2/5

 

Ep.612 – กล้าทำร้ายผู้หญิงของฉัน?

 

บนรถศึก แม้ฉินเฟิงจะทำการปลดปล่อนรูนมืดปกคลุมมันเอาไว้แล้วก็ตาม แต่เผื่อเกิดกรณีผิดพลาด เลยพยายามหลีกเลี่ยงพวกแมลงสัตว์ร้าย ไม่เข้าใกล้มากเกินไป มิฉะนั้นหากตัวหนึ่งตระหนักถึงศัตรู ตัวอื่นๆก็จะตามมา กลายเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่

 

ดังนั้น ฉินเฟิงเลยตัดสินใจปลดปล่อยพลังสมาธิ แพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง คอยตรวจสอบตำแหน่งของพวกแมลงสัตว์ร้าย จะได้หาเส้นทางหลบเลี่ยง ไม่ต้องปะทะกับพวกมัน

 

อย่างไรก็ตาม ภารกิจบุกทำลายรังแมลงทำอยู่ทุกวัน และไม่เคยเกิดปัญหาอะไร วันนี้จู่ๆสิ่งที่พลังสมาธิค้นพบ มิใช่สัตว์ร้าย หากแต่เป็นกลิ่นอายของกลุ่มคนแปลกหน้า และพลังสมาธิสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงรูปแบบการวางคนของอีกฝ่าย คล้ายกำลังคิดปิดล้อม

 

หน้าผากของฉินเฟิงยับย่นเข้าหากัน

 

เขาเปิดอุปกรณ์สื่อสารและกล่าว “อาจเกิดการปะทะในเร็วๆนี้ ฉันจะลงไปจัดการเอง พวกนายไปก่อนเลย”

 

ในรถอีกคันหนึ่ง หยวนเสี่ยวกวงที่กำลังผ่อนคลาย สบายอารมณ์ ชะงักไปเล็กน้อย

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ฉินเฟิงจดจ้องไปยังตำแหน่งหนึ่ง กล่าวเสียงเย็น “มีคนจากกองกำลังมืดอยู่ที่นี่”

 

“ว่าไงนะ? เป็นพวกไหนกัน?”

 

หยวนเสี่ยวกวงคิดตรวจสอบพวกมันด้วยพลังสมาธิของเขา แต่ฉินเฟิงเอ่ยรั้งเอาไว้ก่อน “อย่าทำอะไรผลีผลาม ฝ่ายตรงข้ามมีเลเวล B อยู่ด้วย”

 

“นี่ … ” หยวนเสี่ยวกวงสั่นสะท้านคราหนึ่ง ตัวเขาเป็นแค่เลเวล C4 ต่อให้เป็นถึงผู้ใช้อบิลิตี้ แต่หากต้องเผชิญหน้ากับเลเวล B อย่างไรก็มิอาจต่อต้าน

 

แต่หลังจากทำภารกิจร่วมกันมาหลายวัน หยวนเสี่ยวกวงเริ่มเกิดความเคารพนับถือฉินเฟิงมากกว่าในฐานะนายจ้าง แม้อีกฝ่ายจะเป็นเลเวล C เหมือนตนก็ตาม แต่หยวนเสี่ยวกวงไม่เคยรู้สึกทึ่งในคนๆหนึ่งมากถึงขนาดนี้มาก่อน

 

หยวนเสี่ยวกวงรู้ดีถึงขีดความสามารถของฉินเฟิง ว่าในอนาคตการจะขึ้นเป็นเลเวล B สำหรับอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นปัญหา ดังนั้นตัดสินใจว่าจะขอเข้าร่วมกับกลุ่มเฟิงหลี

 

แต่ไม่คาดหวังเลย ว่าตนยังไม่ทันจะได้กล่าวออกไป ก็ดันมาเจอตอเข้าเสียก่อน

 

แต่เนื่องจากตั้งปณิธานแน่วแน่เอาไว้แล้ว ดังนั้นต่อให้เกิดเหตุการณ์สำคัญร้ายแรงเช่นนี้ เขาก็ไม่คิดลังเลหรือเปลี่ยนใจ

 

“ฉันจะอยู่กับคุณ ให้คนอื่นๆแยกออกไปก่อนแล้วกัน” เมื่อตัดสินใจได้ หยวนเสี่ยวกวงเอ่ยออกมาทันที

 

“ไม่จำเป็น” แต่กลับถูกฉินเฟิงปฏิเสธตรงๆซะงั้น

 

“ฉันจะปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวได้ยังไง อย่างน้อยฉันก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไม้นะ ถึงธาตุไม้ไม่เหมาะในการใช้ล่าสัตว์ร้าย แต่ก็ยังพอสู้กับมนุษย์ด้วยกันเองได้”

 

ฉินเฟิงหัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่แบบนั้น ผมกำลังจะสื่อว่า ถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่ ผมน่าจะชนะได้เร็วขึ้น”

 

พอได้ยิน หยวนเสี่ยวกวงถึงกับพูดไม่ออก

 

“นี่คุณเอาจริงหรอ?”

