Ep.11

 

ซูเฉินแหงนหน้ามองท้องฟ้า นี่ก็เลยช่วงเที่ยงมานานแล้ว เขาจึงตัดสินใจกลับสถานชุมชนเทียนหนาน

 

สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างไกลจากสถานชุมชนเทียนหนาน ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยก็สองชั่วโมง หากเขาไม่สามารถกลับไปยังชุมชนก่อนฟ้ามืด การอาศัยอยู่ภายนอกตามลำพังเป็นเรื่องอันตรายมาก

 

เหตุผลก็เพราะพวกซอมบี้ส่วนใหญ่มักชอบเคลื่อนไหวในตอนกลางคืน แถมโผล่มาแต่ละที มักอยู่รวมกันเป็นฝูง

 

ฉะนั้น ต่อให้ซูเฉินกลายเป็นผู้วิวัฒนาการแล้ว แต่หากต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้จำนวนมาก ก็ยังอันตรายอยู่ดี

 

ช่วงเวลาหลังจากนั้น ซูเฉินเร่งมุ่งหน้ากลับไปยังสถานชุมชนเทียนหนานโดยไม่หยุดพัก

 

ระหว่างทางเขาเจอซอมบี้ประปราย แม้สังหารไปหลายตัว แต่ไม่มีศพใดดรอปชิ้นส่วนองค์ประกอบอีกเลย

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องนี้ ซูเฉินไม่ได้ผิดหวังมากนัก

 

เพราะหลังจากทดลองมาทั้งวัน เขาได้ข้อสรุปว่า โอกาสในการดรอปชิ้นส่วนองค์ประกอบนั้นขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็น ถึงเขาไม่ได้รับชิ้นส่วนในครั้งนี้ บางทีอาจได้มันในครั้งต่อไป

 

ซึ่งวันนี้เพียงวันเดียว ซูเฉินสามารถเก็บชิ้นส่วนองค์ประกอบได้ถึงสามชิ้น และการกอบโกยนี้ มันล้ำค่ายิ่งกว่าผลงานตลอดทั้งหนึ่งปีนับแต่ที่เขาถูกส่งมายังโลกหายนะแห่งนี้ซะอีก ดังนั้นถือว่าดีมากแล้ว

 

สองชั่วโมงต่อมา ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ซูเฉินรีบวิ่ง ในที่สุดก็มาถึงประตูของสถานชุมชนเทียนหนาน

 

สถานชุมชนเทียนหนานก่อตั้งขึ้นบนพื้นที่ราบ จัดแผนผังเมืองเป็นแนววงกลม ล้อมรอบด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ที่สูงถึง 7-8 เมตร

 

ด้วยระดับความสูงเช่นนี้ สำหรับซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ธรรมดาแล้ว มันยากมากที่จะข้ามฝ่าเข้ามาได้ อีกอย่างที่นี่มียามตรวจตราอยู่บนกำแพงตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดความผิดปกติใดๆขึ้น จะแจ้งเตือนทันที

 

ดังนั้น การอาศัยอยู่ในสถานชุมชนเทียนหนานจึงเป็นอะไรที่ปลอดภัยมาก ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการโจมตีจากซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์เลย

 

อย่างไรก็ตาม กฏเกณฑ์ของสถานชุมชนเทียนหนานก็เข้มงวดมากเช่นกัน

 

หากเวลากลางคืนมาเยือนเมื่อไหร่ล่ะก็ ประตูของสถานชุมชนเทียนหนานจะถูกปิดตายทันที

 

หากไม่ใช่คนสำคัญ ยังไงก็ไม่มีทางเปิดให้

 

และตัวตนเล็กจ้อยอย่างซูเฉิน แน่นอนว่าหากมาสายเกินเวลา คงไม่มีใครยอมเปิดประตูให้เขา ต่อจากนั้นชะตากรรมที่รอเขาอยู่คืออะไร ทุกท่านคงพอจะจินตนาการได้

