7/8

 

Ep.607

 

“นี่เจ้ายังเป็นปรมาจารย์พลังจิตด้วย!?” ชาวอมตะสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสยดสยอง พยายามดิ้นรนสุดชีวิต

 

แต่กว่าจะหลุดพ้นจากพลังที่มองไม่เห็นที่พันธนาการไว้ได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญ ซูเฉินก็บุกประชิดถึงเบื้องหน้าแล้ว

 

เห็นแค่เพียงกระบี่ดำสนิทเล่มหนึ่งฟาดฟันจากกลางอากาศ ทันใดนั้นกระแสวังวนสีดำขนาดหนึ่งจั้งปรากฏขึ้น มันม้วนเป็นเกลียวคลื่น กลืนชาวอมตะเข้าไปข้างใน

 

ภายใต้เสียงกระดูกแตกร้าวฟังดูน่าขนลุก ชาวอมตะส่งเสียงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง จากนั้นทั้นตนทั้งร่างของมันก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

 

ชิ้นส่วนวาววับหลายร้อยลอยล่องเต็มท้องฟ้า ซูเฉินรวบพวกมันเข้ามาก่อนตกถึงพื้น แล้วรีบกลับไปยังสนามรบในตอนแรก

 

ทันทีที่เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้เห็นสถานการณ์อันตรายคลี่คลายแล้ว ก็ก้าวลงจาก [รถศึกอัจฉริยะ] เดินมาหาซูเฉิน

 

เฉินเฟิงถามเสียงเบาว่า “อาเฮียซู มีอะไรให้พวกเราทำไหม?”

 

“งั้นฝากพวกคุณชำแหละเสือโคร่งนั่นแล้วกัน”

 

เสือโคร่งตัวนั้นเป็นสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 คนทั่วไปไม่สามารถชำแหละได้ ส่วนซูเฉินแม้ทำได้ แต่ยังมีเรื่องที่จะต้องถามจากปากเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน เลยยกหน้าที่นี้ให้ทั้งสองจัดการ

 

ศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่โต้แย้งแม้ครึ่งคำ ก้าวไปข้างหน้า เริ่มแล่ซากศพเสือโคร่ง

 

“ศิษย์พี่คิดว่าเฮียซูจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับผู้ฝึกตนขั้น 10 ได้ไหม?” ระหว่างเลาะหนังเสือ เซี่ยจิงอี้เอ่ยถามเสียงแผ่ว

 

เฉินเฟิงหยุดมือที่กำลังเคลื่อนไหว ในดวงตาของเขาสะท้อนไปด้วยความนับถือ ทอดถอนหายใจจากก้นบึ้งของหัวใจ พร้อมเอ่ยว่า “พี่ซูมีไพ่ในมือเยอะ โดยเฉพาะวิชาแยกร่างในตอนท้าย ความสามารถนี้ไร้ที่ติ ผู้ฝึกตนขั้น 10 ทั่วๆไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน เกรงว่าคงมีแต่ยอดฝีมือขั้น 10 ที่แท้จริงเท่านั้น ถึงจะสามารถทัดเทียมได้”

 

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าท่าทีของเซี่ยจิงอี้ตกใจเล็กน้อย ยกมือขึ้นป้องปาก “ถ้าศิษย์พี่พูดแบบนี้ ไม่ใช่หมายความว่าอาเฮียซูเป็นรองแค่ระดับเทวะหรอกหรือ?”

 

เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าซูเฉินอายุ 17 ปีเท่านั้น แต่กลับมาถึงขั้น 7 แล้ว ลมหายใจของเซี่ยจิงอี้ก็หายห้วงไป

 

เฉินเฟิงพยักหน้า “แม้เฮียซูในตอนนี้ จะยังไปไม่ถึงขั้นเป็นรองเพียงระดับเทวะจริงๆก็ตาม แต่ผู้ที่สามารถเอาชนะเขาได้ มีไม่เกินกำมือเดียวอย่างแน่นอน”

 

ซูเฉินยังเยาว์วัยนัก มีพื้นที่ให้ก้าวหน้าไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อไหร่ที่เขายกระดับไปถึงขั้น 9 ย่อมไม่มีใครที่ต่ำกว่าระดับเทวะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

 

“ศิษย์พี่คิดว่าด้วยพรสวรค์ของเฮียซู เป็นไปได้ไหมที่จะก้าวไปสู่ระดับเทวะ?” เซี่ยจิงอี้ลองเลียบเคียงถาม

