GOS ตอนที่ 20 – ก้าวกระโดด

ถ้าโรจาจำไม่ผิด โซโลนั้นต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างหนักกว่าจะเข้าถึง ‘ลมหายใจของทุกสรรพสิ่ง’

อย่างไรก็ตามในหนังสือเล่มนี้กลับระบุ เรื่องของ ‘ลมหายใจของทุกสรรพสิ่ง’ เอาไว้อย่างชัดเจน!

วิชาดาบ ‘ลมหายใจของทุกสกรรพสิ่ง’อาจจะฟังดูสับสน ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆเป็นคำสั้นๆ มันก็คือ …

การจดจ่อ

ใช่แล้วมันเป็นเพียงแค่คำง่ายๆ แต่เป็นเรื่องยากมากๆที่จะเรียนรู้

มันเป็นเรื่องยากมากๆสำหรับคนธรรมดาที่จะ จดจ่อ ไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่ไขว้เขว

แต่เมื่อใดก็ตามที่เราสามารถ จดจ่อ ไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ เราจะสามารถรับรู้ถึงสิ่งนั้นในระดับที่แตกต่างไปจากเดิมได้อย่างสิ้นเชิง

และนั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ‘ลมหายใจของทุกสรรพสิ่ง’

“การจดจ่อนั้นเป็นหนึ่งในวิชาดาบอันแสนสำคัญ เมื่อใดก็ตามที่เราอยู่ในสภาวะจดจ่อ พละกำลังในการฟันจะแตกต่างจากการฟันแบบปกติอย่างสิ้นเชิง …”

โรจาจ้องมองไปยังวิชาดาบตรงหน้า มันอธิบายไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ว่าเป็นวิชาอันแสนสำคัญเพื่อก้าวเข้าสู่ ‘ดินแดน’ ของเหล่าจอมดาบ

อย่างไรก็ตาม

ข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ถูกรวบรวมมาจากฐานข้อมูลของกองทัพเรือ นั่นหมายความว่าจะต้องมีผู้คนมากมายในกองทัพเคยอ่านมัน …

แต่ถึงแม้จะมีผู้คนมากมายเคยอ่าน แต่ก็ใช่ว่าใครๆก็สามารถปฏิบัติตามได้

นักดาบมากมายต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเข้าถึงสภาวะนี้ ไม่เว้นแม้แต่เหล่าจอมดาบ

การเข้าถึงสภาวะจดจ่อของนักดาบแต่ละคนนั้นใช้เวลาต่างกัน บางคนก็ 3 ปี ในขณะที่บางคนใช้เวลามากกว่า 10 ปี!

“สภาวะจดจ่อ?”

โรจาจ้องมองเนื้อหาภายในหนังสือ และพยายามจดจำเนื้อหา ก่อนที่เขาจะหลับตา แล้ววางหนังสือลงข้างกาย

โดยทั่วไปสำหรับนักดาบที่ต้องการเข้าสู่สภาวะจดจ่อ พวกเขาจะต้องกวัดแกว่งดาบเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยจิตที่ไม่ฟุ้งซ่าน — ทำไปเรื่อยๆจนกว่าตัวเองจะ ‘สัมผัส’ ได้ถึงสภาวะจดจ่อ

อย่างไรก็ตาม โรจารู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น

“ไม่ฟุ้งซ่านไขว้เขว …”

โรจาหลับตาลง ก่อนที่จะพึมพำกับตัวเองในใจ จากนั้นก็เริ่มปรับลมหายใจและความคิดในหัวของเขา

โรจานั้นแตกต่างจากคนธรรมดา เขานั้นเคยเสียชีวิตมาแล้วในโลกก่อนหน้า และเมื่อถูกส่งมายังโลกนี้ จิตของเขาได้หลอมรวมกับระบบจิตวิญญาณแห่งดาบ ทำให้เขามีจิตที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป

และด้วยจิตอันแข็งแกร่ง จึงทำให้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีธรรมดาเหมือนกับคนทั่วไป!

ในตอนแรก

โรจาสามารถ ‘จดจ่อ’ ไปยังความคิดของเขาได้ แต่เขาก็พบว่ายังคงมีความคิดฟุ้งซ่านจำนวนมากอยู่ในหัวและมันคอยรบรวนการเข้าถึงสภาวะจดจ่อของเขาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม

ด้วยความมุ่งมั่นของเขา ความคิดฟุ้งซ่านก็ค่อยๆหายไปทีละนิด ทีละนิด

ทีละนิด

จนเขาได้ก้าวเข้าสู่สภาวะ​ สภาวะหนึ่ง

ท่ามกลางความเงียบ โรจาค่อยๆลืมตาขึ้น — ดวงตาทั้งคู่ของเขาพลันกระจ่างใส ไม่มีแม้แต่ร่องร่อยของความคิดฟุ่งซ่าน

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ ไร้ซึ่งเสียงใดๆ และมีเพียงเสียงเต้นของหัวใจที่ดังก้องอยู่ในหู

ช่างเป็นสภาวะที่แปลกประหลาดจริงๆ!

นี่เป็นสภาวะที่ไร้ซึ่งความสับสน แต่สามารถสังเกตได้ถึงสิ่งรอบตัวอย่างชัดเจน — จิตสำนึกถูกย่อตัวลง และไม่มีความสับสนใดๆพุ่งเข้ามารบกวน

“จิตใจของฉันไม่ฟุ้งซ่าน … นี่คือสภาวะจดจ่อหรือเปล่านะ?”

