GOS ตอนที่ 19 – วิชาดาบ

 

หลังจากที่เสร็จสิ้นการประเมินผลการต่อสู้ โรจาก็กลับไปยังบ้านของการ์ป

 

เขาไม่สนใจเรื่องผลคะแนนหรือการจัดอันดับ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงเงินทองเหมือนดั่งเช่นพวกนักบุญ เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องไปเขาก็พอจะเดาได้ว่าเขาจะได้อันดับที่เท่าไหร่ นอกจากนี้มันเป็นเพียงการจัดอันดับของค่ายสามัญเท่านั้น จึงไม่มีอะไรน่ากังวลเกี่ยวกับมัน

 

ในเวลานี้โรจานั่งอยู่ในห้องของเขาพร้อมกับดาบโฮโนะสึกิที่วางอยู่ข้างๆ

 

แม้ว่าโรจาจะสังหารสัตว์ร้ายไปมากมายในตอนที่อยู่บนเกาะ แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกภาคภูมิใจจนหลงระเริงเข้าไปในจิตใจของเขา

 

โรจารู้ดีว่า เหตุผลที่เขาสามารถสำแดงพลังได้มากมายขนาดนี้ ก็เนื่องมาจากสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยป่าที่เหมาะสมและสนับสนุนเปลวเพลิงของเขา หากโรจาอยู่ในสถานที่อื่นซึ่งเป็นเพียงพื้นที่โล่งกว้างแล้วล่ะก็ เปลวเพลิงของเขาก็คงไม่สามารถสำแดงพลังได้มากมายขนาดนั้น

 

แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่ แต่สิ่งที่เขากังวลก็คือวิชาต่อสู้ของเขาในการประเมินที่พึ่งผ่านมา

 

ตัวอย่างเช่น เขายังไม่มีรูปแบบวิชาดาบที่เป็นเอกลักษณ์ แถมวิชาดาบในตอนนี้ก็หยาบกระด้าง —โรจานั้นเอาแต่พึ่งพาสกิลไฟ และโฮโนะสึกิมากเกินไป

 

แน่นอนว่าแค่นั้นก็เพียงพอที่จะกำจัดพวกสัตว์ร้ายธรรมดาๆ แต่ถ้าหากเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งล่ะ? ศัตรูที่สามารถหลบหลีกเปลวเพลิงของเขาได้ หรือศัตรูที่สามารถต้านท้านไฟได้ ..

 

“รูปแบบวิชาดาบที่เป็นเอกลักษณ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ในตอนนี้ฉันมักจะพึ่งพาสกิลไฟซะเป็นส่วนใหญ่ แถมตอนนี้ฉันก็มีวิชาดาบและสกิลไฟเพียงแค่อย่างละสองเท่านั้นเอง”

 

โรจากล่าว พลางนึกย้อนไปถึงงานประเมินผลการต่อสู้บนเกาะ

 

วิชาดาบที่โรจามีในตอนนี้ คือ อิตโตริว(ดาบเดียวพิฆาต) และ อิไอ

 

ซึ่งอิตโตริวนั้นเป็นวิชาขั้นพื้นฐานที่ง่ายที่สุดของนักดาบ เป็นการฟันดาบเพียงครั้งเดียว แต่จะฟันด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี(อิตโตริวปัจจุบันเป็นหนึ่งในพื้นฐานของกีฬาเคนโด้) ส่วนอิไอนั้นคือการเฝ้ารอคู่ต่อสู้เข้ามาในรัศมีดาบ จากนั้นก็ชักดาบออกจากฝักอย่างรวดเร็ว! — อย่างไรก็ตามวิชาดาบเหล่านี้โรจายังอ่อนหัดนัก เขาจึงพึ่งพาแต่สกิลไฟซะส่วนใหญ่

 

สกิลไฟอีกสองสกิลก็คือ สกิล ‘ผลาญ’ และสกิล ‘กำแพงเพลิง’

 

สกิล‘ผลาญ’คือการปลดปล่อยเปลวเพลิงทั้งหมดที่มีออกมา ซึ่งสกิลนี้มีพลังโจมตีที่สูงมาก แต่มันมีข้อเสียคือสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย ส่วนอีกสกิลหนึ่ง ‘กำแพงเพลิง’ ที่สามารถใช้กังขังศัตรูที่อยู่ข้างในและสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ อย่างไรก็ตามพลังโจมตีของสกิลนี้ค่อนข้างต่ำ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้สัตว์ร้ายหลายตัวหลุดเข้ามาได้

 

“ในตอนนั้นฉันใช้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยป่าให้เป็นประโยชน์และสามารถฆ่าสัตว์ร้ายทุกตัวที่ฉันพบ! แต่ถ้าหากฉันต้องสู้กับคนที่มีประสบการณ์การต่อสู้แล้วล่ะก็ … การพึ่งพาแต่สกิลไฟเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถเอาชนะได้”

 

ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โรจาเน้นฝึกฝนแต่การเพิ่มค่าพละกำลังร่างกายเท่านั้น การ์ปไม่ได้ฝึกวิชาการต่อสู้ให้แก่เขาเลย

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝนร่างกายอีกต่อไป! แต่เขาสามารถเอาเวลาที่เหลือไปฝึกฝนสกิลไฟและวิชาดาบ!

