1/10

 

Ep.609

 

“ทำไมเจ้าบรรพชนนั่นถึงส่งแกมาฆ่าฉัน?” ซูเฉินขมวดคิ้วถาม

 

เพราะเอาจริงๆแล้ว ในทวีปเผ่าราชวงศ์อสูร ซูเฉินแทบจะเก็บตัว นอกจากศึกใหญ่กับเทพศักดิ์สิทธิ์เป่ยยี่แล้ว เขาก็ไม่ได้อาละวาดสังหารหมู่เหมือนบนเกาะอื่นๆอีกเลย แล้วไหงถึงไปดึงดูดความโกรธแค้นของบรรพชนเผ่าราชวงศ์อสูรได้?

 

“เพราะเจ้าสังหารเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่!”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานตอบ จากนั้นอธิบายว่า “ข้าและเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่คือศิษย์สายตรงของท่านบรรพชน ท่านมีหน้าที่คอยจัดการดูแลความเป็นไปของทวีปเผ่าราชวงศ์อสูร แต่เจ้ากลับฆ่าคนของท่านบรรพชน เป็นธรรมดาที่จะถูกท่านแก้แค้น!”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานอธิบายอย่างละเอียด ทั้งยังเปิดเผยสถานะของตน

 

จุดประสงค์ก็เพื่อบอกซูเฉินว่าข้าคือศิษย์สายตรงของผู้แข็งแกร่งระดับเทวะ รู้แบบนี้แล้วเจ้ายังจะกล้าฆ่าข้าอยู่ไหม?

 

ได้ยินแบบนี้ ซูเฉินครุ่นคิดในใจ

 

ความยิ่งใหญ่ของระดับเทวะมิอาจดูหมิ่นได้ แต่เขาเพิ่งสังหารศิษย์สายตรงของผู้แข็งแกร่งระดับเทวะไป ถูกอีกฝ่ายแก้แค้น ก็สมเหตุสมผลแล้ว

 

เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ในเมื่ออีกฝ่ายโกรธ งั้นทำไมไม่ออกมาฆ่าเขาด้วยตัวเองเล่า? แบบนี้ไม่แน่นอนกว่าหรอ?

 

ซูเฉินปาดจมูก เอ่ยถามอย่างแผ่วเบา “งั้นทำไมบรรพชนของแกไม่ลงมือเอง?”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานลังเลอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง ลูกตาเขากลับกลอก เอ่ยตอบว่า “ท่านบรรพชนกำลังปิดด่านฝึกตนเพื่อตัดผ่านสู่ขั้นต่อไป ท่านจะไม่ยอมให้การฝึกตนล่าช้าเพียงเพราะเจ้า”

 

“จะใช่อย่างนั้นเร้อ?”

 

ซูเฉินหรี่ตาอย่างคลุมเครือ ประกายเย็นวาบกระพริบไหวในดวงตาเขา

 

ก็จริงอยู่ที่คำพูดของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานมีความน่าเชื่อถืออยู่หลายส่วน แต่จากปฏิกิริยาตอบสนองของเขา ซูเฉินรู้สึกได้รางๆว่าเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานไม่ได้พูดความจริง

 

“จริงแท้แน่นอน ข้าไม่จำเป็นต้องโกหก!” เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานเอ่ยสัตย์สาบาน

 

ซูเฉินเบ้ปาก หันไปส่งสายตาให้เฉาหราน

 

เฉาหรานรู้หน้าที่ ชักกริบขึ้นมาทันที ตวัดลงอีกครั้ง

 

“อ๊ากกกกก”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานกรีดร้องออกมา อ้อนวอนขอความเมตตาจากซูเฉิน “ผู้อาวุโส ที่ข้าพูดเป็นความจริง!”

 

ซูเฉินทำเป็นหูทวนลม ไม่หวั่นไหว

 

เรื่องนี้จะจริงหรือเท็จก็ช่างมัน ยังไงซะ เขาไม่ได้สูญเสียอะไรอยู่แล้ว

 

“ฉันบอกแล้วไงว่าให้แกพูดความจริง ไม่งั้นบิดาจะจับทรมานจนตาย!”

 

เฉาหรานตวัดกริชไปพลาง เอ่ยขู่ไปพลาง

 

ครู่ต่อมา ใบหน้าครึ่งซีกของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานเลอะเลือนไปด้วยเลือด

 

ขณะที่เฉาหรานกำลังจะเฉือนใบหน้าอีกซีกของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน อีกฝ่ายก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ร้องขอความเมตตา “ผู้อาวุโส ข้าจะไม่โกหกท่านอีกแล้ว!”

