3/10

 

Ep.611

 

“อู๋หยาจื่อ … ”

 

ซูเฉินพึมพำ แล้วเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขากล่าวว่า “พี่เฉิน ปรมาจารย์อู๋หยาจื่อที่คุณว่า ใช่คนที่อยู่ในหุบเขาซีหยาของราชวงศ์เฝิงซีรึเปล่า?”

 

“ใช่แล้ว”

 

เฉินเฟิงตอบอย่างมั่นใจ จากนั้นถามว่า “เฮียซูเองก็รู้จักท่านปรมาจารย์ใช่ไหม?”

 

ซูเฉินส่ายหัว กล่าวเบาๆว่า “ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แค่เคยได้ยินเรื่องของเขาเท่านั้น”

 

เหตุผลที่ซูเฉินรู้เรื่องของอู๋หยาจื่อ เป็นเพราะเฉินเมิ่งเฟยเคยเล่าไว้ ว่าเธอได้แลกต้นผลจำลองจิตกับอู๋หยาจื่อ

 

ซึ่งเป้าหมายหลักในการเดินทางไปยังทวีปเสวียนเทียนในครั้งนี้ ก็เพื่อต้นผลจำลองจิตนั่นเอง

 

“ถ้าสามารถกลับไปยังทวีปเสวียนได้อย่างราบรื่น ฉันว่าจะแวะไปที่หุบเขาซีหยาเพื่อคารวะปรมาจารย์อู๋หยาจื่อเหมือนกัน ถ้าเฮียซูมีอาวุธต้องสร้าง พวกเราน่าจะเดินทางไปด้วยกันนะ” เฉินเฟิงแนะนำ

 

อู๋หยาจื่อไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในราชวงศ์เฝิงซีเท่านั้น แม้แต่ทั่วทั้งทวีปเสวียนเทียน ยังสามารถนับว่าเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธชั้นแนวหน้า

 

การเดินทางไปยังหุบเขาซีหยาในครั้งนี้ นอกเหนือจากการคารวะ เหนือสิ่งอื่นใดคือต้องการปรับแต่งอาวุธของเขา

 

แน่นอน คนอย่างซูเฉินซึ่งมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอยู่ในมือ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปคารวะอู๋หยาจื่อ แต่เนื่องจากมีเหตุผลอื่น เขาจึงเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ

 

“พอดีฉันเองก็อยากสร้างอาวุธเหมือนกัน เลยคิดจะไปคารวะปรมาจารย์อู๋หยาจื่อตั้งนานแล้ว” ซูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

นอกจากเรื่องต้นผลจำลองจิต เหตุที่ต้องไปหุบเขาซีหยา ซูเฉินยังมีอีกเรื่อง นั่นคือเขายังมีแก่นอสูรของต้นผลกำเนิดมารอยู่ ซึ่งเดิมตั้งใจจะสร้างเป็นอาวุธ นอกจากนี้ ยังมีกระบี่ยักษ์น้ำตาลดินที่ชิงมาจากมือของเทพศักดิ์สิทธิ์เป่ยยี่อีก เขาอยากดูว่ามันสามารถปรับแต่งได้หรือไม่

 

“เยี่ยมไปเลย!” ถ้าเป็นแบบนี้ หมายความว่าเขาสามารถเดินทางกับเฮียซูได้อีกครั้ง เฉินเฟิงมีความสุขมาก

 

หลังจากได้อยู่กับซูเฉินหลายวัน ทำให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าซูเฉินคือสหายที่ควรค่าแก่การคบหา

 

ดังนั้นเขาเลยต้องการใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับซูเฉินให้มากขึ้น

 

หลังคุยกับเรื่องอู๋หยาจื่อเสร็จ ซูเฉินก็หันไปถาม “พี่เฉิน ค่ายกลเคลื่อนย้ายเชื่อมต่อกับที่ไหนของทวีปมนุษย์?”

