5/5

 

Ep.610 – ทำคุณบูชาโทษ

 

แน่นอน คนพวกนี้แตกต่างจากผู้คนในเมืองหวัง พวกเขาไม่โลภจนเกินไป ยังคงให้ความสำคัญต่อสัญญา

 

แต่กระนั้น เมื่อเทียบกับผู้คนในเมืองหวังแล้ว พวกเขาหวาดกลัวต่อความตายกว่ามาก

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนกระจ่างแจ้งในวันนี้ก็คือ ความแข็งแกร่งอันลึกล้ำของฉินเฟิง!

 

การล่าสังหารดำเนินไปกว่าสี่ชั่วโมงเต็ม แต่การเก็บกวาดสินสงครามหลังจากนั้น ผลปรากฏว่าใช้เวลาแทบไม่ต่างกัน มากถึงสามชั่วโมงเต็ม กว่าพวกเขาจะแล้วเสร็จ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม เนื่องจากสภาพอากาศในฤดูหนาว ทำให้กลางคืนมาถึงเร็วกว่าปกติ

 

“ถอนกำลังได้!” ฉินเฟิงสั่งการ บัญชาให้ผู้คนล่าถอย แต่คนที่เหลือก็ยังกวาดสายตา และปลดปล่อยพลังสมาธิออกมาอยู่หลายครั้ง คล้ายเกรงว่าตนจะพลาดพลั้งบางสิ่งไป

 

พวกเขาเสพติดการเก็บสมบัติไปแล้ว!

 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นงานที่หนักจริงๆ

 

วัตถุดิบเผ่าแมลง แม้มีมูลค่าเพียงเล็กน้อย ทว่าส่วนที่แพงที่สุดของผึ้งบรรพกาลก็คือเข็มพิษของพวกมัน ที่อานุภาพร้ายแรงไม่ต่างจากปืนไรเฟิล รองลงมาก็จะเป็นกระดองและปีกผึ้ง ปีกผึ้งบางเบามาก แต่สามารถใช้หลอมกลายเป็นวัตถุสำหรับทำเครื่องร่อนได้

 

สุดท้ายคือช่วงหน้าท้องของผึ้งบรรพกาล เป็นถุงสีเหลืองอมเขียวดูน่าขยะแขยง

 

หากเก็บสิ่งเหล่านี้ลงไปในสุสานเทพสงครามโดยตรง ด้วยกลิ่นและสภาพอันน่ารังเกียจของมัน เกรงว่าคงมอบความลำบากให้แก่ซูซิงฝูกับคนอื่นๆแล้ว

 

เพราะเหตุนี้เอง ฉินเฟิงถึงได้ว่าจ้างใครบางคน ให้รับหน้าที่แยกชิ้นส่วน ส่วนดีนำกลับไปขายต่อ ส่วนเสียนำมากองรวมกัน แน่นอน ส่วนเสียที่ไม่จำเป็น ถูกฉินเฟิงจัดการเผาโดยตรง ไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้กลายเป็นอาหารเสริมกับแมลงสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ

 

ทั้งแปดล่าถอยออกมา พร้อมวัตถุดิบโหลดเต็มพื้นที่มิติ ใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานมีความสุข

 

และไม่ทราบว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตา การกลับมาของพวกเขาในวันนี้ ระหว่างทางได้พบกับทีมของซื่อฉิงพอดิบพอดี

 

พื้นที่เขต 5 และเขต 7 อยู่ใกล้เคียงกัน และเนื่องจากพวกเขายังอยู่ในพื้นที่สีส้มที่มีระดับอันตรายเล็กน้อย ดังนั้นเลยตัดสินใจร่วมขบวน เดินทางกลับพร้อมกัน ทั้งสองสนทนาผ่านกำลังภายใน

 

แน่นอนว่าคนอื่นๆก็ย่อมได้ยินมัน

 

“ผลงานเก็บเกี่ยววันนี้เป็นยังไงบ้าง?” ซื่อฉิงเอ่ยถาม

 

“ก็ไม่เลว ทางฝั่งคุณล่ะ เป็นยังไง?”

