5/8

 

Ep.605

 

ซูเฉินเห็นได้อย่างชัดเจน ว่ายักษ์สูง 100 จั้งตนนี้คือหลี่เหลียงหลังจากเปลี่ยนร่าง

 

แต่หลี่เหลียงถูกเขาฆ่าตายไปแล้วชัดๆ ทำไมจู่ๆถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?

 

หรือจะเป็นภาพลวงตาเหมือนกัน?

 

ขณะที่ซูเฉินกำลังคาดเดา อีกหลายเสียงก็ดังสะท้อนเข้ามาในหูเขา

 

“มนุษย์! ข้าจะล้างแค้นเจ้า!”

 

คนที่กำลังพูด คือเผ่าระฆังศิลาเลเวล 8 ที่เขาเคยสังหารตอนอยู่ในทะเลทงโหยว

 

“ซูเฉิน เราผู้เฒ่าต่อให้กลายเป็นผี ก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป!”

 

มังกรทองโบยบินในอากาศ มิใช่ใครอื่น เป็นท่านเตียวหลงที่แปลงกายเป็นมังกรแล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน เหล่ามนุษย์และพวกต่างเผ่าที่เคยถูกซูเฉินสังหาร รวมไปถึงซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ แต่ละตนค่อยๆปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

 

ชั่วพริบตาเดียว ทะเลทรายทั้งผืนเต็มไปด้วยร่างเงาพลุกพล่าน มีจำนวนถึงหลักแสน กระจุกตัวกันหนานแน่น มองด้วยสายตาคล้ายไม่มีที่สิ้นสุด

 

“แกคิดว่าแค่สร้างภาพลวงตาพวกนี้ขึ้นมา แล้วจะทำอะไรฉันได้หรอ?”

 

สีหน้าของซูเฉินเรียบเฉย ริมฝีปากผุดยิ้มดูแคลน

 

สัญชาตญาณของเขาบอกได้ทันที ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแค่ภาพลวงตา และภาพลวงตาย่อมไม่มีพลังโจมตีใดๆ หรือก็คือไม่สามารถทำร้ายเขาได้นั่นเอง

 

“ช่างไร้เดียงสา! ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสเอง ว่าชะตากรรมของการถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ มันจะเป็นอย่างไร!”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานแค่นเสียงหัวเราะ จากนั้นตะโกนเย็นชาว่า “ทั้งหมดลงมือ! สังหารศัตรูคู่แค้นของพวกเจ้า!”

 

“ฆ่า!”

 

ตลอดทั้งสวรรค์และปฐพีเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องฆ่าฟัน

 

ซูเฉินรู้สึกว่าตัวเองถูกขังอยู่ภายใต้สายตาเคียดแค้นไร้ปราณี ไม่รอให้เขาตอบสนอง ทันใดนั้น กระบี่ยักษ์สีน้ำตาลดินก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าตาต่อเขา ยิ่งไปกว่านั้นมันกำลังปลดปล่อยเจตกระบี่อันน่าสะพรึงออกมา

 

ราวกับว่าสามารถฉีกอากาศที่ว่างเปล่าได้ ชวนให้เขารู้สึกถึงอันตรายอย่างร้ายแรง

 

ซูเฉินไม่ลังเลเลยสักนิด ยกมือชู [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ขึ้นเบื้องหน้าทันที

 

ได้ยินเพียงเสียงดังกึ้งงงง กึกก้องรุนแรง

 

กระบี่ยักษ์ปะทะ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ต่างฝ่ายต่างถูกแรงปะทะ ถอยไปเบื้องหลัง

 

“เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่?”

 

ซูเฉินขมวดคิ้วแน่น เพราะผู้ที่ถือกระบี่ยักษ์เล่มนี้แล้วลอบโจมตีเข้ามา คือเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ที่เพิ่งถูกเขาสังหารไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

 

ณ ตอนนี้ เขาได้ตระหนักแล้ว ว่าคนเหล่านี้ที่คืบคลานออกมาจากทะเลทรายไม่ใช่แค่ภาพลวงตา ตรงกันข้าม ทั้งหมดล้วนมีพลังโจมตีเป็นของตัวเองทั้งสิ้น

 

“มนุษย์ ข้าต้องการล้างแค้น! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

 

มุมปากของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ยกโค้งเป็นรอยยิ้มกระหายเลือด กุมกระบี่ยักษ์ด้วยสองมือ กระโจนเข้าหาซูเฉินอีกครั้ง

 

ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ตรงเข้าสังหารซูเฉิน

 

ทุกประเภทของการโจมตี หลั่งไหลเข้ามาดั่งห่าฝน กลืนซูเฉินจมลงไปโดยสมบูรณ์

 

ซูเฉินแค่นลมหายใจเย็นชา ไม่หลบลี้หนีหน้า ปล่อยให้พวกมันเข้าทุบตีเขา

 

ด้วยร่างที่มี [กายาเทพอสูรนิรันดร์] สามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีใดๆในเลเวลเดียวกัน ท่ามกลางศัตรูในที่แห่งนี้ นอกจากเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่แล้ว คนอื่นๆไม่สามารถทำร้ายเขาได้

 

ตูม ตูมม ตูมมม!