 

คงจะดีที่สุดหากเขาสามารถเดินทางผ่านค่ายกลไปยังทวีปเสวียนเทียนได้โดยตรง เพราะถ้าตำแหน่งปลายทางอยู่นอกเกาะเสวียนเทียน มันต้องหาค่ายกลอื่นเพื่อข้ามสู่ทวีปเสวียนเทียนอีก

 

ซึ่งแบบนั้นเป็นอะไรที่เสียเวลามาก

 

“ตำแหน่งปลายทางอยู่ในเทือกเขาบนเกาะชงซวี่” เฉินเฟิงบอกตามตรง

 

“เกาะชงซวี่ .. ”

 

ซูเฉินหรี่ตรา เอ่ยพึมพำ

 

เขาเคยได้ยินเรื่องเกาะชงซวี่จากปากหานซานเฉียนมาก่อน ว่าที่นั่นก็มีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นำไปสู่ทวีปเสวียนเทียนเช่นกัน

 

แม้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของเฉินเฟิงจะไม่นำไปสู่ทวีปเสวียนเทียนซะทีเดียว แต่การได้ไปยังเกาะชงซวี่ เมื่อเทียบกับเกาะอื่นที่ไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว ถือว่าไม่เลวร้ายนัก

 

“เฮียซู เกาะไหนคือบ้านเกิดของเฮียหรอ?” เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัย

 

เขารู้แค่ว่าซูเฉินไม่ได้มาจากทวีปเสวียนเทียน แต่เรื่องมาจากเกาะไหน ไม่เคยถามเลย

 

“เกาะเฉียนหยู” ซูเฉินไม่ได้ปิดบังอะไร

 

“เกาะเฉียนหยู … ”

 

เฉินเฟิงทวนคำ ลอบคิดกับตัวเอง ว่าถ้ามีโอกาสต้องไปเยี่ยมชมเกาะเฉียนหยูซักหน่อย

 

อยากจะรู้ว่าเกาะแบบไหนกัน ที่สามารถให้กำเนิดสัตว์ประหลาดอย่างซูเฉินขึ้นมาได้

 

หลังจากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายหาที่พักผ่อน

 

[รถศึกอัจฉริยะ] แล่นไปตามเส้นทางที่เฉินเฟิงบอก

 

เที่ยงวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงเกาะที่ติดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้

 

“เฮียซู ทางเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ตรงกลางเกาะ พวกเราต้องเดินเท้าไปที่นั่น” เฉินเฟิงแนะนำ

 

พื้นที่ของเกาะนี้ไม่ใหญ่มาก ทว่าเต็มไปด้วยภูเขาและเศษหินมากมาย ทั้งยังไม่มีถนน ไม่มีทางที่ [รถศึกอัจฉริยะ] จะขับเข้าไปได้

 

“อย่าเสียเวลาเลย คุณนำทางเถอะ แล้วให้เสี่ยวจือพาพวกเราบินไป” ซูเฉินกล่าว

 

ตั้งแต่ [รถศึกอัจฉริยะ] เปิดฟังก์ชั่นการบิน ซูเฉินยังไม่เคยได้ลองใช้เลย เขาอยากเห็นมานานแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะที่สุด

 

4/10

 

Ep.612

 

บินไป?

 

ณ ขณะนี้ เฉินเฟิงเกิดความสับสน

 

ซูเฉินไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม หันไปออกคำสั่งกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ เปิดฟังก์ชั่นการบิน”

 

“รับทราบ”

 

เมื่อได้รับคำสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ก็เริ่มส่งเสียงแคร่ก แคร่ก จากเรือสำราญเปลี่ยนร่างเป็นเรือเหาะ

 

“สุดยอดไปเลย!”

 

เห็น [รถศึกอัจฉริยะ] เปลี่ยนรูปแบบใหม่อีกครั้ง ทุกคนเหม่อมองมันด้วยความตื่นตาตื่นใจ

 

“ไปกันเถอะ”

 

ซูเฉินเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นเรือเหาะ คนอื่นๆตามมาติดๆ

 

“มันบินได้จริงๆหรอ?” เฉินเฟิงยังรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย

 

[รถศึกอัจฉริยะ] เปลี่ยนรูปทรงเป็นเรือเหาะ แต่การตกแต่งภายในไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนสภาพรถฐานทัพมากนัก

 

ซูเฉินกวาดสายตามองอย่างสบายๆ ออกคำสั่งว่า “เสี่ยวจือ เดินเครื่องได้!”

 

หวือออออ!

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ลอยขึ้นในอากาศอย่างรวดเร็ว

 

“มันบินได้จริงๆ!”

 

เห็นว่าตัวเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศจริงๆ เฉินเฟิงสูดหายใจเข้าเต็มปอด ความประหลาดใจประทับอยู่บนใบหน้าเขาเนิ่นนานไม่จางหายไป

 

“พี่เฉิน อย่าลืมนำทาง”

 

เห็นเฉินเฟิงตกตะลึง ซูเฉินยิ้มและเตือนเขา

 

“อะ .. โอ้!”

