1/5

 

Ep.611 – หักหลังและซุ่มโจมตี

 

กลุ่มปีศาจชินระน่ะกระจายตัวอยู่กันอยู่ทั้งเหนือใต้ออกตกของลุ่มน้ำตู่ซาน แต่ถึงบอกว่ากระจายตัว ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถตกปากรับคำภารกิจได้ด้วยตัวเอง กรณีของติหรังเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในระดับรองผู้นำ

 

อีกอย่าง ในฐานะที่พวกตนเป็นกองกำลังมืด แต่เพิ่งลื่นล้ม ได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่ไป เลยเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกไม่ยินยอม ในใจยังปรารถนาคิดแก้แค้น

 

“ไป๋หลี? ไป๋หลีที่ว่านี่ใช่คนๆเดียวกับผู้หญิงของเจ้าตัวปัญหาคราวก่อนรึเปล่า”

 

“ไม่ผิดแล้วล่ะ นังลูกเจี๊ยบนี่มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เธอสวยมากๆ แต่ไม่รู้ทำไมพวกเราถึงจดจำเธอไม่ได้ พอลองย้อนนึกกลับไป ฉันพบว่าตัวเองจำไม่ได้ว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง ในความทรงจำนึกออกแค่ว่าสวยมากแค่นั้น!”

 

ติหรังเอ่ยเสียงจม “นี่เป็นผลจากพลังสมาธิขั้นสูง ถ้าใครได้เรียนรู้ ฝึกฝนพลังสมาธิจนถึงขั้นสูง อาการนี้จะเกิดขึ้นกับศัตรูของพวกเขา อาการของพวกนาย บ่งบอกว่าเธอคือผู้ใช้อบิลิตี้ที่แข็งแกร่งมาก”

 

คนอื่นๆรับฟัง แต่ยังสับสนงงงวยอยู่บ้าง ทว่าก็ปล่อยผ่านไป เพราะอย่างไรนี่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเป้าหมายลอบสังหารของพวกเขาคือฉินเฟิงกับไป๋หลี

 

“งานว่าจ้างนี้มาได้จังหวะพอดีเลย จะได้หาข้ออ้างกับบอส ว่าที่ออกไปสู้ เพราะต้องการลักพาตัวสาวสวยไปให้”

 

ติหรังผุดรอยยิ้มเย็น บันทึกภาพเป้าหมายและส่งรูปเข้าอุปกรณ์สื่อสารของบอสโดยตรง

 

บอสของกลุ่มปีศาจชินระ แน่นอนว่าต้องเป็น ‘ชินระ’ มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล A มันคือฆาตกรโรคจิต ชมชอบในหญิงงาม แต่ที่ชอบมากกว่า คือหลังจากปู้ยี่ปู้ยำหญิงงามแล้ว จะทรมาน ตัดแขนตัดขาพวกเธอ

 

เป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย มีงานอดิเรกสุดรักคือการสะสมผู้หญิงสวยๆงามๆ

 

ไม่นาน ชินระก็ส่งข้อความตอบกลับมา

 

“ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นแค่เลเวล C งั้นก็ให้ฟูโลวเก๋อไปช่วยลักพาตัวมาให้ฉัน นายติดต่อหาเขาได้เลย”

 

ฟูโลวเก๋อ คือผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุโลหะ เป็นคนที่ทรงพลังมาก อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าติหรัง

 

ติหรังรู้สึกว่าเขาตัดสินใจได้ถูกต้องจริงๆที่รายงานบอส เพราะเขารู้ว่าฉินเฟิงน่ะเป็นมือปืน แม้บางคนจะบอกว่าฉินเฟิงสามารถใช้วรยุทธโบรษณได้ก็ตาม แต่สำหรับมือปืน หากต้องเผชิญกับผู้ใช้อบิลิตี้โลหะ พวกเขาจะถูกกดดันมากเป็นพิเศษ ทั้งยังถูกจำกัดประสิทธิภาพการใช้งานพลังสมาธิ ดังนั้นติหรังจึงคิดว่านี่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

 

ถึงเวลาก็แค่ปล่อยให้ฟูโลวเก๋อสู้กับฉินเฟิง และสังหารอีกฝ่ายซะ จากนั้นตนเองก็รับหน้าที่จับตัวไป๋หลีมา!