 

ท่ามกลางเสียงระเบิดอึกทึก เห็นแค่เพียงการโจมตีทั้งหมดที่กระทบร่างซูเฉินถูกสะท้อนออกไปในคราวเดียว

 

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”

 

เผชิญหน้ากับฉากอันแปลกประหลาดนี้ เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานร้องอุทานด้วยความตกใจ

 

เขาอัญเชิญจิตลวงตาออกมาเพื่อสังหารศัตรูในค่ายกลจิตลวงตาของเขา ซึ่งนี่เป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุด

 

ขณะเดียวกัน ราคาที่ต้องจ่ายในการใช้งานมันก็สูงมาก

 

เพราะการอัญเชิญจิตลวงตา ต้องใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเป็นพื้นฐาน และพลังจิตของเขาไม่เพียงพอที่จะทำแบบนี้ได้

 

ทว่าที่เขาทำมันสำเร็จ เป็นเพราะพึ่งพาพลังของสิ่งประดิษฐ์เทวะที่ยังไม่สมบูรณ์

 

ทำให้สิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว สามารถใช้ได้สูงสุดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และจะคงอยู่ไม่เกินสิบลมหายใจ

 

หากเขาไม่สามารถสังหารซูเฉินได้ในช่วงเวลานี้ บอกได้เลยว่าเท่ากับสูญเสียอย่างใหญ่หลวง และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้!

 

“จงสังหารมันแด่ข้า!”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป

 

ท่ามกลางช่วงเวลาเดือดพล่าน เขาร้องตะโกนไปทางเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่

 

ในเวลานี้ เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ปรี่เข้ามาประชิดซูเฉินอีกครั้งแล้ว ขณะที่กระบี่ในมือกำลังจะสับลง ก็พบว่าเบื้องหน้ากลายเป็นพร่ามัว ซูเฉินหายวับไปในพริบตา

 

“จะหนีไปไหน!”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ระเบิดเสียงคำราม หันไปมาหาร่องรอยของซูเฉิน

 

และไม่นาน เขาก็พบเป้าหมาย

 

ทว่า–

 

–ซูเฉินในเวลานี้ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว แต่ข้างกายเขา รายล้อมไปด้วยภูติเงาทั้งสิบ!

 

6/8

 

Ep.606

 

“ฉันเคยฆ่าแกได้ครั้งหนึ่ง เพราะงั้นถ้าจะให้ฆ่าอีกครั้ง ฉันก็ทำได้เหมือนกัน!”

 

เสียงตะโกนเย็นเยียบดังออกมาจากร่างต้นของซูเฉิน

 

สิ้นเสียง ซูเฉินทั้ง 11 คนล้อมโจมตีเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่

 

แต่ละคนระเบิดกระบวนท่าที่เพียงพอแล้วที่จะพลิกภูเขาถมทะเล เมื่อทั้งหมดร่วมมือกัน อภิมหาอำนาจทำลายล้างจึงปรากฏขึ้น สวรรค์และปฐพีต้องสั่นสะเทือน

 

บรึ้มมมม!

 

บังเกิดเสียงสะเทือนสนั่นหวั่นไหว เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ถูกระเบิดเป็นผง สลายกลายเป็นความว่างเปล่า

 

ในเวลาเดียวกัน เกิดเสียงดังแกร๊ก แกร๊ก ไปทั่วบริเวณ คล้ายกระจกที่กำลังจะแตก

 

วินาทีถัดมา ได้ยินเพียงเสียงเพล้ง! ดังกึกก้อง ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป

 

เมื่อสายตากลับมามองเห็นชัด ซูเฉินก็พบว่าตัวเองได้กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว

 

“ไพ่ตายของแกมีดีแค่นี้เองหรอ?”

 

ซูเฉินหรี่ตา จับจ้องเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน เอ่ยหยอกล้อ

 

“เจ้า … ทำไมเจ้าทรงพลังได้ถึงขนาดนี้?”

 

ร่างของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานสั่นไหวเล็กน้อย แข้งขาอ่อนเปลี้ยเกือบล้มลงกับพื้น

 

ตัวเขาในตอนนี้ ลมหายใจรวนเรผิดปกติ ใบหน้าซีดเผือด

 

“เจ้าทำลายค่ายกลจิตลวงตาได้จริงๆ!”