 

“กวาดล้างไปได้ส่วนหนึ่ง แต่จากที่คำนวณแล้ว คิดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือน ถึงจะทำลายรังของพวกมันได้”

 

“โอ้ ถือว่าเร็วอยู่นะนั่น”

 

“นายยังสนใจมาร่วมภารกิจกันอยู่ไหม? ถ้านายมาด้วย มันต้องเร็วกว่านี้แน่!”

 

“อย่าเลย สำหรับผมลุยคนเดียวสะดวกกว่า”

 

ทั้งสองพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ขณะที่ลูกน้องของแต่ละฝ่าย ต่างเม้มริมฝีปากแน่น

 

ฝั่งลูกน้องของซื่อฉิง แน่นอนย่อมคิดว่าฉินเฟิงคุยโว ทัศนคติหยิ่งทะนงเกินไป ต่อให้สามารถทำลายรังแมลงได้ก็ตาม แต่คิดว่าน่าจะเกิดจากการพึ่งพาอาวุธดัดแปลงระดับสูงมากกว่า

 

แต่ฝั่งลูกน้องของฉินเฟิง หยวนเสี่ยวกวงและคนอื่นๆ แทบลืมหายใจ ฉินเฟิงสามารถอ้าปากเอ่ยเรื่องโกหกอย่างไม่ยี่หระได้อย่างไร เพราะพวกเขาเห็นกับตาว่ารังผึ้งได้ถูกทำลายไปแล้ว แต่ยังบอกคนอื่นแค่ว่า ‘ก็ไม่เลว’ เนี่ยนะ?

 

หากให้พูดกันโดยทั่วไป แผนการของซื่อฉิงถือว่าเป็นเรื่องปกติ การคิดนำกลุ่มคนออกล่าสังหาร ก่อนอื่นต้องระมัดระวังไม่ให้รังแมลงเกิดจลาจล เริ่มเก็บกวาดจากรอบนอก จนจำนวนของพวกมันบางตา แล้วเริ่มควบคุมพื้นที่ ขยับลึกเข้าไป สุดท้ายถึงค่อยโจมตีรังแมลง ล่อลวงจักรพรรดิสัตว์ร้ายออกมา แล้วสังหารพวกมัน

 

หากกระบวนการนี้ ในแต่ละครั้งใช้ระยะเวลาครึ่งเดือน ในหนึ่งฤดูหนาว อาจสามารถสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้ายได้ถึงสามตัว และนั่นถือเป็นสถิติสูงสุดในสมรภูมิแล้ว

 

อ้างอิงตามกรณีนี้ ตราบใดที่มีเลเวล B เข้าร่วมภารกิจแค่สัก 3 – 4 คน แล้วแยกย้ายกันไปใช้กลยุทธ์ที่กล่าวมา ก็น่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกเขตทั้งพื้นที่ลุ่มน้ำตู่ซานได้

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สติปัญญาของพวกแมลงสัตว์ร้ายต่ำต้อยเกินไป ต่อให้กำลังถูกรุกคืบเข้าถึงรังอย่างช้าๆ พวกมันก็ไม่สนใจ

 

ทว่าการกระทำของฉินเฟิง ออกจากแหวกแนว ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง

 

ตั้งแต่แรกเขาเลือกที่จะบุกเข้าไปถึงรังแมลงโดยตรง ไม่จัดการแมลงสัตว์ร้ายตลอดเส้นทาง เมื่อมาถึงใช้กระสุนปืนใหญ่ยิงอัดเข้ารัง สังหารผึ้งบรรพกาลที่อยู่ในรังไปได้มากกว่า 90 % จากนั้นจึงค่อยรับมือกับพวกที่เหลือ ไล่สังหารระดับราชันย์กับจักรพรรดิ จบภารกิจโดยสมบูรณ์

 

เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะกับคำอื่นใดเลยนอกจากคำว่า ‘ตำนาน!’

 

และถ้าให้พูดบรรยายออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ

 

ภายใต้ความคิดที่แตกต่างกันออกไป รถศึกของทั้งสองทีมก็กลับมาถึงเมืองกลางตู่ซาน ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังตึกรับรองผู้ใช้พลัง

 

“ฉันกดยืนยันภารกิจว่าจ้างแล้ว นี่คือรางวัลของพวกคุณ และนี่ของแถม ยังไงก็ตาม น้ำผึ้งในขวดนี้ก่อนจะกิน อย่าลืมเจือจางมัน มิฉะนั้นอาจตัวระเบิดแตกตาย!”