 

แต่แล้วความคิดหนึ่งก็โผล่เข้ามาในจิตใจของเขา โรจาช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง

 

“แล้วฉันจะไปหาใครมาเป็นคู่ฝึกฝน? การ์ปงั้นหรอ? ไม่ ไม่ ไม่ ฉันคงถูกอัดจนเละแน่ๆ เพราะการ์ปไม่ใช่คนที่จะควบคุมพละกำลังของเขาได้”

 

ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ รอยเส้นเลือดก็ยิ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโรจา

 

ปัง—!

 

ในขณะที่โรจากำลังพยายามคิดหาวิธีฝึกฝนอยู่ ทันใดนั้นประตูห้องของเขาก็ถูกเปิดออก

 

โรจาจ้องมองไปยังการ์ปที่เปิดประตูเข้ามา — ถึงแม้เขาจะไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง แต่อย่างน้อยก็ควรจะเคาะประตูก่อนรึเปล่า?

 

“ลุงการ์ป ทีหลังก่อนจะเข้ามาก็เคาะประตูด้วยสิ”

 

โรจาถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะกล่าวถามว่า

 

“จู่ๆก็รีบพรวดพราดเข้ามาหาผมแบบนี้ คงจะต้องมีอะไรสำคัญสินะครับ?”

 

การ์ปกอดอก ก่อนที่จะยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า

 

“ไม่มี! แค่อยากทำให้แกตกใจเฉยๆ!”

 

“…”

 

โรจาแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำกล่าวของการ์ป

 

“เพราะคะแนนของแกที่ได้จากการประเมินสูงเกินไปและมันส่งผลกระทบต่ออะไรหลายๆอย่าง รวมไปถึงทะเลเพลิงที่ทำเอาป่วนไปหมดในวันแรก ดังนั้นรางวัลสำหรับที่ 1 ที่จะได้เข้าไปฝึกฝนในค่ายชั้นยอดถือเป็นโมฆะ! จะไม่มีใครได้ไปเข้าร่วมฝึกในค่ายชั้นยอด!”

 

การ์ปเดินเข้ามาหาโรจาทั้งๆที่ยังกอดอกอยู่ ก่อนที่จะหยุดยืนตรงหน้าเขาแล้วกล่าวว่า

 

“เพราะฉะนั้น อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จะมีการจัดงานประลองขึ้น!”

 

ความจริงแล้ว เซเฟอร์ได้ยอมรับโรจาให้มาฝึกกับเขาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นงานประลองในครั้งนี้ การ์ปจึงไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับมันมากนัก

 

หลังจากกล่าวจบ การ์ปก็ยกมือขึ้นเกาหัว ทำท่าทีราวกับว่าเขาลืมบอกอะไรบางอย่าง

 

“มีอะไรอีกน้า … ?”

 

จู่ๆการ์ปก็เหมือนจะนึกออก เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่พกมาด้วยแล้วยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้โรจา

 

“นี่สำหรับแก”

 

โรจายืนฟังการ์ปอย่างเงียบๆ เขาไม่สนใจงานประลองที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เพราะอย่างไรเสียเขาก็สามารถไปฝึกฝนในค่ายชั้นยอดได้อยู่แล้ว

 

เมื่อเห็นหนังสือที่การ์ปยื่นให้เขา ดวงตาของโรจาก็เต็มไปด้วยประกายความสงสัย

 

เขารีบคว้าหนังสือเล่มนั้นจากมือการ์ปทันที

 

เมื่อการ์ปเห็นว่าโรจาคว้าหนังสือไป เขาก็ยิ้มออกมา ก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินออกจากห้องไป

 

“หนังสือเล่มนี้มัน …”

 

เมื่อโรจาเปิดดู เขาพบว่าหนังสือเล่มนี้คือหนังสือที่เต็มไปด้วยข้อมูลและสาระสำคัญของวิชาดาบ ที่ทางกองทัพเรือเป็นคนรวบรวมขึ้น!

 

มีหากหลายวิชาดาบอยู่ภายในหนังสือเล่มนี้!

 

ต้องรู้นะว่า แม้แต่รัฐบาลโลกที่อยู่มายาวนานกว่า 800 ปี ก็ยังไม่มีหน่วยข่าวกรองที่มีฝีมือเทียบเท่ากับระบบข่าวกรองของทางกองทัพเรือ!