 

“แน่นอน!” ฉินเฟิงหยุดรถศึก ประตูรถเปิดผัวะ ก้าวเดินลงมา พริบตานั้นเอง หลากหลายพลังสมาธิพลันตรึงลงบนร่างของฉินเฟิง

 

แม้ฉินเฟิงจะใช้รูนมืดปกคลุมยานพาหนะ แต่รูนเหล่านี้ ไม่ได้มีผลถึงขั้นล่องหน มันมีความสามารถแค่ครอบคลุมตำแหน่งหนึ่งให้เหมือนอยู่ในเงามืดเท่านั้น อบิลิตี้นี้ สามารถหลอกการรับรู้ของแมลงได้ แต่หากคิดหลอกผู้ใช้อบิลิตี้ มันยังไม่มากพอ

 

ด้วยเหตุนี้เอง พวกกองกำลังมืดเลยสังเกตเห็นรถศึกทั้งสองคันตั้งแต่แรก ตอนนี้เมื่อเห็นฉินเฟิงเดินลงจากรถ พวกเขาก็ตระหนักได้ทันที ว่าตนเองถูกค้นพบ!

 

ภายในรถสายฟ้าสีเงิน ไป๋หลีขยับขึ้นมานั่งในตำแหน่งคนขับ บิดพวงมาลัย กระทืบคันเร่ง ขับแยกไปอีกทิศทางหนึ่งทันที

 

หยวนเสี่ยวกวงเห็นไป๋หลีหนีไป เจ้าตัวก็เลิกลังเล หักพวงมาลัยตามเธอไปเช่นกัน

 

คนของกลุ่มปีศาจชินระไม่คิดว่าสถานการณ์จะออกมาในรูปแบบนี้ เบื้องล่างเหลือฉินเฟิงยืนหยัดเพียงลำพัง

 

“ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ลงจากรถ!” ติหรังอุทานขึ้นมา

 

“นายอยู่ที่นี่ จัดการกับเขา ส่วนฉันจะไปจับตัวผู้หญิงเอง” ฟูโลวเก๋อกล่าว ทั้งคนทั้งร่างดึดผึงดั่งกระสุนปืนใหญ่ พุ่งหายไปตามทิศทางของไป๋หลี

 

ติหรังอึ้งค้าง เดิมแผนของเขา คือเป็นตนที่รับหน้าที่จับตัวไป๋หลี แล้วให้ฟูโลวเก๋อรับมือกับฉินเฟิง

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดได้ว่าฉินเฟิงก็แค่มือปืน ติหรังก็ไม่รู้สึกกดดันอะไร

 

ติหรังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าในเวลานั้นฉินเฟิงได้สังหารผู้ใช้วรยุทธโบราณมากกว่า 20 คนลงด้วยวิธีการใด เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในตอนนั้นสมาธิทั้งหมดของเขา กำลังตรึงอยู่กับการรับมือผู้เชี่ยวชาญด้านมีดบินอย่างคงโบะ

 

ฉินเฟิงรับรู้ได้ว่าฟูโลวเก๋อไล่ตามไป๋หลี แต่เขาก็ยังปล่อยอีกฝ่ายไป เพราะไป๋หลีสามารถรับมือกับเลเวล B ได้ แบบนี้จะดีกว่า อีกอย่างคือศัตรูเวลานี้ปิดล้อมจากทุกทิศทาง ฉินเฟิงเกรงว่าพวกเลเวล E จะพลอยติดร่างแหไปด้วย จึงไม่ให้หยวนเสี่ยวกวงเข้าร่วม บังคับให้เขาขับรถตามไป๋หลีไป

 

คนเหล่านี้แม้อยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วัน แต่อย่างน้อยฉินเฟิงก็ยังมีเยื่อใย รู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าเขาเป็นคนว่าจ้างอีกฝ่าย ดังนั้นจะปล่อยให้ถูกฆ่าได้อย่างไร? แบบนั้นไม่เท่ากับสร้างความอัปยศให้แก่ตนเองหรือ?

 

เมื่อฟูโลวเก๋อจากไป คนอื่นๆก็เข้าปิดล้อมฉินเฟิง ในบรรดาศัตรูมีสามผู้ใช้อบิลิตี้ ส่วนที่เหลืออีกสิบห้าคนเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ

 

ไม่มีมือปืนอยู่เลย!

 

เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ติหรังเตรียมตัวมาดี เขารู้ว่าเทคนิคควบคุมกระสุนและปืนของฉินเฟิงนั้นดีมาก เลยไม่คิดนำมือปืนมาย้อนทำร้ายตัวเอง แต่เลือกใช้สอยผู้ใช้วรยุทธโบราณแทน ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าใกล้ฉินเฟิง ฉินเฟิงคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ไอ้หนู คงไม่คิดว่าจะมีวันนี้ใช่ไหม?” ดวงตาของติหรังฟุ้งไปด้วยจิตสังหาร ปัญหาที่ฉินเฟิงเป็นคนก่อครั้งก่อน ทำให้เขาต้องสูญเสียลูกน้องส่วนหนึ่งไป ทั้งยังถูกบอสตำหนิ หากไม่มีงานว่าจ้างฆ่าไป๋หลีเข้ามา ความผิดบาปในครั้งนี้ เกรงว่าติหรังคงต้องกลับไปรับโทษร้ายแรง

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวก็ได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้คือโอกาสที่เขาจะได้ไถ่ตัวเองจากบาป

 

“ที่นี่คือหลุมฝังศพของแก แกจะตกตายแบบไม่ต้องทรมาน แต่เสียใจด้วยนะ ที่แฟนของแกไม่ได้โชคดีขนาดนั้น น่ากลัวว่าเธอคงไม่พ้นตกเป็นผู้หญิงของบอสเรา พอถูกย่ำยีจนเบื่อหน่าย เธอก็จะถูกจับแยกส่วนเป็นชิ้นๆ!”

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ไม่ต้องกังวลไป ครั้งนี้ฉันจะขอร้องให้บอสเมตตา ยังไม่แยกชิ้นส่วนแฟนแกทันที แต่จะขอให้เหล่าพี่น้องได้ลิ้มชิมรสด้วย ไอ้หนู พวกเราจะช่วยจับแกสวมหมวกเขียวให้เอง!”

 

“ถูกต้อง ให้แกได้รู้ซึ้งและจดจำเอาไว้ ว่าในชีวิตหน้า อย่าคิดมายุ่งย่ามกับธุระของคนอื่นอีก!”

 

เหล่าฝูงชนมองฉินเฟิงด้วยแววตาเยอะหยัน

 

ทว่าสายตาที่ฉินเฟิงมองพวกมันกลับไป ดูไม่ต่างจากกำลังมองผู้คนที่ตายไปแล้วเลย

 

“บอสของแก? หมายถึงชินระใช่ไหม?” ฉินเฟิงกล่าวเสียงจม

 

ติหรังแสยะปากเย้ยหยัน “ทั้งๆที่แกก็รู้ แต่ยังทำให้ท่านต้องขุ่นเคือง!”

 

ชินระเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A ที่มีชื่อเสียง กลุ่มของเขาครอบครองกำลังรบมหาศาล หากใครทำให้บุคคลเช่นนี้ต้องขุ่นเคือง เกรงว่าไม่น่ามีชีวิตยืนยาว

 

ฉินเฟิงกล่าว “นี่มันกล้าเล็งผู้หญิงของฉัน? สงสัยไม่อยากใช้ชีวิตอีกต่อไปแล้ว!”

 

ติหรังพอได้ฟังพลันแข็งค้าง เขาไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ยังกล้าเอ่ยแบบนั้นออกมา

 

พูดแบบนี้เท่ากับเป็นการเร่งหาที่ตาย หรือว่ากำลังคิดระบายอารมณ์เฮือกสุดท้ายก่อนตายกันแน่?

 

แต่ในเวลานั้นเอง ปรากฏแสงวูบไหวตรงหน้า ร่างของฉินเฟิง จู่ๆหายวับไป

 

โผล่มาอีกที ก็อยู่เบื้องหน้าผู้ใช้วรยุทธโบราณปากมาก ที่เอาแต่พูดไม่หยุดแล้ว

 

รูม่านตาของผู้ใช้วรยุทธโบราณหดวูบ ทว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาไม่เลวร้าย เร่งเร้าความเร็วทั้งหมดที่มี สร้างโล่ปราณกำลังภายในคลุมตัวทันที

 

ปงงงงง!

 

บังเกิดเสียงดังหนักทึบ กำปั้นปะทะเข้ากับโล่ปราณกำลังภายใน กำลังภายในระหว่างทั้งสองฝ่ายปะทุโหม หนึ่งป้องกันหนึ่งโจมตี สุดท้ายเป็นฝ่ายป้องกันที่พ่ายแพ้ แหลกสลายไป

 

จากนั้น กำปั้นคลายออกกลายเป็นฝ่ามือ ฉกวูบถึงคอผู้ใช้วรยุทธโบราณอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

“อ๊าาาา” สีหน้าของผู้ใช้วรยุทธโบราณกลายเป็นแดงก่ำ อัดฉีดกำลังภายในสู่สองมือ ระเบิดออกด้วยกระบวนท่าวรยุทธ พยายามแกะฝ่ามือของฉินเฟิงเพื่อเอาชีวิตรอด

 

แต่น่าเสียดาย ที่คู่ต่อสู้ของเขากลับไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ราวกับว่าฝ่ามือที่กำลังกุมคอตนอยู่ มิใช่มือของมนุษญ์ หากแต่เป็นมือของจักรพรรดิสัตว์ร้าย ยากเกินกว่าทะลวงเข้าสู่ผิวหนังได้

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น เพิ่มแรงบีบลงไปบนฝ่ามือทันใด

 

เป๊าะ!

 

เสียงเล็กแหลมกังวานออกมาจากลำคอของอีกฝ่าย