 

เมื่อได้ข้อสรุปในจิตใจ ติหรังก็ติดต่อหาฟูโลวเก๋อ รออีกฝ่ายมาสมทบ หลังจากทั้งสองพบหน้า ก็จัดการคัดเลือกสมาชิกให้ครบ 20 คน และเริ่มเคลื่อนทีมเข้าไปยังลุ่มน้ำตู่ซานอย่างระมัดระวัง ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้เมืองกลาง

 

การเดินทางครั้งนี้ กินระยะเวลาถึงสามวัน

 

ขณะเดียวกัน ในระหว่างสามวันนี้ ฉินเฟิงได้ออกไปกำจัดรังแมลงทุกวัน และไม่มีครั้งใดล้มเหลว กลับมาแต่ละที มักมาพร้อมข่าวดี

 

นับตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ฉินเฟิงได้ทลายรังแมลงไปมากกว่า 4 รังแล้ว ได้รับเงินรางวัลอย่างต่ำ 20 ล้านล้านเหรียญ แต้มสงครามพุ่งสูงกว่า 250,000 แต้ม

 

อีกด้านหนึ่ง ซื่อฉิงยังไม่หลุดพ้นจากเขต 7 ก็จริง แต่พื้นที่รอบนอก กินไปถึงรอบกลางของเขต 7 พวกสัตว์ร้ายได้ถูกกวาดล้างจนสิ้น สีที่บ่งบอกถึงอันตรายลดลงระดับหนึ่ง ทั้งหมดจากสีแดงเลือดกลายเป็นสีส้ม

 

กล่าวได้ว่าฝั่งซื่อฉิงยังไม่ทันได้ทลายรังแมลงในเขต 7 ฉินเฟิงก็เล่นกวาดล้างแมลงจักรพรรดิ และทำลายรังแมลงในเขตอื่นที่อยู่รอบๆเขตของซื่อฉิงจนหมดแล้ว

 

อันที่จริงสำหรับเขตที่มีเลขหลักเดียว มันคือพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับเมืองกลาง และรังแมลงเหล่านั้น จำเป็นต้องถูกทำลายก่อนฤดูใบไม้ผลิมาเยือน แต่ความไวในการกวาดล้างของฉินเฟิง มองยังไงก็เร็วเกินไปจริงๆ

 

กระทั่งซางฮันพอได้ยินข่าว ก็ติดต่อผ่านอุปกรณ์สื่อสาร สอบถามข่าวคราวของฉินเฟิงด้วยตัวเอง แม้เธอจะเคยเห็นฉินเฟิงรับมือกับกองทัพสัตว์ร้ายโดยลำพังมาแล้วก็ตาม แต่ความเร็วในการกวาดล้างรังแมลงในปัจจุบัน ยังไงก็ถือว่าเร็วเกินไป

 

“อะแฮ่ม ความจริงแค่กวาดล้างนิดๆหน่อยๆก็พอ ไม่จำเป็นต้องลำบากถึงขนาดนั้นก็ได้” ซางฮันกล่าว

 

“ท่านจ้าวพรมแดน งานกวาดล้างนี่ไม่ได้ลำบากอะไร และผมก็ปฏิบัติตามคำสั่งเป็นอย่างดี ทุกที่ๆผมไป ถูกกวาดล้างจนเหี้ยนเตียน ชนิดหญ้าก็ไม่ยอมให้งอกขึ้นมาใหม่” ฉินเฟิงกล่าวติดตลก

 