 

ซูเฉินสีหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็ง “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของแก”

 

ร่างของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานสั่นสะท้าน เขากัดฟันและกล่าวว่า “การดำรงอยู่ที่เหนือกว่าขั้น 10 ไม่สามารถเข้าสู่ทวีปได้ตามใจชอบ หรือต่อให้สามารถเข้ามาได้ แต่ระดับฐานฝึกตนก็จะถูกสะกดลงอย่างร้ายแรง”

 

สิ้นเสียง หัวใจของเขาก็มอดไหม้เป็นเถ้าธุลี สูญเสียความหวังที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

 

เพราะเขารู้ดี ด้วยอุปนิสัยเหี้ยมโหดของซูเฉิน เมื่อทราบข้อมูลที่ต้องการแล้ว ย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไป

 

นอกจากนี้ การพูดความจริงก็เท่ากับเป็นการทรยศต่อท่านบรรพชน

 

เขาไม่มีที่ยืนในทวีปเผ่าราชวงศ์อสูรอีกแล้ว ท่านบรรพชนไม่มีทางปล่อยเขาไปเช่นกัน

 

ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที ข้อมูลนี้สำคัญยิ่งสำหรับเขา

 

ตัวตนระดับเทวะไม่สามารถเข้าสู่ทวีปได้ดั่งใจนึก นี่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ว่าหากเขาบุกไปยังเผ่าพันธุ์ไหน ก็สามารถท่องไปได้อย่างอิสระหรอกหรือ?

 

แน่นอน ไม่ว่าข่าวนี้จะจริงหรือไม่ เขายังไม่เชื่อ 100%

 

“ทำไมตัวตนขั้น 10 ขึ้นไปถึงไม่สามารถเข้ามาในทวีปได้ตามต้องการ?” ซูเฉินถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานถอนหายใจ ตอบอย่างอ่อนแรง “มีข่าวลือว่าตัวตนเหนือขั้น 10 หากเข้ามายังทวีป พวกเขาจะถูกโจมตีด้วยอำนาจเขตแดน เว้นเสียแต่ว่าจะระงับระดับฝึกตนให้อยู่ภายในขั้น 10 มิฉะนั้นจะถูกทำลายเป็นเถ้าถ่าน”

 

2/10

 

Ep.610

 

ซูเฉินหรี่ตาลง ค่อยๆเค้นสมองปั่นความคิด

 

ตัวตนระดับเทวะ ควรรู้วิธีใช้งานพลังแห่งสวรรค์และปฐพีแล้ว พลังโจมตีของพวกเขาสมควรทรงพลังอย่างน่าหวาดกลัว

 

ฉะนั้น หากเกิดการต่อสู้กันระหว่างระดับเทวะบนทวีปใหญ่ คงฟ้าถล่มดินทลาย ชนิดที่ว่าทวีปอาจถูกทำลายลงได้เลย

 

ในจักรวาลแห่งนี้ ไม่ทราบว่ามีดาวเคราะห์ของแต่ละเผ่าพันธุ์อยู่กี่หมื่นดวง ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายไป

 

นี่แสดงให้เห็นว่าอำนาจเขตแดนสามารถจำกัดพลังของระดับเทวะได้จริงๆ

 

มองจากมุมนี้ หมายความว่าเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานไม่ได้โกหก ระดับเทวะน่าจะไม่สามารถเข้าสู่ทวีปได้ตามใจชอบจริงๆ

 

หากพูดให้ละเอียดกว่านี้ก็คือ ที่พวกเขาไม่กล้า เพราะภายนอกทวีป ตนคือผู้ที่สามารถถล่มฟ้าพลิกแผ่นดิน แต่เมื่อเข้าสู่ทวีป ความแข็งแกร่งจะถูกระงับ และนั่นหมายความว่ามีโอกาสเพลี่ยงพล้ำเช่นกัน

 

สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างระดับเทวะ ไม่รู้ว่ามีชีวิตยืนยาวมากี่ปีแล้ว ผู้ใดเล่าไม่เสียดายชีวิต? ไหนเลยจะยอมกระโจนเข้าเสี่ยงอันตรายง่ายๆ?