 

เฉินเฟิงตอบสนอง เดินไปที่หน้าต่าง หลังจากกวาดมองด้านล่าง ก็เอื้อมมือชี้ไปทิศทางหนึ่ง “อยู่ในถ้ำของภูเขาลูกนั้น”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] เปิดฟังก์ชั่นค้นหา ล็อคตำแหน่งที่แน่นอนได้อย่างง่ายดาย แล้วบินข้ามไป

 

สิบนาทีต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร่อนลงจอดนอกถ้ำ ผู้คนทยอยกันลง

 

“เฮียซู พวกเราน่ะเข้าไปในค่ายกลได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ว่าแต่รถฐานทัพของเฮียล่ะ?” เฉินเฟิงเอ่ยขึ้นมา

 

ค่ายกลเคลื่อนย้าย สามารถเข้าได้ครั้งละไม่เกิน 10 คนเท่านั้น แต่เจ้าตัวโตอย่าง [รถศึกอัจฉริยะ] ต่อให้ทุกคนหลีกทางให้ มันก็ยัดเข้าไปไม่ได้อยู่ดี

 

หากเปลี่ยนเป็นรถฐานทัพคันอื่น เฉินเฟิงคงเลือกทิ้งมันอย่างไม่ลังเล

 

ทว่า [รถศึกอัจฉริยะ] ไม่ใช่พาหนะทั่วไป มันไม่เพียงพูดได้ แต่ยังมีความคิดเป็นของตัวเอง และยังเป็นรถสะเทินน้ำสะเทินบก .. อ้อ รวมไปถึงทางอากาศอีกด้วย

 

สมบัติแบบนี้ ซูเฉินจะยอมละทิ้งมันไปได้อย่างไร?

 

ซูเฉินยิ้ม [รถศึกอัจฉริยะ] สามารถย่อขยายได้ตามต้องการ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย

 

ขณะที่เขากำลังจะอธิบายให้เฉินเฟิงฟัง [รถศึกอัจฉริยะ] จู่ๆก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้านาย มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอยู่ข้างในถ้ำ”

 

ซูเฉินตกใจ เอ่ยถามอย่างร้อนรนว่า “เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหน?”

 

ข้างในถ้ำแห่งนี้เป็นที่ตั้งของค่ายกลเคลื่อนย้าย หากมันเกิดความเสียหายขึ้นมา อย่าหวังว่าจะได้กลับไปยังทวีปมนุษย์ในเร็ววัน

 

“บนร่างของมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย แต่กลิ่นอายแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตในโลกควรมี ฉันไม่สามารถแยกออกได้” [รถศึกอัจฉริยะ] อธิบาย

 

ซูเฉินขมวดคิ้ว ครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนเปิดประตู และก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน เขาไม่อนุญาตให้ค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกทำลายลงอย่างแน่นอน

 

เดิมที ซูเฉินคิดจะเข้าไปในถ้ำให้เร็วที่สุดเพื่อหยุดมัน

 

แต่ใครจะทันคาดคิดว่า เพิ่งลงจากรถ หน้าปากทางเข้าถ้ำ ดันปรากฏร่างใหญ่กำยำขึ้นซะก่อน

 

ซูเฉินหรี่ตา กวาดสำรวจมอง หนังตาเขาอดกระตุกอย่างช่วยไม่ได้

 

เพราะร่างกำยำนี้ มีแขนขา และลำตัวเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่ส่วนหัวประหลาดมาก มันดูเหมือนปลาหมึก และมีเส้นหนวดยั้วเยี้ยเต้นไม่หยุด

 

ข้างในดวงตาสีแดงเลือด กำลังทอประกายเย็นเยียบออกมา ชวนให้ผู้คนที่สบตารู้สึกสั่นสะท้าน

 

ซูเฉินไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เขาหันไปถามเฉินเฟิงว่า “พี่เฉิน คุณเคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบนี้รึเปล่า?”

 

“ไม่”

 

เฉินเฟิงส่ายหัว

 

ขณะที่ซูเฉินกำลังจะสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนี้ ก็มีเสียงเรียกของหงส์เพลิงดังขึ้นจากใน [พื้นที่เลี้ยงสัตว์]

 

ซูเฉินเปิดมัน แล้วถามว่า “เสี่ยวเหยียน มีอะไร?”

 

หงส์เพลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “เจ้านาย นั่นคือสัตว์ร้ายมิติ!”