Ep.9 

 

ซูเฉินตระหนักดี ว่ากลุ่มของชายหนวดเฟิ้มย่อมคิดสังหารเขาเพื่อชิงเสบียง แต่ตัวเขาคนใหม่จะยอมรอความตายอยู่เฉยๆได้อย่างไร?

 

ชั่วเวลานี้ ความคิดฆ่าฟันในใจเขาปะทุถึงจุดเดือด มันพุ่งไปอยู่ในจุดที่ไม่อาจยับยั้งได้อีกต่อไป

 

“ในเมื่อไม่รู้จักประมาณตน งั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกำจัดทิ้ง!” ชายหนวดเฟิ้มหัวเราะเย็นชา ยกขวานยักษ์ในมือขึ้น ปากอ้าตวาดลั่น “พวกเราลงมือ!”

 

แม้ซูเฉินจะดูบอบบางอ่อนแอ แต่เพื่อความไม่ประมาท ชายหนวดเฟิ้มยังคงเลือกวิธีหมาหมู่ กำจัดซูเฉินให้เร็วที่สุด

 

“ฆ่า!”

 

ชายหน้าตาหม่นหมองเป็นคนแรกที่โจมตี กำแท่งเหล็กในมือ เตรียมหวดออกไปโดยเล็งตำแหน่งเป็นหัวของซูเฉิน

 

“รนหาที่ตาย!” ซูเฉินแค่นเสียงเย็น

 

ช่วงจังหวะที่ชายหน้าหม่นหมองพุ่งออกมา ซูเฉินตวัดมีดของเขาฟันออกไปเช่นกัน

 

ในฐานะผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 ซูเฉินไม่เพียงแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้เท่านั้น แต่ยังว่องไวกว่าอีกด้วย

 

ในจังหวะที่ชายหน้าตาหม่นหมองง้างแท่งเหล็กขึ้นในอากาศ มีดยาวของซูเฉินก็สับลงมาแล้ว ปาดผ่านคอของชายคนแรกอย่างแม่นยำ

 

ได้ยินแค่เสียง ‘กริ๊ก’ ของกระดูกใหญ่ เสี้ยววินาทีต่อมา หัวโตกลิ้งลงกับพื้น 

 

เนื่องจากความเร็วของซูเฉินว่องไวเกินไป ชายหม่นหมองจึงไม่มีเวลาแม้จะกรีดร้อง รู้สึกตัวอีกที ศีรษะของเขาก็ถูกแยกจากลำตัวแล้ว

 

ใบหน้าบนศีรษะที่ตกลงสู่พื้น คู่ดวงตาของเขาเบิกโพลง แววตาแสดงออกถึงความหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อ

 

“แก … ที่แท้แกก็เป็นผู้วิวัฒนาการ!” การแสดงออกของชายหนวดเฟิ้มเปลี่ยนเป็นเดือดดาล ร้องโวยวายด้วยความตกใจ

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขายังไม่ทันได้เคลื่อนไหวด้วยซ้ำ สมาชิกทีมของเขาก็ถูกฟันตายไปแล้วในมีดเดียว

 

ซึ่งเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าซูเฉินคือผู้วิวัฒนาการอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เมื่อลองย้อนกลับมาคิดว่าตนกำลังจะขโมยเสบียงของผู้วิวัฒนาการ แถมยังขู่ฆ่าอีกฝ่าย ในหัวใจก็อดสั่นสะท้านไม่ได้

 

“แกรู้ตัวช้าเกินไปแล้ว!” ซูเฉินส่งเสียงหัวเราะหยัน ง้างแขนและฟันออกไป

 

แต่อย่างไรเสีย ชายหนวดเฟิ้มคือคนที่ผ่านชีวิตมามาก มีประสบสถานการณ์ชนิดเลือดกลบหัวก็ยังรอดชีวิตมาแล้ว ดังนั้นแม้ศัตรูที่ต้องเผชิญคราวนี้คือผู้วิวัฒนาการที่แข็งแกร่ง เขาก็ไม่ยินยอมอยู่เฉยรอรับความตาย

 

เมื่อซูเฉินฟันเข้ามา เขาก็เหวี่ยงขวานสวนกลับไป ตัดสินใจมุ่งมั่นว่าในเมื่อสู้ไม่ได้ ก็ขอตกตายไปพร้อมกัน

 

แต่ซูเฉินจะยอมปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปตามความประสงค์ของอีกฝ่ายได้อย่างไร? เขาฉีกหลบการโจมตีไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว แนวคมมีดที่เดิมสับฟันจากบนลงล่าง ถูกสลับเปลี่ยนเป็นกวาดฟันแนวนอน

 

กึ้งงงง!