 

ฉินเฟิงส่งแก่นสัตว์ร้ายให้แก่ลูกจ้างทั้งหก พร้อมมอบน้ำผึ้งขวดเล็กให้อีกคนละขวดอย่างเท่าเทียม

 

แน่นอน ว่าน้ำผึ้งนี่ไม่ได้มาจากรังผึ้ง เพราะพวกมันทั้งหมดถูกยึดไปตั้งนานแล้ว กลายเป็นของไป๋หลีแต่เพียงผู้เดียว

 

“ขอบพระคุณมิสเตอร์ ว่าแต่พรุ่งนี้คุณมีแผนที่จะไปออกล่าอีกรึเปล่า?” ผู้ใช้พลังเลเวล E คนหนึ่งรีบเอ่ยถาม

 

“ใช่ ถ้ามิสเตอร์ไปอีก ได้โปรดพรุ่งนี้อย่าลืมเรียกใช้พวกเรา!”

 

“แน่ใจหรอ? งั้นก็เพิ่มหมายเลขสื่อสารของฉันทิ้งไว้นะ”

 

หลายคนเพิ่มหมายเลขสื่อสารของฉินเฟิง

 

กระทั่งหยวนเสี่ยวกวงที่พอมีชื่อเสียงในเมือง ก็ยังมีท่าทีนอบน้อม หรืออาจเรียกได้ว่ายอมกระดิกหาง เพื่อปรารถนาจะได้หมายเลขติดต่อของฉินเฟิงมาไว้ในครอบครอง

 

ส่วนซื่อฉิงและเหล่าลูกน้อง ขอตัวไปส่งมอบภารกิจ จากนั้นก็แยกย้ายกันไป แต่มีบางส่วนยังรั้งอยู่ในตึกผู้ใช้พลัง

 

เมื่อแจกจ่ายรางวัลเสร็จสิ้น ฉินเฟิงก็นำไป๋หลีมาตรวจสอบบันทึกการต่อสู้

 

สิบนาทีต่อมา ภายในโถงผู้ใช้พลัง ประกาศเสียงก้องกังวานแบบเมื่อวานดังขึ้นอีกครั้ง

 

【ติ๊งต่อง! สถานการณ์รบในพื้นที่เขต 5เกิดการเปลี่ยนแปลง】

 

ว่าจบ พื้นที่โซนแดงของเขต 5 ก็เปลี่ยนเป็นสีส้ม

 

【ภารกิจปราบปรามรังผึ้งประสบผลสำเร็จ : ผู้บรรลุภารกิจ ผู้ใช้พลังเลเวล C ฉินเฟิง】

 

【ภารกิจปราบปราบราชินีผึ้งระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายประสบผลสำเร็จ : ผู้บรรลุภารกิจ ผู้ใช้พลังเลเวล C ไป๋หลี!】

 

ข่าวนี้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ผู้คนอีกครั้ง

 

ทั้งยังเล่นเอาซื่อฉิงที่เพิ่งกลับมาจากสมรภูมิถึงกับพูดไม่ออก

 

เจ้าเด็กฉินเฟิงนี่ เมื่อกี้ไม่ใช่เพิ่งพูดว่าก็ไม่เลวหรอกเหรอ? ผลงานถึงขนาดนี้เนี่ยนะไม่เลว? ? ?

 

“หลอกกันได้นะเจ้าเด็กนั่น! แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามันสัตว์ประหลาดตัวจริง!” ซื่อฉิงอดส่ายหัวไม่ได้ ทั้งยังไม่อยากคิดเรื่องนี้อีกต่อไป

 

อีกด้านหนึ่ง คงถิงอาศัยอยู่ในห้องรับรองของตึกผู้ใช้พลัง ข่าวนี้ย่อมส่งมาถึงหูเธอเช่นกัน

 

“นายฉินเฟิงคนนี้ แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียว?”

 

ในแววตาของคงถิงกระพริบไหว ยิ่งมายิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่ตนคิด

 

“ในเมื่อเป็นแบบนั้น … ถ้าฉันได้ฉินเฟิงมาเป็นแฟน พวกผู้หญิงคนอื่นๆจะไม่อิจฉาตาร้อนไปเลยหรอ?”