แต่นั่นก็เป็นความจริงเช่นกัน หากตอนนี้เขายังอยู่ในภูมิภาคเหนือ เกรงว่าหุบเขาทางเหนือในพื้นที่รับผิดชอบของซางฮันคงถูกฉินเฟิงกวาดล้างจนเหี้ยนไปแล้ว

 

เพราะอย่างไรเสีย สิ่งที่ฉินเฟิงต้องการน่ะแตกต่างจากคนอื่นๆ พวกสัตว์ร้ายเวลาตายจะปลดปล่อยพลังงานออกมา ซึ่งมันจำเป็นต่อการยกระดับของฉินเฟิง เลยไม่แปลกที่เขาจะออกล่า ฆ่าไม่หยุด

 

“เอาเถอะๆ ถ้าคุณคิดว่าทำดีแล้ว ก็แล้วแต่คุณเลย แต่อย่าฆ่ามากจนเกินไป เดี๋ยวระบบนิเวศจะรวนเอา”

 

“จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นแน่นอน”

 

“อืม งั้นฉันก็วางใจแล้ว เอาไว้คุณกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้! พร้อมมอบรางวัลเป็นแต้มสงครามให้คุ้มค่ากับความพยายามของคุณ”

 

“ตกลง”

 

ฉินเฟิงรับคำ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้สนใจแต้มสงครามพวกนี้เลย

 

เพราะยังไงซะ เจ้าสิ่งนั้นไม่ใช่อะไรที่สามารถใช้ในสถานที่อื่นได้ อย่างเป่ยหัวก็ใช้ได้แค่เฉพาะในคลังสมบัติของมัน ซึ่งในนั้นไม่ค่อยมีอะไรน่าดึงดูดใจอีกแล้วสำหรับฉินเฟิง

 

แต่แต้มสงครามกว่า 200,000 แต้มจากเมืองกลางตู่ซาน ยังถือว่ามีน่าสนใจอยู่บ้าง แค่ตอนนี้ฉินเฟิงยังไม่มีเวลาไปดูว่ามีอะไรอยู่ในคลังสมบัติของพวกเขาก็เท่านั้นเอง

 

และแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน

 

เช้าวันใหม่ ฉินเฟิงเดินออกจากโรงแรม หยวนเสี่ยวกวงกับผู้ใช้พลังเลเวล E อีก 5 คนได้มายืนรอเขาหน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว

 

“ไปเถอะ” ฉินเฟิงวาดมือ เรียกรถสายฟ้าสีเงินออกมา

 

คนอื่นๆเริ่มทยอยขึ้นไปบนรถศึก

 

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงผู้หญิงก็ดังขึ้น “ฉินเฟิง!”

 

ฉินเฟิงชะงักเท้าจากคันเร่ง เหลียวมองผ่านกระจกข้าง และพบว่าเจ้าของเสียงคือคงถิง

 

ทำไมเธอคนนี้จู่ๆถึงมาหาเขา?

 

ฉินเฟิงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ไร้มารยาทซะทีเดียว ดับรถแล้วเดินออกมา

 

“มิสคงไม่ทราบมีธุระอะไร?”

 

“แหม ไม่ต้องเรียกแบบห่างเหินขนาดนั้นก็ได้ นายเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ ดังนั้นเรียกฉันว่าถิงถิงหรือเสี่ยวถิงเถอะ”

 

เค้าความสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเฟิง สองคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน

 

“มีเรื่องอะไรกันแน่?”

 

“ฉันอยากจะออกไปทำภารกิจบ้างน่ะ ว่าแต่นายจะไปที่ไหนหรอ ถ้าสนใจพวกเราไปด้วยกันไหม!”

