GOS ตอนที่ 37 – ฮาคิและหกวิชาโรคุชิกิ

 

“แกแน่ใจนะว่าอยากจะสู้กับฉัน?”

 

โรจาเริ่มรำคาญกับคำยั่วยุงี่เง่าของเวรี่ กู๊ด เขานั้นไม่ใช่นักบุญที่จะสามารถทำเป็นไม่แยแสทุกสิ่งทุกอย่างได้

 

ดี ดีมาก! ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็ ..

 

“ฉันจะปล่อยให้แกโจมตีก่อน สามครั้ง! หลังจากนั้นก็เตรียมโดนฉันอัดจนเละได้เลย!”

 

เวรี่ กู๊ด กล่าวพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา  ในขณะที่คนอื่นๆเริ่มถอยออกห่าง เปิดพื้นที่ให้พวกเขาสู้กัน

 

อย่างไรก็ตาม

 

ในระหว่างที่กลุ่มทหารเรือฝึกหัดและเหล่าเล่าบิง เริ่มถอยออกมาจากบริเวณนั้น จู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ได้ดังขึ้น ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่

 

“เวรี่ กู๊ด ฉันสอนให้แกแข็งแกร่ง เพื่อที่จะให้แกเอามาใช้ทำเรื่องแบบนี้?”

 

“เซ .. เซเฟอร์เซนเซย์!”

 

“ถ้าแรงเหลือเยอะนักก็ไปฝึกต่อซะ!”

 

“ครับผม!”

 

ก่อนหน้านี้ เวรี่ กู๊ดเชิดหน้าราวกับไก่ขันในยามเช้า แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงของเซเฟอร์ เวรี่ กู๊ด ก็รีบผงกหัวรัวๆราวกับไก่จิกข้าวทันที

 

อีกด้านหนึ่ง โรจาที่กำลังเตรียมที่จะชักโฮโนะสึกิออกมาก็ค่อยๆคลายมือจากดาบอย่างช้าๆ

 

อย่างไรก็ตาม

 

การท้าประลองกันในค่ายชั้นยอดเป็นเรื่องปกติ และได้รับอนุญาติให้ทุกคนสามารถท้าประลองคนอื่นๆได้ตลอดเวลา ตราบเท่าที่ผู้ถูกท้ายอมรับ …

 

ดังนั้น เซเฟอร์จึงไม่ได้ลงโทษอะไร เวรี่ กู๊ด เขาเพียงส่ายหัวและละเว้นการกระทำของมัน ก่อนที่จะหันไปมองโรจาและทหารเรือฝึกหัดคนอื่นๆ

 

“คนแรก โรจา มากับฉัน”

 

“ครับ”

 

โรจาต้องการที่จะฝึกเค็นบุนโชคุฮาคิ (ฮาคิสังเกต) และอยากรู้วิธีได้รับ ฮาโอโชคุ ฮาคิ(ฮาคิราชัน) เมื่อรู้ว่าเซเฟอร์จะแนะนำเขาเป็นการส่วนตัว หัวใจของโรจาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

หลังจากที่พยักหน้า โรจาก็เดินตามหลังเซเฟอร์ไป

 

เซเฟอร์เดินนำโรจามายังสนามฝึกซ้อมเล็กๆที่อยู่ข้างห้องโถงของค่ายชั้นยอด ก่อนปิดประตู

 

เวรี่ กู๊ด เมื่อเห็นว่าเซเฟอร์และโรจาเดินจากไปแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมา ขณะเดียวกันเล่าบิงคนอื่นๆก็เริ่มพูดล้อเลียนเขาว่า

 

“เวรี่ กู๊ด ฝึกพวกเด็กใหม่น่ะมันก็ได้ แต่ไม่ควรทำจนเกินเลย นายคงไม่อยากถูกเซเฟอร์เซนเซย์อัดหรอกใช่ไหม?”

 

“ฉันไม่คิดเลยว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดจะไม่ใช่เดรค แต่กลับเป็นเด็กใหม่ที่ชื่อโรจา … แต่ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าเดรคเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายสามัญจริงๆนะ”

 

เล่าบิงที่เดิมพันกับเวรี่ กู๊ด กล่าว ก่อนที่จะหัวเราะออกมา

 

“โชคดีที่โรจาไม่ได้สู้กับนาย ไม่อยากนั้นนายอาจจะแพ้เขา”

 

“ไร้สาระ!”