ครั้งแรกที่โรจาเข้าสู่สภาวะนี้ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่เขาก็สามารถกลับมาสงบได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สภาะวะจดจ่อ แต่เป็นอีกสภาวะหนึ่งที่ใกล้เคียงกัน …

โรจาลองจดจ่อไปยังสิ่งของรอบๆตัว และปรากฏว่าเขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ ถ้วยชา หรือแม้แต่พื้นดิน ..

“หรือว่านี่จะเป็นฮาคิแห่งการสังเกต?”*

*ฮาคิแห่งการสังเกต(เค็นบุโชกุ ฮาคิ)จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับรู้ถึงตัวตนและสามารถระบุตำแหน่งของศัตรูที่อยู่รอบตัวได้อย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องมองเห็นด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ยังช่วยทำให้สามารถอ่านการเคลื่อนไหวของศัตรูที่กำลังจะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ในระยะเวลาสั้นๆอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ก็อด เอเนลู ได้ใช้ฮาคินี้ ระบุตัวตนของศัตรู จากนั้นก็ใช้สายฟ้าที่เป็นพลังของผลปีศาจของเขาผ่าลงไปยังจุดๆนั้น โดยที่ตัวเองไม่ต้องขยับตัวแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นโรจาที่อยู่ในสภาวะนี้ก็เกิดความสงสัยบางอย่างขึ้น เพราะความรู้สึกนี้ แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่มันก็คล้ายคลึงกับ ฮาคิแห่งการสังเกต

หัวใจของโรจาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขานั้นต้องการที่จะก้าวเดินไปยังเส้นทางแห่งดาบ และก้าวเข้าไปยังดินแดนของเหล่าจอมดาบด้วยการเข้าถึงสภาวะจดจ่อ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้ก้าวเข้ามายังอีกสภาวะหนึ่ง ที่คล้ายคลึงกับฮาคิแห่งการสังเกต

สภาวะนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นสภาวะขั้นแรกของฮาคิแห่งการสังเกต!

อย่างไรก็ตาม โรจาที่อยู่ในสภาวะขั้นแรกของฮาคิแห่งการสังเกตุกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการ์ปที่อยู่ใกล้ๆแม้แต่น้อย

“ไม่ได้ๆ … ตอนนี้ฉันจะต้องฝึกสภาวะจดจ่อ!”

โรจากลับมาจดจ่ออยู่กับโฮโนะสึกิของเขา

จากนั้นก็ดึงโฮโนะสึกิออกจากฝัก แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง​ก่อนที่จะโยนมันขึ้นไปในอากาศ

“ถ้าฉันต้องการตัดสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะถูกตัด แต่หากฉันไม่ต้องการมันก็จะไม่ทางถูกตัดขาด!”

จิตใจของโรจา จดจ่อ ไปยังกระดาษที่ลอยอยู่ในอากาศ ก่อนที่เขาจะกระชับโฮโนะสึกิไว้ในมือทั้งสองข้าง

ฟุ่บ–!

ครู่ต่อมาดาบของโรจาก็ตวัดขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงลมจากดาบที่แหวกอากาศพุ่งไปยังกระดาษที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ!

กระดาษ … ไม่ได้ถูกตัด

การตัดกระดาษแผ่นบางๆนั้นนับว่าเป็นเรื่องง่ายแสนง่าย แต่การตวัดดาบอย่างรุนแรงไปยังกระดาษโดยที่ไม่ให้กระดาษขาดล่ะ? มันไม่มีทางทำได้ง่ายๆอย่างแน่นอน!

“นี่มัน … !”

เมื่อเห็นว่ากระดาษที่ถูกโฮโนะสึกิฟันนั้นไม่เกิดความเสียหายแม้แต่น้อย ดวงตาของโรจาก็เป็นประกาย ก่อนที่เขาจะออกจากสภาวะจดจ่อ

“นี่มันง่ายไปไหม?”

หลังจากที่เก็บโฮโนะสึกิลงในฝัก โรจาก็จ้องมองกระดาษแผ่นนั้น ก่อนที่จะส่ายหัวแล้วกล่าวว่า

“ไม่ มันยังไม่ดีพอ ฉันสามารถเข้าสู่สภาวะจดจ่อได้ในสถานการณ์ที่สงบเท่านั้น หากอยู่ในสนามรบที่แสนวุ่นวายตัวฉันในตอนนี้จะไม่สามารถทำจิตใจให้ไม่ฟุ้งซ่านได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าฉันไม่สามารถเข้าถึงสภาวะจดจ่อได้!”

ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้โรจาก็ลุกขึ้น ก่อนที่จะเกิดประกายขึ้นในดวงตาของเขา

จากนั้นก็เริ่มฝึกฝนสภาวะจดจ่อตามขั้นตอนที่หนังสือได้ระบุไว้ทันที

วิธีพื้นฐานเพื่อเข้าถึงสภาวะจดจ่อก็คือการฝึกฝนกวัดแกว่งทุกวันจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ  และในที่สุดก็จะสามารถเข้าถึงและควบคุมสภาวะนี้ได้

ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่พิเศษที่โรจาใช้ก็คือ การฝึกฝนทางจิต ซึ่งเป็นวิธีที่คนทั่วไปไม่ฝึกฝนกันเพราะมีโอกาสสำเร็จน้อยมากๆ

อย่างไรก็ตามโรจานั้นมีจิตอันแข็งแกร่ง — เขาเหมาะที่จะฝึกฝนวิธีนี้!

“การฝึกฝนต่อจากนี้ คือการพยายามเข้าสู่สภาวะจดจ่อได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม!”