 

หัวขวานของชายหนวดเฟิ้มกระแทกลงพื้นอย่างแรง ขณะเดียวกันคมมีดของซูเฉินตัดลากเป็นทางยาว กรีดผ่านหน้าอกเขา เนื่องจากเปลี่ยนท่วงท่ากะทันหัน ทำให้แนวฟันไม่ลึกเท่าที่ควร แต่ก็ยังเรียกเลือดได้ เสื้อผ้าอีกฝ่ายถูกย้อมเป็นสีแดงสด

 

ชายหนวดเฟิ้มไม่สนใจความเจ็บปวด ชักฝีเท้าถอยไปหลายก้าว เว้นระยะห่างระหว่างตนกับซูเฉิน

 

“ได้โปรดหยุด! พวกเรายอมแล้ว พวกเราจะออกไป ทุกอย่างที่นี่เป็นของคุณ” ชายหนวดเฟิ้มหอบหายใจหนักหน่วง ใบหน้าในเวลานี้ของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

ประมือกันแค่พริบตาเดียว เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ตอนนี้เขากระจ่างแก่ใจถึงความน่าหวาดกลัวของผู้วิวัฒนาการ ว่ามันลึกล้ำเพียงใด

 

ชายหนวดเฟิ้มสามารถคาดเดาได้ ว่าหากยังคงเลือกต่อสู้กับซูเฉินต่อไป ไม่เกินสามกระบวนท่า เขาคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“มันสายไปแล้ว” ซูเฉินตอบกลับโดยไม่หวั่นไหว ในมือยังคงกุมมีดที่แผ่กลิ่นอายสังหาร

 

หากชายหนวดเฟิ้มรู้วิธีวิเคราะห์สถานการณ์ตั้งแต่แรก แล้วรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ซูเฉินคงไม่คิดมอบความตายให้แก่พวกเขา

 

แต่ชายหนวดเฟิ้มกลับคิดเอาเปรียบเขา ดังนั้นซูเฉินจะไม่มีวันปล่อยไป

 

ชายหนวดเฟิ้มกัดฟัน แผดเสียงตะโกนเรียกหญิงเจ้าเสน่ห์ที่อยู่ข้างหลังเขาให้มาช่วยสู้

 

ใบหน้าของหญิงเจ้าเสน่ห์กลายเป็นอึมครึม แสดงออกชัดว่าไม่อยากทำตาม เธอราวกับไม่ได้ยินคำสั่งของชายหนวดเฟิ้ม ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายหันหลังและวิ่งหนีลงไปชั้นล่าง

 

“นังสารเลว .. นี่แก .. ”

 

ชายหนวดเฟิ้มคิดไม่ถึงว่าหญิงเจ้าเสน่ห์จะไม่สนใจความเป็นความตายของเขา แต่เลือกหลบหนีไปคนเดียว

 

ขณะเขากำลังเอ่ยปาก ตวาดด่าด้วยความโกรธนั้นเอง ไม่รอให้จบประโยค ซูเฉินก้าวโฉบเข้าไป ฟันหัวของเขาทันที

 

ซูเฉินสังหารชายหนวดเฟิ้ม หรี่ตามองลงไปทางชั้นล่าง และพบว่าหญิงเจ้าสเน่ห์แสนยั่วยวนกำลังวิ่งอยู่บนทางเดินชั้นสอง

 

“คิดหรือว่าจะหนีไปได้?” ซูเฉินแสยะยิ้มหยัน แสงสีเขียวลุกพรึบขึ้นบนปลายนิ้วเขา พริบตาเดียวพุ่งเป็นไปโดนข้อเท้าอีกฝ่าย