 

เวรี่ กู๊ด ขบฟันแน่น ก่อนที่จะพูดด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า

 

“มันพึ่งเข้ามาในค่ายชั้นยอดของพวกเรา แล้วมันจะเอาชนะฉันได้ยังไง? นายคิดว่าเจ้านั้นมันเป็นเหมือนกับสโมคเกอร์รึไง?”

 

เมื่อได้ยิน เวรี่ กู๊ด กล่าวถึงสโมคเกอร์ เหล่าเล่าบิงต่างก็หันมายิ้มให้กันและกัน — ในตอนที่สโมคเกอร์เข้ามายังค่ายชั้นยอด เขาก็ได้คว่ำทุกคนที่ขวางทางเขา รวมไปถึงเวรี่ กู๊ดด้วย จากนั้นก็กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายชั้นยอด

 

ความจริงแล้ว

 

เล่าบิงส่วนใหญ่ รวมไปถึงคนที่ท้าพนันกับเวรี่ กู๊ด ก็คิดเหมือนกันหมด พวกเขาคิดเห็นตรงกันว่า โรจาไม่มีทางเอาชนะ เวรี่ กู๊ดได้ พวกเขาเพียงแค่ต้องการแกล้งเด็กใหม่ และอยากเห็นเรื่องน่าสนุกก็แค่นั้นเอง

 

อีกอย่างหนึ่ง ต้องรู้นะว่าเวรี่ กู๊ดนั้นไม่ได้อยู่ในอันดับล่างของค่ายชั้นยอด แต่เขาถูกจัดอยู่ในอันดับกลางของค่าย! โรจายังคงอ่อนแอเกิน ที่จะเอาชนะเวรี่ กู๊ดได้

 

 

ในสนามฝึกซ้อมเล็กๆที่แยกออกมา

 

มีเพียงสองคนที่อยู่ในห้อง ทั้งสองคือโรจา และเซเฟอร์

 

“การ์ปคงจะสอนวิธีทะลวงขีดจำกัดร่างกายให้เธอแล้วอย่างนั้นสินะ”

 

เซเฟอร์ยืนอยู่ตรงหน้าโรจาได้เอ่ยขึ้น พร้อมกับยิ้มให้เขาเล็กน้อย ไม่มีการแบ่งแยกหรือแสดงท่าทีว่าเขานั้นคืออดีตพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือ

 

เมื่อได้ยินคำถามของเซเฟอร์ โรจาก็พยักหน้าเล็กน้อย

 

“ฮ่า ฮ่า อย่าคิดว่าเรียนกับการ์ปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียนกับฉันล่ะ เพราะวิธีการสอนของเขาจะเอามาเปรียบเทียบกับวิธีของตาแก่มากประสบการณ์อย่างฉันไม่ได้!”

 

เซเฟอร์ มองไปยังโรจาพร้อมกับหัวเราะ

 

ถ้าเปรียบเทียบกันเรื่องการฝึกสอนระหว่างเซเฟอร์กับการ์ปแล้วล่ะก็ การฝึกสอนของเซเฟอร์นั้นมีประสิทธิภาพดีกว่ามาก สามารถดูได้จากลูกศิษย์ของเขา ไม่ว่าจะเป็น อาโอคิยิ คิซารุ อาคาอินุ หรือแม้แต่เหล่าพลเรือยศสงๆคนอื่นๆในมารีนฟอร์ดก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์ของเขา การที่พวกเขาสามารถเป็นทหารเรือยศสูงๆได้ก็เนื่องมาจากได้รับการฝึกฝนกับเซเฟอร์

 

ไม่เพียงแค่นั้น โรจายังคงจำได้ว่า ในตอนที่เขาอ่านวันพีช การ์ปนั้นฝึกลูฟี่ด้วยวิธีพิสดารเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผลักตกหน้าผา จับลูฟี่ผูกติดกับลูกโป่ง แล้วปล่อยให้ลอยขึ้นฟ้า … และอีกหลากหลายวิธีพิสดาร ซึ่งโรจาไม่ต้องการมีประสบการณ์แบบนั้นอย่างแน่นอน

 

จริงๆแล้ว

 

ที่เซเฟอร์อธิบายเรื่องทะลวงขีดจำกัดร่างกาย เพื่อสัมผัสถึงศักยภาพแฝงในร่างกายมนุษย์นั้นก็เหมือนกับที่การ์ปสอน เพียงแต่เซเฟอร์สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย และตรงจุดสาระสำคัญๆ