 

เมื่อหาคำตอบได้แล้วว่ามันเรื่องราวมันเป็นมายังไง เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป

 

ซูเฉินซัดหมัด ระเบิดหัวอีกฝ่าย

 

พริบตาเดียวปรากฏชิ้นส่วนวาววับผุดออกมาจากศพของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน

 

หลังจากรวบรวมชิ้นส่วน เขาก็เดินตรงไปยังสองศิษย์พี่น้อง ช่วยชำแหละศพเสือโคร่ง

 

รอจนขุดหินพลังงานออกมา และแยกส่วนเสือโคร่งเสร็จ ใส่ลงในถุงเก็บของแล้ว ซูเฉินกับพวกเขาก็กลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]

 

หลังจากนำเนื้อเสือโคร่งให้หยางฮ่าวไปย่างบาร์บีคิว เขาก็หันไปหาเฉินเฟิงและกล่าวว่า “พี่เฉิน คุณจำตำแหน่งที่แน่นอนของค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ใช่ไหม?”

 

หินพลังงานเลเวล 8 รวบรวมได้ครบแล้ว ได้เวลาออกจากทวีปเผ่าราชวงศ์อสูรซักที

 

“ทางเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆไม่สะดุดตา ฉันทิ้งเครื่องหมายไว้ที่นั่น สามารถรับรู้ถึงมันได้ตลอดเวลาหากต้องการ” เฉินเฟิงตอบอย่างมั่นใจ

 

เขาเข้าสู่ทวีปเผ่าราชวงศ์อสูรในครั้งนี้ ไม่เพียงได้รับหาผลึกศิลาแดงตามที่ต้องการเท่านั้น แต่ยังได้รู้จักกับซูเฉินซึ่งเป็นบุคคลที่ทรงพลังและมีพรสวรรค์เป็นเลิศ

 

อาจเรียกได้ว่าสามารถกอบโกยผลประโยชน์จนอิ่มหนำ เขาพอใจมากแล้ว และต้องการกลับไปยังทวีปมนุษย์ให้เร็วที่สุด

 

“ดีละ ถ้างั้นคงต้องรบกวนพี่เฉินนำทางแล้ว” ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

จากที่นี่ไปยังสถานที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายตั้งอยู่ เดิมต้องใช้เวลาประมาณ 10 วัน

 

แต่ [รถศึกอัจฉริยะ] หลังจากได้รับการติดตั้งผลึกศิลาแดง มันก็อัพเกรดขึ้นเป็นรูปแบบที่ 7 ความสามารถทั้งหมดได้รับการปรับปรุงขึ้นหลายส่วน เฉพาะในเรื่องความเร็วอย่างเดียวก็เพิ่มขึ้นเป็น 800 ต่อชั่วโมงแล้ว

 

ดังนั้น การเดินทางที่ควรใช้เวลาถึง 10 วัน จึงบรรลุเพียง 6 วันเท่านั้น

 

จนกระทั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ขับมาถึงเบื้องหน้าชายหาดทะเลแห่งหนึ่ง ทุกคนก็ลงจากรถ เฉินเฟิงเอ่ยเตือนขึ้นว่า “เฮียซู ถ้าพวกเราจะข้ามทะเลบริเวณนี้ไปถึงเกาะ จำเป็นต้องสร้างเรือไม้ขนาดใหญ่”

 

สิบกว่าคนบวก [รถศึกอัจฉริยะ] หากคิดข้ามทะเล เรือไม้ลำเล็กคงไม่พอ

 

ซูเฉินยิ้ม “ไม่ต้องลำบากหรอกพี่เฉิน ให้เสี่ยวจือพาพวกเราไปนี่แหละ”

 

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้นิ่งงันไปครู่หนึ่ง

 

ซูเฉินไม่คิดอธิบายอะไร หันไปออกคำสั่งกับ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ เปลี่ยนรูปแบบ เตรียมตัวออกทะเล”

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับ

 

แคร่ก แคร่ก แคร่ก และรูปทรงของมันก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง

 

ชั่วพริบตาเดียว จากรถฐานทัพ เวลานี้กลายเป็นเรือสำราญสีเงินขาว

 

เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้อ้าปากค้าง ไม่สามารถเอ่ยคำใดได้เป็นเวลานาน

 

“เอาล่ะ ขึ้นเรือเถอะ”

 

ซูเฉินร้องเรียก ก้าวขึ้นไปเป็นคนแรก

 

ศิษย์พี่ศิษย์น้องได้สติ ตามซูเฉินไปติดๆ

 

เมื่อขึ้นมาบนเรือ เฉินเฟิงเดินไปข้างซูเฉิน ถามหยั่งเชิงว่า “เฮียซู รถฐานทัพของเฮีย ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์อู๋หยาจื่อใช่รึเปล่า?”

 

ด้านการหลอมอุปกรณ์ อู๋หยาจื่อนับว่าสมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้เขายังเคยสร้างรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกไว้เช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม พาหนะที่เหมือนกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามต้องการ เฉินเฟิงไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน