GOS ตอนที่ 38 – เปรียบเทียบความแข็งแกร่ง

 

โรจารู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำแนะนำของเซเฟอร์

 

โซลนั้นเป็นวิชาที่ช่วยให้ร่างกายสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ส่วนเก็ปโปก็เป็นวิชาที่ช่วยให้สามารถเดินบนอากาศได้ ซึ่งไม่ได้มีเพียงโรจาเท่านั้นที่จะได้ฝึกสองวิชานี้ แต่เกือบทุกคนในค่ายชั้นยอดก็ได้ฝึกฝนเช่นกัน

 

นอกจากนี้วิชาโรคุชิกินั้น ไม่ได้เป็นวิชาที่มีไว้ให้คนธรรมดาฝึกฝน เพราะการฝึกฝนโรคุชิกินั้นแทบจะไม่แตกต่างจากการฝึกฮาคิเลย ทั้งโรคุชิกิและฮาคินั้นมีเงื่อนไขในการฝึกฝนที่คล้ายๆกัน นั่นก็คือจะต้องมีพละกำลังร่างกายที่เหนือมนุษย์!

 

และโรจาในเวลานี้ก็มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข

 

ด้วยพละกำลังของโรจาที่มีในตอนนี้ อย่างน้อยเขาก็น่าจะมีความแข็งแกร่งพอๆกับทหารเรือในยศนาวาเอก

 

เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน โรจาจึงใช้ยศของทหารเรือในตำแหน่งต่างๆเป็นเกณฑ์กำหนดความแข็งแกร่ง

 

ในโลกวันพีช ทหารเรือยศนาวาเอกนั้นแทบจะไม่มีความสำคัญแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในหมู่นาวาเอกด้วยกันก็ยังมีทั้งคนที่แข็งแกร่งและไม่แข็งแกร่งปะปนกันไป ดังนั้นโรจาจึงไม่ค่อยมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของเขาจะพอๆกับยศนาวาเอกหรือไม่

 

ไม่เพียงแค่ยศนาวาเอกเท่านั้น แม้แต่ยศ พลเรือตรี พลเรือโท หรือแม้แต่พลเรือเอก ..

 

ก็ยังมีทั้งคนที่แข็งแกร่งและไม่แข็งแกร่งเช่นกัน อย่างไรก็ตามช่องว่างระหว่างพลเรือตรีกับพลเรือโทนั้นห่างชั้นกันเป็นอย่างมาก

 

ยิ่งช่องว่างระหว่างพลเรือโทกับพลเรือเอกยิ่งไม่ต้องพูดถึง … แน่นอนว่าการ์ปเป็นข้อยกเว้น

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับยศล่างๆนั้นช่องระหว่างความแข็งแกร่งแทบจะไม่ห่างชั้นกัน

 

ในมุมมองของโรจา เกณฑ์การวัความแข็งแกร่งจากยศหรือตำแหน่งของพวกโจรสลัดนั้นก็ไม่ต่างกับเกณฑ์การวัดของกองทัพเรือ

 

ตัวอย่างเช่น 4 จักรพรรดิ ถึงแม้พวกเขาจะมีตำแหน่งที่เท่าๆกัน แต่พละกำลังความแข็งแกร่งของพวกเขาย่อมไม่เท่ากันอย่างแน่นอน

 

แต่พวกโจรสลัดนั้นจะแตกต่างจากกองทัพเรือ ตรงที่ กองทัพเรือจะวัดความแข็งแกร่งจากยศหรือตำแหน่ง ส่วนพวกโจรสลัดจะวัดความแข็งแกร่งจากค่าหัว …

 

บางทีตำแหน่งพลเรือเอกอาจจะแข็งแกร่งพอๆกับตำแหน่งสี่จักพรรดิ

 

โรจาพยายามย้อนนึกไปถึงในตอนที่เขาอ่านวันพีช การที่จะเปรียบเทียบว่าตำแหน่งพลเรือเอกกับตำแหน่งสี่จักพรรดิใครจะแข็งแกร่งกว่ากันนั้นค่อนข้างยาก และเท่าที่เขาจำได้ พลเรือเอกกับ4จักพรรดินั้นไม่เคยต่อสู้กัน ..