 

ฉินเฟิงไม่เต็มใจที่จะนำเครื่องประทับที่ไม่อาจร่วมสู้เดินทางไปด้วย แม้อีกฝ่ายหนึ่งจะมีผู้ใช้พลังเลเวล C สองคนคอยติดสอยห้อยตามอยู่ก็เถอะ แต่ในทุ่งล่า คนยิ่งเยอะ สำหรับฉินเฟิงถือว่ายิ่งไร้ประโยชน์

 

“เกรงว่าเป้าหมายภารกิจของพวกเราคงต่างกัน”

 

“ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปไหน ทำไมนายปฏิเสธแล้วล่ะ?” คงถิงไม่ยอม ยังรบเร้าไม่จบ

 

ฉินเฟิงเริ่มรำคาญ แต่เห็นแก่หน้าคงโบะ เลยยอมบอก “ผมจะไปเขต 2 ”

 

ดวงตาของคงถิงเปล่งประกายสดใส เธอผงกศีรษะแต่แสร้งทำเป็นผิดหวัง “อย่างงั้นหรอ พอดีว่าฉันจะไปที่เขต 1 แต่ถ้าออกจากเมืองมันก็ยังถือเป็นทางเดียวกันนะ เพราะงั้นไปด้วยกันเถอะ”

 

“ได้ ไปก็ไป”

 

ฉินเฟิงตอบอย่างเฉยเมย แต่ในหัวใจของเขาคล้ายบังเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง เหมือนกับว่าคงถิงคนนี้ มิได้ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาโดยบังเอิญ น่าจะมีเป้าหมายอะไรบางอย่าง

 

ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงไม่ปฏิเสธเธออีก ทุกคนกลับขึ้นรถศึกอีกครั้ง และมุ่งหน้าออกสู่ทุ่งล่า

 

พื้นที่ปลอดภัยสีเขียวผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่พื้นที่สีเหลือง ที่มีแมลงสัตว์ร้ายแฝงตัวอยู่ประปราย และไม่นาน ทั้งสองทีมก็แยกจากกัน

 

รถของคงถิงหักเลี้ยวไปทางซ้าย ส่วนรถพวกฉินเฟิงยังคงขับมุ่งหน้าเข้าไปยังเขต 2

 

ภายในรถ หญิงสาวส่งข้อความหานักฆ่า

 

“พอฆ่านังไป๋หลีแล้ว ฉันจะปรากฏตัว แสดงละครว่าบุกมาช่วยเขา ส่วนพวกคุณก็แสร้งทำเป็นแพ้แล้วล่าถอยไป”

 

คงถิงคิดว่าฆาตกรน่าจะบุกมาเพียงลำพัง ดังนั้นพาลคิดไปว่าแผนการของตนช่างสมบูรณ์แบบ

 

ถึงเวลานั้น ตัวเธอจะกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตฉินเฟิง

 

แผนการนี้ แม้จะน่ารังเกียจ แต่หากนึกถึงผลลัพธ์ยามสำเร็จนับว่าไม่เลว

 

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่เธอไม่รู้ ว่านักฆ่าที่เธอติดต่อน่ะคือใคร

 

คนที่ได้รับข้อความจากหญิงสาว อดผุดยิ้มร้ายกาจตรงมุมปากไม่ได้

 

“ยัยผู้หญิงงี่เง่า!” ในช่องส่งข้อความ ติหรังทราบแล้วว่าคนที่จ้างวานเขาคือคงถิง

 

อยากจะรู้จริงๆ ว่าพอคงถิงบุกมาช่วยฉินเฟิงแล้วเห็นตนเอง อีกฝ่ายจะทำหน้ายังไง

 

“ไปเตรียมการให้พร้อม ลูกแกะมาถึงมือแล้ว!”

 

ติหรังสั่งการ ฝูงชนก้มตัวซุ่มโจมตี เฝ้ารอให้แกะอ้วนเข้าสู่วงล้อมของพวกเขา

 

ขณะเดียวกัน รถศึกของฉินเฟิง ก็ค่อยๆขับเข้าไปยังพื้นที่อันตรายสีส้ม