 

เมื่อวิ่งมาถึงประตู ทหารยามก็หยุดซูเฉินเอาไว้

 

หน้าที่ของทหารยามเฝ้าประตู นอกจากตรวจสอบสถานะของผู้มาเยือนแล้ว เขายังต้องตรวจสอบว่าผู้มาเยือนได้รับบาดเจ็บหรือไม่อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการถูกซอมบี้กัด กรณีนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาโดยเด็ดขาด

 

“ซูเฉิน ทำไมนายถึงกลับมาคนเดียว หัวหน้าทีมเฉินตงกับคนอื่นๆเล่า?” ทหารยามถามขณะตรวจร่างกายของซูเฉิน

 

ซูเฉินทำภารกิจออกค้นหาเสบียงจากภายนอกตลอดทั้งปี ดังนั้นคุ้นเคยกับทหารยามเฝ้าประตูเป็นอย่างดี

 

“อ้าว พวกเขายังไม่กลับมาอีกหรือ?” ซูเฉินแสร้งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

 

ระหว่างทางกลับเขาคิดคำตอบเตรียมเอาไว้แล้ว เพราะถึงอย่างไรสถานะของเฉินตงนั้นค่อนข้างพิเศษ พ่อของเขาเป็นถึงรองหัวหน้าของที่นี่ หากเขาให้คำตอบที่ดีไม่ได้ เดี๋ยวมันจะเป็นปัญหา

 

“หัวหน้าทีมเฉินยังไม่กลับมา เฮ้ๆ นี่มันชักไม่ดีแล้วนา เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” ทหารยามตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหานี้

 

ซูเฉินอธิบายว่า “พวกเราเข้าไปในเมืองร้าง ตอนแรกก็ช่วยกันค้นหาเสบียงอยู่หรอก แต่ดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ไม่นึกเลยว่าในตึกหลังที่กำลังสำรวจจะมีซอมบี้หลายตัวรวมกันอยู่ เนื่องจากทุกคนกระจายกันค้นหาของ จะรวมตัวกันตอนนั้นก็ยากแล้ว ทุกคนเลยแยกย้ายกันหลบหนี”

 

“แล้วหัวหน้าทีมเฉินกับคนอื่นๆยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า” ทหารยามเอ่ยถามด้วยความประหม่า

 

ซูเฉินส่ายหัวด้วยสีหน้าว่างเปล่า

 

“นี่เป็นเรื่องใหญ่ นายต้องรีบไปรายงานให้เร็วที่สุด” ทหารยามตรวจร่างกายเสร็จพอดี ก็ปล่อยซูเฉินเข้าชุมชนทันที

 

“รู้แล้ว งั้นขอตัวก่อนนะ ฉันจะรีบไปรายงาน” ซูเฉินตอบ รีบมุ่งหน้าเข้าไปในชุมชน

 

ในวันสิ้นโลก ทีมเหมือนกับของซูเฉินที่รับผิดชอบในการเก็บรวมรวมทรัพยากรและเฟ้นหาเสบียงจะถูกเรียกว่าทีมทหารรับจ้าง

 

สำนักงานใหญ่ของทีมทหารรับจ้างเทียนหนานตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูสถานชุมชนมากนัก มีหัวหน้าชื่อว่าหวู่หยาง เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาหยาบกระด้าง

 

และแน่นอน การที่สามารถเป็นหัวหน้าได้ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ธรรมดา

 

หวู่หยางเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1

 

เมื่อซูเฉินเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของทีมทหารรับจ้างและรายงานสถานการณ์ ท่าทีของหวู่หยางก็เปลี่ยนไป

 

“ซูเฉิน ที่พูดมาเป็นเรื่องจริงใช่ไหม นายไม่ได้โกหกแน่นะ?” หวู่หยางจ้องเขม็งมาทางซูเฉิน