 

เนื่องจาก การ์ปได้สอนวิธีการปฏิบัติให้แก่โรจาไปเยอะแล้ว เซเฟอร์จึงสอนเรื่องทฤษฏี และบอกรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้ผลลัพธ์ในการฝึกของโรจาสมบูรณ์แบบมากขึ้น

 

หลังจากที่เซเฟอร์แนะนำจบ โรจาก็จดจำสิ่งเซเฟอร์ได้กล่าวเอาไว้ ก่อนที่จะเริ่มถามเขาเกี่ยวกับเรื่องวิธีการฝึกฝนฮาคิ

 

ในโลกวันพีชนั้นมีฮาคิอยู่สามชนิด ได้แก่

 

1.ฮาคิแห่งการสังเกต(เค็นบุนโชคุฮาคิ) จะช่วยให้ผู้ใช้มีสัมผัสที่หก รับรู้ถึงตัวตน ความสามารถเบื้องต้นและการโจมตีของศัตรู

 

2.ฮาคิเสริมกำลังหรือฮาคิเกราะ(บุโชโชคุฮาคิ) จะช่วยให้ผู้ใช้มีความแข็งแกร่งเหมือนสวมเกราะที่มองไม่เห็น และมันสามารถเอาไปใช้ป้องกันการโจมตีของศัตรู หรือใช้โจมตีศัตรูได้

 

3.ฮาคิราชันค์(ฮาโอโชคุอาคิ) ฮาคิประเภทหายาก มีเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง และเป็นฮาคิเดียวที่ไม่สามารถฝึกฝนได้ พลังของฮาคิชนิดนี้จะมาจากจิตใจที่แข็งแกร่งและมีเพียงผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้นที่จะสามารถใช้ฮาคิชนิดนี้ ผู้ใช้ฮาคิราชันย์จะสามารถปล่อยจิตคุกคามหรือจิตสังหารในระดับรุนแรงออกมาจนทำให้ศัตรูที่จิตอ่อนแอหมดสติไปทันทีหรือหากเป็นศัตรูที่มีจิตแข็งแกร่งพอก็จะตะลึงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ (ตัวอย่างเช่น ลูฟี่เคยใช้ตอนไปช่วยเอสที่กำลังโดนประหารในศึกใหญ่มารีนฟอร์ด)

 

ซึ่งคนมากกว่าครึ่งในแกรนไลน์ หรือนิวเวิล ล้วนมีฮาคิสังเกตและฮาคิเกราะ

 

เมื่อได้ยินโรจาเอ่ยถามเกี่ยวกับฮาคิ ดวงตาก็เซเฟอร์ก็เป็นประกาย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับคำถามนี้ เพราะในความคิดของเขา โรจามีคุณสมบัติมากพอที่จะเรียนรู้ฮาคิแล้ว

 

ดังนั้นเซเฟอร์จึงบอกวิธีฝึกฝนฮาคิให้แก่โรจา

 

แน่นอนว่า

 

การฝึกฝนฮาคิไม่ใช่สิ่งที่พูดปากเปล่าแล้วจะสามารถเรียนรู้ได้ทันที แต่จะต้องฝึกฝนทีละขั้น ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่เนื่องจากโรจาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ นอกจากนั้นยังมีสายเลือด D ของการ์ป เซเฟอร์จึงคิดว่าการฝึกฝนฮาคิของเขาคงไม่กินเวลาและพลังงานมากเกินไป หากได้รับการคำแนะนำที่ดี

 

หลังจากที่พูดคุยสั้นๆเกี่ยวกับวิธีฝึกฝนฮาคิ เซเฟอร์ก็เงียบไปครู่หนึ่ง เพื่อปล่อยให้โรจาจดจำและคิดวิเคราะห์จนเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

 

ผ่านไปซักพักเขาก็เริ่มพูดต่อว่า

 

“ก่อนที่เธอจะเรียนรู้การใช้ฮาคิ ฉันขอแนะนำให้เธอเรียนรู้ ‘โซล กับ เก็ปโป’ ซึ่งเป็นสองในหกวิชาโรคุชิกิเสียก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะเลือกเดินในเส้นทางแห่งดาบ แต่วิชาโซลกับเก็ปโปก็ยังมีประโยชน์กับเธอมาก”