 

คิดไปก็ปวดหัว โรจาจึงโยนความคิดเหล่านี้ทิ้งไป ก่อนที่จะพูดในใจว่า ‘ไว้ไปท้าสู้พวกมันเรียงตัว เดี๋ยวก็รู้เองว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน’

 

อย่างไรก็ตาม

 

ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังคงห่างชั้นกับพวกที่กล่าวมามากมายนัก ไว้รอให้เขาสามารถปลดปล่อย ริวจินจักกะ ให้ได้ก่อนค่อยว่ากันอีกที

 

“ฉันคิดว่า ด้วยพรสวรรค์ของเธอ ต่อให้ฉันแนะนำแค่นิดๆหน่อยๆ แต่เธอก็คงสามารถเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ แต่ถ้าเธอยังมีอะไรสงสัยก็ถามมาได้เลย”

 

เซเฟอร์ได้แนะนำวิธีฝึกฝนโซลกับเก็ปโปเพียงสั้นๆ และเมื่อเห็นว่าใบหน้าของโรจาไม่เผยถึงความสับสน หรือไม่เข้าใจ เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย

 

ดูเหมือนว่าโรจาจะเข้าใจจริงๆ

 

ก่อนที่โรจาจะถูกส่งมายังโลกนี้ ปกติเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถในการเข้าใจมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว นอกจากนี้คำแนะนำของเซเฟอร์ก็เรียบง่าย และตรงประเด็น โรจาแทบจะไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองอะไรมากมาย เขาก็สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เซเฟอร์แนะนำได้

 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจวิชาทั้งสองแล้ว แต่โรจาก็ยังถามคำถามไปอีกหลายข้อ

 

คำถามที่ถามไปนั้นไม่ได้เกี่ยวกับวิชาโรคุชิกิ แต่เป็นวิธีฝึกฝนที่เหมาะสมกับเขา ก่อนหน้านี้โรจาก็ได้ถามคำถามนี้กับการ์ปไปแล้วเช่นกัน แต่คำตอบที่ได้รับมาค่อนข้างคลุมเรือ

 

หลังจากที่เซเฟอร์ได้ยินคำถามของโรจา เขาก็ครุ่นคิดอยู่ซักพัก ก่อนที่จะตอบกลับไป และแต่ละคำตอบก็ชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายมาก

 

เซเฟอร์นั้นมีความอดทนเป็นอย่างมาก ถึงแม้โรจาจะถามเข้าไปหลายคำถาม แต่เซเฟอร์ก็ยังไม่มีท่าทีร้อนรน แถมยังถามโรจากลับไปอีกว่า

 

“เธอยังมีอะไรสงสัยอีกรึเปล่า?”

 

“ไม่มีแล้วครับ ขอบคุณครับ เซเฟอร์เซนเซย์”

 

คำถามที่โรจาถามออกไป เขาอยากรู้มาหลายวันแล้ว เนื่องจากการ์ปตอบคำถามที่เขาอยากรู้ได้ไม่ค่อยชัดเจนและคลุมเครือ โรจาจึงได้เก็บมาถามเซเฟอร์อีกครั้ง และเขาก็ตอบคำถามได้ดีทีเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลให้โรจาพูดขอบคุณเซเฟอร์ด้วยความจริงใจ

 

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว แต่ถ้าเธอต้องการขอบคุณฉัน ก็จงขอบคุณด้วยการทำผลงานดีๆให้ได้แทนก็แล้วกัน”

 

เซเฟอร์ตอบกลับอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะยิ้มให้โรจาแล้วกล่าวว่า

 

“เอาล่ะ ในเมื่อไม่สงสัยอะไรแล้ว เธอก็ออกไปได้ … โอ้ พอกลับไปแล้วอย่าลืมบอกเดรคให้มาหาฉันด้วยนะ”

 

“ครับ”

 

โรจาตอบกลับ พลางพยักหน้า ก่อนที่จะออกจากสนามฝึกซ้อม

 

แต่ทันทีที่เขากลับมายังห้องโถง โรจาก็พบว่า เหล่าเล่าบิงจากค่ายชั้นยอด กับเดรคและทหารเรือฝึกหัดคนอื่นๆกำลังเผชิญหน้ากัน ดูเหมือนว่าหลังจากที่เซเฟอร์ออกไป การกลั่นแกล้งเด็กใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

 

ในความเป็นจริง เรื่องแบบนี้ได้กลายเป็นกฏของค่ายชั้นยอดไปแล้ว

 

เด็กใหม่ทุกคนที่มาจากค่ายสามัญเกือบทั้งหมดจะหยิ่งทะนงในความแข็งแกร่งของตัวเอง จึงเป็นหน้าที่ของเหล่ารุ่นพี่ที่จะต้องมอบบทเรียนให้แก่พวกเขา