 

“ขนาดพ่อฉันยังทำไม่ได้เลย แต่ฉินเฟิงกลับทำมันได้ อ้อ อีกอย่างนึง ฉันได้ยินมาว่ากลุ่มของฉินเฟิงยังรวยมากอีกด้วย!”

 

คำพูดเหล่านี้ของเธอ ไม่ได้ปิดบังมันจากใคร สองผู้ใช้พลังเลเวล C ที่ยืนอยู่ข้างกายเธอ เผยถึงความเหยียดหยันในแววตาของพวกเขา

 

สองคนนี้เป็นบอดี้การ์ดที่คงโบะหามาให้คงถิง หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่เงิน พวกเขาจะไม่สนใจคงถิงเลย

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาคร้านที่จะเอ่ยเตือน ว่าต่อให้คงถิงชอบฉินเฟิง แต่เกรงว่าฉินเฟิงคงไม่สนใจ!

 

ไม่ว่าในเรื่องรูปลักษณ์ , ความรู้สึกแรกพบ และเรื่องผลประโยชน์ … ฉินเฟิงย่อมไม่ใช่คนโง่ ฉะนั้นไม่สนใจเธอแน่นอน

 

คงถิงจิบไวน์แดงราคาแพง จมจ่อมไปกับรสของมันสักพักค่อยเอ่ยปากว่า “แต่ข้างกายฉินเฟิง ดันมีนังผู้หญิงที่ชื่อไป๋หลีคอยประกบอยู่ตลอดเวลา เธอค่อนข้างรกหูรกตาฉัน พวกนายช่วยไปกำจัดเธอให้ทีสิ!”

 

ผู้ใช้พลังเลเวล C ทั้งสองขมวดคิ้วทันใด

 

“คุณหนู ถ้าอยากทำแบบนั้นจริงๆ คุณควรไปหาคนอื่นดีกว่า พวกเราไม่สามารถปลีกตัวจากไปได้ ยังต้องคอยปกป้องคุณ ครั้งก่อนที่คุณถูกลักพาตัวไป ท่านผู้ใหญ่คงได้ถ่ายทอดคำสั่งมา ว่าห้ามพวกเราปล่อยให้คุณอยู่นอกสายตาอีก!”

 

“ถ้าแค่งานเล็กๆน้อยๆแบบนี้พวกนายยังจัดการไม่ได้ แล้วฉันจะจ้างพวกนายไปทำไม!” คงถิงกล่าวด้วยความโกรธ

 

ทว่าสองบอดี้การ์ดนิ่งงันไม่ไหวติง คงถิงไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ฮึดฮัดออกจากห้องนั่งเล่น กลับไปทิ้งตัวบนที่นอนของเธอ

 

“เหอ เหอ คิดว่าฉันจะไม่มีหนทางอื่นเลยหรอถ้าไม่พึ่งพวกนาย? นี่มันก็แค่ภารกิจฆ่าง่ายๆ ดังนั้นจ้างวานคนก็พอแล้ว!”

 

เมื่อคิดได้ คงถิงก็เปิดอุปกรณ์สื่อสารของเธอ เปิดรายการนักฆ่า และเสนอเงินรางวัล 5 หมื่นล้านออกไป

 

ไม่นาน ก็มีคนกดรับภารกิจ

 

“ทุกอย่างจะแล้วเสร็จในเจ็ดวัน คุณรอรับฟังข่าวดีได้เลย”

 

นักฆ่าส่งข้อความตอบกลับมา

 

คงถิงยิ้มยิงฟันด้วยความดีใจ ที่เหลือก็แค่เฝ้ารอข่าวดี บ่นพึมพำในใจ

 

‘คอยดูเถอะนังเครื่องประดับ อีกไม่นาน แฟนเธอต้องตกเป็นของฉัน!’

 

โดยที่ไม่ทราบเลยว่า อีกฝ่ายที่ส่งข้อความตอบกลับมา แท้จริงแล้วมิใช่คนจากทางพันธมิตรหัวเซี่ย

 

หากคงถิงอยู่ที่นี่ เธอคงสามารถระบุตัวพวกมันได้ในทันที เพราะคนกลุ่มนี้ คือกลุ่มที่เพิ่งลักพาตัวเธอไป –เป็นทีมย่อยของกลุ่มปีศาจชินระ!

 

ทีมของพวกติหรัง!