 

เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นแสนอ่อนแอ เหตุผลหลักก็คือไม่มีใครสามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะได้เป็นพันๆปีแล้ว เรื่องนี้ทำให้สถานะของเผ่ามนุษย์ในหมื่นเผ่าพันธุ์ตกต่ำลงเรื่อยๆ

 

หากซูเฉินเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะได้ จะสามารถพลิกสถานการณ์ฝั่งมนุษย์ได้อย่างแน่นอน

 

หรือบางทีอาจถึงขั้นช่วยฟื้นฟูความยิ่งใหญ่เมื่อครั้ง 10,000 ปีก่อนเลยก็ได้

 

คิดได้แบบนี้ เซี่ยจิงอี้ตั้งตารอวันที่ซูเฉินประสบความสำเร็จอย่างใจจดใจจ่อ

 

“ระดับเทวะ?”

 

สีหน้าการแสดงออกมาเฉินเฟิงกลายเป็นซบเซา สองศิษย์พี่น้องมองหน้ากัน

 

ในรอบเกือบหมื่นปีที่ผ่านมา แม้ว่าเผ่ามนุษย์จะไม่เคยถือกำเนิดระดับเทวะคนใหม่อีกเลย แต่ด้วยพรสวรรค์ของซูเฉิน ดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างมีความคิดเห็นตรงกัน ดวงตาของทั้งสองสั่นคลอน

 

อีกด้านหนึ่ง ซูเฉินเริ่มสอบปากคำเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน

 

“บอกพวกเรามา ทำไมแกกับชาวอมตะถึงตามล่าฉัน?”

 

ถึงจุดนี้ ซูเฉินก็ยังคิดไม่ออก

 

ตามหลักเหตุผลแล้ว เขาได้สังหารเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ไป นั่นเท่ากับเป็นการช่วยเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานทางอ้อม

 

แม้อีกฝ่ายจะไม่ขอบคุณเขา แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นออกมาตามล่าด้วยตัวเอง

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานมองซูเฉินด้วยความดูแคลน ทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงเลือกที่จะเงียบ

 

เห็นแบบนี้ ซูเฉินปาดจมูกเขา หันไปเรียกอนาคตหัวหน้าหน่วยลงทัณ์ “เฉาหราน ทรมานมันซะ!”

 

วิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการกับหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก ก็คือการทรมาน!

 

8/8

 

Ep.608

 

เฉาหรานวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลงมือ เขาหันมาขอคำชี้แนะจากซูเฉิน “พี่เฉินอยากให้ฉันควักลูกตาหรือลงทัณ์ด้วยวิธีหั่นศพก่อนดี?”

 

ซูเฉินกวาดสายตามองเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน ประกายเย็นยะเยือกฉายวาบออกมาจากดวงตาเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ลงทัณฑ์ด้วยวิธีหั่นศพ!”

 

“น้อมรับคำสั่ง!”

 

เฉาหรานเลียริมฝีปาก หยิบ [กริชอเวจี] ออกมาและเริ่มปฏิบัติการทันที

 

เนื่องจากเคยมีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง การเคลื่อนไหวในครั้งนี้จึงดูชำนาญมาก พริบตาเดียวสามารถตัดชิ้นเนื้อบางๆออกจากร่างเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานคือเลเวล 9 ที่แท้จริง แต่เป็นปรมาจารย์พลังจิตเท่านั้น ร่างกายเลยแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปแค่เล็กน้อย

 

หากเปลี่ยนเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 9 เฉาหรานคงไม่สามารถทำอะไรได้

 

ซูเฉินยืนมองด้วยสายตาเย็นชา ในใจลอบชื่นชมอย่างเงียบๆ

 

สมาธิของเฉาหรานไม่มีหลุดเลย ความคิดทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่ที่กริชบนมือ ตัดเนื้อเฉือนหนังอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

ซึบ ซึบบ ซึบบบ!

 

เสียงมีดจุ่มลงไปแล้วตวัดขึ้นดังต่อเนื่อง มีชิ้นเนื้อเป็นร้อยชิ้นกองอยู่บนพื้น แขนขวาของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานเต็มไปด้วยสีแดงก่ำ เลือดสดๆหยดย้อย ดูน่าหวาดกลัวจับใจ

 

เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้เห็นภาพนี้ หนังศีรษะของเขาและเธอด้านชา

 

แม้ทั้งคู่จะเคยฆ่าคนมามากมาย ทว่ากลวิธีแล่เนื้อบางๆทีละชิ้นเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เคยพบเจอ เลยอดหนาวสะท้านไม่ได้

 

ส่วนเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานตอนแรกเขาก็ยังกัดฟัดอดทนได้อยู่หรอก แต่เมื่อเห็นเนื้อค่อยๆถูกลอกออกทีละชิ้น ทีละชิ้น ในที่สุดปราการในหัวใจเขาก็พังทลายลง หันมาร้องโวยวายใส่ซูเฉินด้วยความโกรธ “มนุษย์! เจ้ามันปีศาจ! ถ้าเจ้ายังมีเกียรติอยู่ จงปล่อยให้เราราชาจากไปโดยสงบเถอะ!”

 

ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวติดตลกว่า “ฉันยังเหลือวิธีทรมานคนอีกตั้ง 99 วิธี ลงทัณฑ์ด้วยการหั่นศพเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น แกจะรีบตายไปทำไม? อดทนเข้าไว้!”

 

“ยังเหลือวิธีทรมานอีก 99 วิธี?”

 

สีหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

หากเป็นไปได้ เขาอยากตายซะตั้งแต่ตอนนี้! กระนั้น พลังแห่งจิตวิญญาณของเขาได้สลายไปแล้ว ปัจจุบันถูกควบคุมโดยซูเฉินอย่างสิ้นเชิง ต่อให้อยากตายก็ตายไม่ได้ ทำได้เพียงเฝ้าดูเนื้อหนังถูกเฉือนออกทีละชิ้น

 

การทรมานแบบนี้ มีไม่กี่คนหรอกที่ทนได้ ต่อให้เขาอยู่ในขั้น 9 ก็ไม่สามารถทานทนได้เช่นกัน

 

เฉาหรานแล่เนื้อตามแขนของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานหมด ก็เริ่มขยับใบมีดขึ้นไปเฉือนหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน

 

ซึบ!

 

ตามด้วยเสียงแล่เนื้ออันแผ่วเบา ใบหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานเกิดรอยแผลเป็นทางยาว ครึ่งซีกถูกย้อมไปด้วยสีแดง

 

เฉาหรานสะบัดๆกริชในมือเขา รอยยิ้มโหดร้ายผุดขึ้นตรงมุมปาก จากนั้นตวัดคมมีดอีกครั้ง

 

ซึบบ!

 

เนื้อชิ้นใหญ่กว่าเดิมถูกเฉือนออกจากใบหน้าเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน

 

ความเจ็บปวดอันรุนแรงกระตุ้นเส้นประสาทของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานอย่างลึกล้ำ ช่วงเวลานี้ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ร้องคำราม “หยุดมือ! ข้ายอมบอกแล้ว!”

 

“ก็อุตส่าห์รอดูว่าแกจะกระดูกแข็งซักแค่ไหน”

 

ซูเฉินพ่นลมหายใจฮุดฮัด โบกมือส่งสัญญาณให้เฉาหรานหยุด

 

เฉาหรานถ่มน้ำลาย ลุกขึ้นมายืนหลังซูเฉิน

 

อย่างไรก็ตาม สายตาเขายังคงจับจ้องเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน หากเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานยังไม่รู้จักดีชั่ว เฉาหรานก็จะก้าวเข้ามาทรมานต่อ

 

“เป็นท่านบรรพชนของพวกเราที่ขอให้ข้ามาฆ่าเจ้า!”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานราวกับถูกบอลที่ถูกปล่อยลม ถอนหายใจอย่างอ่อนแรง

 

“บรรพชนของพวกแกนี่มีที่มาที่ไปยังไง?” ซูเฉินถามเสียงทุ้มลึก

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานคือผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของเผ่าราชวงศ์อสูร การที่บรรพชนผู้นี้สามารถออกคำสั่งแก่เขาได้ แสดงว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา

 

“บรรพชนของพวกเราคือตัวตนที่อยู่เหนือกว่าขั้น 10!” เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานตอบตามความจริง

 

“ระดับเทวะ?”

 

ซูเฉินตกใจมาก แม้เขาจะไม่เคยต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับเทวะมาก่อน แต่เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับคนเหล่านี้ดี ว่าด้วยกำลังรบในปัจจุบันที่ตนมี ไม่สามารถต่อกรกับระดับเทวะได้อย่างแน่นอน