 

ข้อมูลภายในหนังสือเล่มนี้ได้บอกเกี่ยวกับวิชาดาบแต่ละชนิด รวมไปถึงประสิทธิภาพของเหล่า ‘จอมดาบ’ — หนังสือเล่มนี้ได้บันทึก วิเคราะห์ พละกำลังและวิชาดาบของพวกเขา!

 

การ์ปนั้นไม่มีความชำนาญในการใช้ดาบ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรโรจาได้! ด้วยตำแหน่งพลเรือโทของเขาในกองทัพเรือ ทำให้เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลเกือบทั้งหมดได้!

 

เขาจึงนำหนังสือที่บันทึกข้อมูลและสาระสำคัญเกี่ยวกับวิชาดาบมาให้โรจา

 

ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้!

 

หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้โรจาแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น! ซึ่งนั่นหมายความว่ามันจะทำให้เขาสามารถใช้สกิลชิไค : ริวจินจักกะ ได้เร็วขึ้น! — จากนั้นก็จะสามารถใช้สกิล บังไค ซันกะโนะทาจิ ได้! แต่เหนือสิ่งอื่นใด การฝึกฝนโดยอิงข้อมูลจากหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เขาฝึกฝนขัดเกลาพื้นฐานดาบ และสามารถเสริมความแข็งแกร่งของระบบจิตวิญญาณแห่งดาบได้เร็วขึ้น!

 

วิชาดาบที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างกระชับ นอกจากนี้ยังแยกแยะสาระสำคัญเกี่ยวกับ ‘เส้นทางแห่งดาบ’ และวิชาของเหล่าจอมดาบในยุครุ่งเรืองเอาไว้อีกด้วย! ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มันมากเกินกว่าที่โรจาคาดหวังไว้เสียอีก !

 

โรจาเปิดหนังสือข้ามสิ่งที่เขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนหรือไม่น่าสนใจอะไรมากมายนักออกไป และค้นหาว่าสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คืออะไร

 

ในตอนนี้โรจาเป็นเพียงนักดาบฝึกหัด แต่เขาก็ยังพอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเจตนารมณ์แห่งดาบอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะสามารถสร้างความเสียหายเพิ่มเติมด้วยสกิลไฟได้ แต่ก็นับว่ายังห่างไกลจากจอมดาบ

 

ซึ่งวิชาดาบที่มีจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างนักดาบฝึกหัดกับจอมดาบ

 

การที่จะเป็นจอมดาบได้นั้น

 

จะต้องผ่านเงื่อนไข เงื่อนไขหนึ่งให้ได้เสียก่อน

 

นักดาบฝึกหัดที่ต้องการจะเป็นจอมดาบ ขั้นแรก พวกเขาจะต้องเข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ลมหายใจของทุกสรรพสิ่ง’ ซึ่งเป็นพื้นฐานขั้นแรกของเหล่าจอมดาบเสียก่อน

 

จากในเนื้อเรื่องวันพีชที่โรจารู้มา ‘ลมหายใจของสรรพสิ่ง’ นั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าประทับใจมาก ในตอนที่โซโลยังเป็นนักดาบฝึกหัดอยู่ เขาสามารถเอาชนะอดีตนักฆ่าที่มีชื่อเสียง ซึ่งในตอนนั้นทำงานให้กับองค์กรอาชญากรรมบาล็อกเวิร์คในโค๊ดเนม Mr. 1 ที่กินผลปีศาจใบมีด (ผลซูปะซูปะ สายพารามีเซีย) ลงได้ ก็เพราะโซโลสามารถเข้าใจถึง ‘ลมหายใจของทุกสรรพสิ่ง’ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของจอมดาบ!

 

สำหรับจอมดาบแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถใช้ ฮาคิเสริมกำลัง* ได้ แต่หากเข้าใจถึง ‘ลมหายใจของทุกสรรพสิ่ง’ ต่อให้พวกเขาใช้ดาบที่เต็มไปด้วยสนิมก็ยังสามารถใช้มันตัดเหล็กได้อย่างง่ายดาย!

 

นี่คือความแตกต่างระหว่างนักดาบฝึกหัดและจอมดาบ!!

*ฮาคิเสริมกำลัง (บุโซโชกุ ฮาคิ) คือ ฮาคิที่ช่วยเสริมกำลังให้ผู้ครอบครองมีความแข็งแกร่งเหมือนกับสวมเกราะที่มองไม่เห็น ความพิเศษของฮาคิเสริมกำลังคือ การโจมตีร่างจริงของผู้ที่มีพลังจากผลปีศาจ ซึ่งโจรสลัดส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้าสู่นิวเวิลด์ รวมไปถึงทหารเรือยศพันโทขึ้นไปล้วนสามาถใช้ฮาคิเสริมกำลังได้