 

ชาวอมตะที่ยังคงต่อสู้กับสัตว์เลี้ยงวิญญาณ เมื่อเห็นซูเฉินปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง ทั้งยังไม่บุบสลายใดๆ ระลอกคลื่นของความหวาดกลัวก็กระเพื่อมในแววตาของเขา

 

เขาเคยลิ้มรสพลังของค่ายกลลวงตามาด้วยตัวเองมาก่อนแล้ว ในเวลานั้นเขาประลองกับเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน และถูกขังไว้ข้างใน ไม่สามารถหลุดออกมาได้

 

แม้ตนจะมีระดับฐานฝึกตนขั้น 9 แต่ก็ยังไม่รอด ทว่าซูเฉินซึ่งระดับฝึกตนต่ำกว่า กลับสามารถทำได้สำเร็จ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อนัก

 

และยังตระหนักว่า ถ้าตนเองไม่หนีให้เร็วที่สุด คงมิแคล้วตกตายลงที่นี่

 

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว ชาวอมตะปลดปล่อยปราณมรณะทันที หลังจากขับไล่กลุ่มสัตว์เลี้ยงวิญญาณให้ล่าถอย เขาก็ไม่เสียเวลา หันหลังพุ่งออกไปอีกทางทันที

 

“คิดจะหนี?”

 

ซูเฉินแค่นเสียงเย็นชา เขาเอื้อมมือ ชี้ไปทางเทพศักดิ์สิทธิ์ แล้วกล่าวกับพวกสัตว์เลี้ยงวิญญาณว่า “จับเจ้าหมอนี่ไว้ ถ้ามันกล้าขัดขืน ก็โจมตีได้เลย”

 

สิ้นเสียง เขาก็ชกเสือโคร่งอีกตัวด้วยหมัดเดียว จบชีวิตมันลงในทันที จากนั้นสองเท้ากระพริบแสงสีม่วง เปลี่ยนตนเป็นสายลมกรรโชก ไล่ตามชาวอมตะไป

 

ได้รับคำสั่งจากซูเฉิน สัตว์เลี้ยงวิญญาณและต้นหลิววัชระกระโจนเข้าใส่เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานอย่างบ้าคลั่งเมามัน

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานผู้น่าสงสาร หลังจากค่ายกลจิตลวงตาถูกทำลาย เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป แล้วจะรับมือกับสี่สัตว์เลี้ยงวิญญาณได้อย่างไร?

 

ไม่ช้า เขาก็ถูกล็อคตัวลงกับพื้น กระดูกตามร่างกายไม่รู้หักไปกี่ชิ้น เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นไม่หยุด

 

อีกด้านหนึ่ง ชาวอมตะไม่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของซูเฉินได้ เขากัดฟันแน่น จำใจหันกลับมาโจมตีซูเฉิน

 

ปราณมรณะหนาแน่นโถมสวนเข้ามา ไม่ช้าก็กลืนซูเฉินจมหายเข้าไป

 

เห็นภาพนี้ ชาวอมตะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

 

การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของชาวอมตะคือปราณมรณะ ยิ่งผู้ใช้เป็นถึงเลเวล 9 พิษของปราณมรณะยิ่งทวีความโหดร้ายรุนแรง ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนเลเวล 10 ก็ยังไม่กล้าแตะต้องมัน

 

ขณะที่ซูเฉินในสภาพแปลงร่าง อยู่แค่เลเวล 8 เท่านั้น แต่เขากลับเลือกไม่หลบ นั่นเท่ากับแส่หาที่ตาย

 

ชาวอมตะถึงขั้นคิดว่า เมื่อซูเฉินออกมาจากปราณมรณะ ก็คงกลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

 

กระนั้น ความคิดเป็นสิ่งสวยงาม แต่ความจริงกลับเป็นสิ่งโหดร้าย

 

ร่างของซูเฉินมี [กายาเทพอสูรนิรันดร์] หมื่นพิษมิอาจย่างกราย แล้วปราณมรณะนี้จะหยุดเขาได้อย่างไร?

 

วินาทีถัดมา ซูเฉินพุ่งออกจากปราณมรณะ ปลดปล่อยพลังจิตทันที ห่อหุ้มชาวอมตะเอาไว้

 

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”

 

เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่แสดงอาการว่าจะเปลี่ยนร่างเป็นซอมบี้เลยแม้แต่น้อย ชาวอมตะตกตะลึงอย่างไม่อาจหาคำอธิบาย หัวใจเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง

 

และกว่าจะตอบสนอง แล้วเตรียมหลบหนี ก็พบว่าตนเองคล้ายจมอยู่ในโคลนตม การเคลื่อนไหวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าซบเซา