่จ้องมองทะเลเพลิงที่เป็นฝีมือของโรจาด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

 

ส่วนฮินะมุมปากของเธอกระตุกไม่หยุด เธอเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก ก่อนที่จะคิดในใจว่า

 

‘อย่าบอกนะว่านายต้องการจะทำเหมือนกับในตอนการประเมินผลการต่อสู้?’

 

 

ในขณะนี้

 

ณ ด้านบนสุดของโรงแรมใจกลางเกาะ เซเฟอร์มาสังเกตุการณ์อยู่ที่นี่เพราะตรงนี้เป็นจุดที่เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ทุกอย่างบนเกาะได้ แต่กลับไม่มีใครสังเกตุเห็นเขาเลยแม้แต่คนเดียว

 

เซเฟอร์จ้องมองไปยังทะเลเพลิงอันน่าสยดสยอง ก่อนที่เขาจะเริ่มรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

 

“เจ้าเด็กนั่นเริ่มจะก่อความวุ่นวายอีกแล้ว”

 

ความจริงแล้วในมุมมองของเซเฟอร์โรจาก็นับได้ว่าเป็นเด็กดีคนหนึ่ง แต่เสียเพียงอย่างเดียวก็คือเขาชอบทำให้อะไรๆมันยุ่งยากวุ่นวายขึ้นเหมือนกับการ์ป!

 

เซเฟอร์นั้นได้จับตัวโจรสลัดมาแล้วมากมาย แต่เขาไม่เคยฆ่าพวกมันเลย นอกจากฉายาแขนดำแล้ว อีกฉายาหนึ่งของเขาก็คือ ‘ผู้ไม่ยอมฆ่าใคร’ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากครอบครัวของเซเฟอร์ถูกเหล่าโจรสลัดสังหาร หลังจากนั้นเขาจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งพลเรือเอก และนั่นทำให้ความคิดหลายๆอย่างของเขาเปลี่ยนไป

 

เซเฟอร์ไม่คาดคิดเลยว่าเกาะนี้ทั้งเกาะจะเป็นฐานของพวกโจรสลัด ในตอนแรกเขาคิดว่าพวกมันแค่ซ่อนตัวบนเกาะนี้เท่านั้น

 

ใช้เวลาเพียงหกเดือนแต่กลับสามารถทำให้เกาะทั้งเกาะกลายเป็นเกาะโจรสลัดได้ มันไม่ใช่สิ่งที่โจรสลัดเขาดำจะทำได้โดยสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ถึงพวกมันจะกลับมาจากในแกรนไลน์ก็เถอะ

 

บางทีเกาะแห่งนี้อาจจะเป็นพื้นที่ชุมนุมของพวกโจรสลัดมาก่อน และไม่ถูกทางกองทัพเรือตรวจพบ แต่ว่าจู่ๆกลุ่มโจรสลัดเขาดำที่พึ่งมาถึงเมื่อหกเดือนก่อนได้เข้ายึดครองและควบคุมเกาะนี้ จากนั้นก็ถูกทางกองทัพตรวจพบ …(ประมาณว่าเซเฟอร์สงสัยว่ามีโจรสลัดอยู่ในเกาะนี้ตั้งนานแล้ว แต่ทำไมทางกองทัพไม่รู้เรื่อง แต่พอพวกเขาดำมากลับรู้เรื่องทันที มีใต้โต๊ะหรือผลประโยชน์ขัดแย้งอะไรกันรึเปล่า ประมาณนี้อะครับ)

 

แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เซเฟอร์ก็ส่ายหัว

 

เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีกต่อไปแล้วนับตั้งแต่ที่เขาลาออกจากพลเรือเอก ในตอนนี้หน้าที่เดียวของเขาคือการฝึกฝนเหล่าเล่าบิงในค่ายชั้นยอด และปราบปรามพวกโจรสลัดเขาดำซึ่งเป็นเป้าหมายของภารกิจต่อสู้ในครั้งนี้ หลังจากจบภารกิจแล้วที่เหลือเขาก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองทัพเรือเป็นคนจัดการ

 

ณ ด้านล่างโรงแรม

 

สมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเขาดำได้มารวมตัวกันที่นี่

 

“ทะเลเพลิงนี่ … เป็นฝีมือของพวกมันงั้นหรอ?”

 

“หรือว่าพวกมันจะไม่ใช่ทหารเรือธรรมดาๆ?”

 

“กองทัพเรือเขตเซาท์บลูไม่น่าจะมีทหารเรือที่มีพลังมากมายขนาดนี้ … บางทีพวกมันอาจจะเป็นกองทัพเรือจากเขตแกรนไลน์ และดูเหมือนว่าจะมาตามจับพวกเราโดยเฉพาะ”

 

หนึ่งในนั้นได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแส เขานั้นเคยก้าวเท้าไปเหยียบเรดไลน์มาแล้ว และมีค่าหัวอยู่ถึง 10 ล้านแบรี่ ดังนั้นเขาจึงไม่หวาดกลัวเหล่าล่าบิงแม้แต่น้อย

 

แต่ในตอนนั้นเอง โรดส์ได้เดินออกมาจากโรงแรมก่อนที่จะกล่าวอย่างเย็นชาว่า

 

“เพียงแค่ครึ่งปี ฐานของพวกเรากลับถูกเปิดเผย ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นเพราะพวกเราหรือไม่ เราก็ต้องกำจัดพวกมันให้เร็วที่สุดแล้วค่อยย้ายฐาน ไม่อย่างนั้น … พวกกองทัพเรือจะส่งพวกที่เก่งกาจกว่านี้มา แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็จะตายกันหมด”

 

คำพูดของโรดส์ ทำให้เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดขึ้น

 

แต่แล้วโรดส์ก็แสยะยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า

 

“ถึงแม้พวกมันจะเป็นทหารเรือจากเขตแกรนไลน์ ก็แล้วยังไงเล่า? พวกเราก็ไม่ใช่โจรสลัดกระจอกๆเช่นกัน”

 

“ไปฆ่าพวกมันให้หมด!”

 

“รับทราบ!”

 

เหล่าโจรสลัดได้สูดหายใจลึก ก่อนที่ดวงตาของพวกมันจะเผยให้เห็นถึงประกายเย็นเยียบ และเดินตามโรดส์ออกจากโรงแรม