 

ซึ่งบทเรียนนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะเมื่อได้รับภารกิจให้ต่อสู้กับเหล่าโจรสลัด หากพวกเขาหยิ่งทะนงเกินไปเหมือนในตอนที่อยู่ค่ายสามัญ ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกพวกโจรสลัดฆ่าตายได้

 

ดังนั้นเมื่อเห็นว่า เวรี่ กู๊ด กำลังยั่วยุเหล่าเด็กใหม่ เซเฟอร์จึงตำหนิเบาๆเท่านั้น และไม่ได้ลงโทษอะไรอีก

 

เมื่อโรจากลับไปรวมกับกลุ่มทหารเรือฝึกหัดเขาก็เห็นว่าเวรี่ กู๊ดได้ยั่วยุเดรคจนเขาแทบจะสติแตกอยู่แล้ว และกำลังจะเริ่มบู๊กันเร็วๆนี้

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะสู้กันหรือไม่ โรจาไม่สนใจ

 

โรจาพึ่งได้รับคำแนะนำวิธีฝึกฝนโรคุชิกิ และวิธีฝึกฝนฮาคิมา ตัวเขาในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น และต้องการที่จะหาสถานที่ที่จะใช้ฝึกฝน

 

“เดรค เซเฟอร์เซนเซย์เรียกนาย”

 

การต่อสู้ที่กำลังจะปะทุก็ถูกทำลายลงทันทีด้วยคำพูดของโรจา

 

เดรคเหลือบไปมองเวรี่ กู๊ดด้วยความเย็นชา ก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินออกจากห้องโถงไปตามทางที่โรจาเคยเดินออกไป

 

“อะไรกัน ออกไปได้ผิดเวลาจริงๆ”

 

เมื่อเวรี่ กู๊ดเห็นว่าเดรคเดินจากไป ใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นถึงความเสียดายเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ขัดขวางเดรค เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งของเซเฟอร์

 

หลังจากทำตามคำขอของเซเฟอร์เสร็จแล้ว โรจาก็หันหลังกลับและเตรียมที่จะจากไป

 

แต่ในตอนนั้นเอง

 

เวรี่ กู๊ดก็เดินไปดักหน้าโรจา ก่อนที่จะกางแขนทั้งสองออก เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการให้โรจาจากไป แล้วกล่าวออกมาว่า

 

“เฮ้ จะรีบไปไหน ไม่เพียงแต่ปล่อยเหยื่อของฉันหนีไป แต่แกก็ยังจะหนีไปด้วย? ถ้าฉันจำไม่ผิดเรายังไม่ได้สู้กันเลยนี่นา? ”

 

“อย่าขวางทางฉัน”

 

โรจาพูดอย่างสงบ ก่อนที่เขาจะก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว

 

เมื่อเวรี่ กู๊ด เห็นแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า

 

“โอ้ … แล้วถ้าฉันต้องการจะขวางแก แกจะทำอะไรฉันได้?”

 

โรจาเงยหน้าขึ้นมองเวรี่ กู๊ดที่กำลังส่งยิ้มมาให้เขา ก่อนที่จะกล่าวว่า

 

“นายต้องการได้รับ ‘บทเรียน’ ใช่ไหม?”

 

เวลานี้พวกเขาน่าจะสู้กันจริงๆแล้ว เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่าเล่าบิงและทหารเรือฝึกหัดจึงค่อยๆถอยออกไป เพื่อให้ทั้งสองต่อสู้กัน

 

ในขณะที่เล่าบิงบางคนก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะในตอนที่พวกเขาพึ่งเข้ามายังค่ายชั้นยอดใหม่ๆก็ถูกรับน้องแบบนี้เช่นกัน

 

“นายบอกว่าเจ้าหมอนี่คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายสามัญ​ใช่ไหม? นายว่ามันจะรับการโจมตีของเวรี่ กู๊ดได้ซักกี่กระบวนท่า?”

 

“ฉันขอพนันว่า 10 กระบวนท่า”

 

“จะดีจะร้ายยังไงเขาก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเด็กใหม่ ถ้าเวรี่ กู๊ด ไม่ใช้พลังจากผลปีศาจ ฉันคิดว่าเจ้าเด็กใหม่ที่ชื่อโรจาน่าจะทนได้ซัก 30 กระบวนท่า”

 

เหล่าเล่าบิงต่างจ้องมองพื้นที่ที่พึ่งจะกลายเป็นสนามประลองตรงหน้า และเริ่มพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา