Ep.10

 

“เปิดใช้งานเวทมนต์ …  เทคนิคพันธนาการ!”

 

หญิงเจ้าเสน่ห์เดิมกำลังวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง แต่จู่ๆคล้ายมีอะไรบางอย่างมาฉุดขา สะดุดล้มกับพื้น

 

หญิงเจ้าเสน่ห์รู้สึกว่ามีบางอย่างถ่วงเท้าเธอ พยายามดิ้นสักพักก็ยังสลัดไม่หลุด เธอก้มมองไปที่เท้าด้วยความร้อนรนและสิ้นหวัง

 

เมื่อเห็นว่าตรงข้อเท้ามีเถาวัลย์สีเขียวรัดพันอยู่ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

 

แม้ตัวเธอจะไม่ใช่คนแข็งแกร่งอะไร แต่เธอเคยเห็นพวกปรมาจารย์มนตราลงมือมาก่อน ดังนั้นแค่มองก็สามารถระบุได้ทันทีว่าที่พันธนาการเธออยู่คืออะไร –นี่มันการโจมตีด้วยเวทมนต์! เป็นฝีมือของปรมาจารย์มนตรา!

 

แตะ แตะ แตะ …

 

ซูเฉินก้าวเดินอย่างเชื่องช้ามาจากชั้นสาม ทุกก้าวที่ย่ำลง หัวใจของหญิงเจ้าเสน่ห์สั่นสะท้าน

 

“นี่นายเป็นทั้งผู้วิวัฒนาการ และปรมาจารย์มนตราเลยงั้นหรอ …” หญิงเจ้าเสน่ห์หมอบกับพื้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง สมองส่งเสียงหึ่งๆด้วยความสับสน

 

ไม่ว่าจะเป็นผู้วิวัฒนาการ หรือปรมาจารย์มนตรา ในโลกหายนะแห่งนี้ ล้วนเป็นตัวแทนของผู้แข็งแกร่ง เป็นตัวตนที่สร้างความตะลึงให้แก่ผู้คน

 

แต่การที่จะได้เป็นผู้วิวัฒนาการหรือปรมาจารย์มนตรามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

เพราะนอกจากมีพรสวรรค์แล้ว ยังต้องใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมากอีกด้วย

 

หญิงเจ้าเสน่ห์อาศัยอยู่ในสถานชุมชนหลานไห่ ที่นั่นมีมนุษย์อยู่มากกว่าหมื่นคน แต่ท่ามกลางมนุษย์มากมายเหล่านั้น กลับมีผู้วิวัฒนาการเพียงเก้าคน และปรมาจารย์มนตราเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์มนตราหายากเพียงใด

 

ขณะที่ซูเฉินยังเด็กมาก แต่กลับสามารถเป็นได้ทั้งสองอาชีพในเวลาเดียวกัน มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

 

เมื่อตระหนักว่าตนได้ยั่วโมโหปีศาจร้ายเข้าให้แล้ว หญิงเจ้าเสน่ห์ก็เริ่มหวาดกลัวจนหน้าซีด สั่นสะท้านไปทั้งร่าง

 

ซูเฉินยิ้ม ไม่ปฏิเสธคำถามของเธอ มีดยาวในมือค่อยๆถูกยกขึ้นเหนือหัวอย่างช้าๆขึ้น

 

“ช้าก่อน! อย่าเพิ่งฆ่าฉัน ฉันยังมีประโยชน์อยู่!” เมื่อสัมผัสได้ถึงความตาย หญิงเจ้าเสน่ห์ก็ได้สติกลับคืนมา

 

“แกยังมีประโยชน์อะไรอีก?” ซูเฉินถาม ง้างคมมีดค้างไว้กลางอากาศ

 

หญิงเจ้าเสน่ห์ค่อยๆลุกขึ้น เธอคุกเข่าแทบเท้าซูเฉิน ในดวงตาสั่นเทาเป็นระลอกคลื่นคล้ายแอ่งน้ำยามฤดูใบไม้ร่วง ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ผุดยิ้มเย้ายวน “ร่างกายของฉันยังมีประโยชน์อยู่ ฉันสามารถปรนนิบัตินายได้ ตราบใดที่นายไม่ฆ่าฉัน ฉันยินดีรับหน้าที่อุ่นเตียงให้นายทุกคืน ช่วยให้นายเสพสุขไปจนตาย”

 

ระหว่างกล่าว หญิงเจ้าเสน่ห์ก็เริ่มถอดเสื้อ เปลื้องผ้าตัวเอง

 

ซูเฉินสะท้านไปทั้งร่าง บังเกิดความรู้สึกคลื่นไส้ผุดขึ้นมาในใจเขา

 

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าค่อนข้างมีเสน่ห์ รูปร่างของเธอก็ดีมาก แต่เมื่อลองคิดว่าเธอคงใช้วิธีนี้ขึ้นคร่อมผู้ชายมานับไม่ถ้วน ไม่ทราบว่ากี่พันคนแล้วที่มีเซ็กส์กับเธอ เขาก็รับไม่ได้

 

“นังสำส่อน! ตายซะ!”

 

ไม่รอให้อีกฝ่ายถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ซูเฉินกลัวจะระคายสายตา ตวัดมีดฟันอย่างไร้ปราณี

 

“นาย ..!”

 

หญิงเจ้าเสน่ห์จนตายก็ยังไม่อาจทำใจเชื่อ สาวงามหุ่นดินระเบิดแบบเธอมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่ทำไมซูเฉินถึงปฏิเสธ ทำลายดอกไม้งามเช่นเธอได้?

 

ได้ยินแค่เสียง กริ๊ก!

 

ศีรษะของหญิงเจ้าเสน่ห์ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน ของเหลวสีแดงผสมขาวเทกระจาดไปทั่วพื้น ดับสิ้นชีวิตโสมมของเธอ

 

“ถุด!”

 

ซูเฉินถ่มน้ำลายใส่ศพหญิงสาว หันหลังกลับขึ้นไปบนชั้นสาม

 

เขาไม่ได้ค้นศพของชายหนวดเฟิ้มหรือชายหม่นหมองในทันที แต่เลือกเข้าไปเก็บเสบียงก่อนเป็นอันดับแรก

 

ส่วนเรื่องที่ว่าบนศพหญิงเจ้าสน่ห์จะมีหินพลังงานอยู่หรือไม่ ซูเฉินไม่คิดค้นตัวเธอ เพราะมันโสมมเกินไป!

 

สิบนาทีต่อมา ซูเฉินกลับลงมาบนชั้นสอง อาหารกระป๋องถูกเขากวาดใส่ถุงเก็บของจนเกลี้ยง ส่วนบนศพชายหนวดเฟิ้มมีหินพลังงานอยู่สองก้อน ถือเป็นกำไรเสริมเล็กๆน้อยๆ

 

ภายในชั้นสองยังเหลือซอมบี้อีก 2 ตัวถูกขังไว้ในห้อง นับตั้งแต่ซูเฉินบังเอิญเก็บชิ้นส่วนองค์ประกอบมาได้ เขาก็มีความสนใจในตัวซอมบี้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

ปัง!

 

หนึ่งเท้ากวาดเตะเปิดประตู หนึ่งมือฟาดฟันคมมีด

 

ฟัฟ ฟัฟ!

 

ซูเฉินกวัดแกว่งมีดยาวสองครั้งติดต่อกัน เมื่อมีดถูกเก็บเข้าฝัก ซอมบี้สองตัวก็ตายลงอย่างหมดจด

 

แต่น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้ไม่มีชิ้นส่วนให้เก็บ

 

ซูเฉินคว้านหินพลังงานสองก้อนออกมา เดินออกจากอาคารที่พักอาศัย