3/10

 

Ep.583

 

เห็นฉากนี้ ชาวราชวงศ์อสูรที่นอนอยู่บนพื้นหยุดกรีดร้อง หนังศีรษะด้านชาไป ในดวงตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีอันทรงพลังของซูเฉิน ไม่เพียงสังหารศัตรู แต่ยังทำลายปราการในหัวใจของมันลงเช่นกัน

 

“ถ้ายอมบอกความจริง ฉันจะให้แกไปสบาย ไม่อย่างงั้นก็เตรียมรับการทรมานแบบตายทั้งเป็นได้เลย”

 

ซูเฉินจับจ้องชาวราชวงศ์อสูร เอ่ยเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

 

ได้ยินแบบนั้น ร่างของชาวราชวงศ์อสูรสั่นสะท้าน ตอบกลับอย่างร้อนรนว่า “ผู้อาวุโส ที่นี่คือหุบเขาจื่อโยว”

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ถามต่อไปว่า “สถานที่นี้เป็นเขตของฝั่งหนันหมานหรือเป่ยยี่?”

 

ในตอนที่อยู่เมืองทงเทียน ซูเฉินได้รู้ข้อมูลมาจากเจียงเว่ยที่เป็นเจ้าเมืองทงเทียนว่า เผ่าราชวงศ์อสูรจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ นั่นคือหนันหมานและเป่ยยี่

 

และเผ่าราชวงศ์อสูรที่ปรากฏตัวในเมืองทงเทียนคือฝ่ายเป่ยยี่

 

ชาวราชวงศ์อสูรตอบตอบความจริงอย่างไม่ลังเล “พวกเรามาจากฝ่ายเป่ยยี่”

 

“งั้นตอนนี้เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่อยู่ที่ไหน?” ซูเฉินถามด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ

 

มีการดำรงอยู่ระดับเลเวล 9 ในเผ่าราชวงศ์อสูรฝ่ายเป่ยยี่ ซึ่งมันเคยคุกคามเขาตอนอยู่เมืองทงเทียน

 

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเมืองอู๋ไห่”

 

ชาวราชวงศ์อสูรไม่กล้าขัดขืน ภายใต้สายตาจับจ้องของซูเฉิน มันสารภาพหมดเปลือก

 

“เมืองอู๋ไห่ … ”

 

ซูเฉินหรี่ตาพร้อมทวนคำ

 

จุดประสงค์หลักของการมาที่นี่คือหาทางกลับไปยังทวีปมนุษย์ แต่หากมีเวลาเหลือ และเงื่อนไขลงตัว เขาก็ต้องการที่จะสังหารเทพศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเป่ยยี่

 

แม้ศัตรูคือผู้ฝึกตนเลเวล 9 แต่ซูเฉินก็ยังมั่นใจว่าสู้ได้

 

ปัจจุบันเขาอยู่ในเลเวล 7 หากโคจร [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] ก็จะกลายเป็นเลเวล 8 ด้วยกำลังรบระดับนี้ น่าจะสามารถสังหารศัตรูข้ามขั้นได้อย่างง่ายดาย การต่อกรกับผู้ฝึกตนเลเวล 9 ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่น่าใช่ปัญหาใหญ่

 

“เผ่าราชวงศ์อสูรมีการดำรงอยู่ที่เหนือกว่าเลเวล 10 อยู่ไหม?” ซูเฉินถามอีกครั้ง

 

สำหรับตอนนี้ ตัวตนเดียวที่สามารถคุกคามเขาได้ คือผู้แข็งแกร่งระดับเทวะขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต จำเป็นต้องถามให้กระจ่าง

 

“ไม่”

 

ชาวราชวงศ์อสูรตอบยืนยันโดยไม่เสียเวลาคิด

 

ซูเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายซะทีเดียว

 

ไม่ใช่ว่าเขากังวลเรื่องชาวราชวงศ์อสูรโกหก แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของศัตรูเบื้องหน้าอ่อนแอเกินไป

 

ตัวตนประเภทนี้ สถานะในเผ่าราชวงศ์อสูรคงไม่สูงเท่าไหร่นัก ดังนั้นเรื่องที่รู้น่าจะมีจำกัด

 

“มีทางผ่านเขตแดนนำไปสู่ทวีปมนุษย์ไหม?”

 

ซูเฉินเปลี่ยนเรื่อง เข้าสู่หัวข้อหลัก

 

“ในเป่ยยี่ของพวกเราไม่มี แต่ได้ยินมาว่าเมืองอุ๋ยฉีแห่งหนันหมานมี” ชาวราชวงศ์อสูรครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ

 

หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นรัว มีทางผ่านเขตแดน นั่นหมายความว่าพวกเขามีโอกาสกลับไปยังทวีปมนุษย์!

 

จากนั้น ซูเฉินถามอย่างใจเย็นว่า “ระดับฝึกตนสูงสุดของผู้แข็งแกร่งฝั่งหนันหมานอยู่ที่เลเวลเท่าไหร่?”

 

“ผู้วิวัฒนาการเลเวล 9” ชาวราชวงศ์อสูรตอบตามความจริง

 

สิ่งที่ควรถามก็ถามแล้ว ซูเฉินสังหารชาวราชวงศ์อสูรตนนี้อย่างไร้ปราณี

 

หลังจากเก็บชิ้นส่วน เขาก็เรียก [รถศึกอัจฉริยะ] ออกมา สั่งให้ทุกคนขึ้นรถ

 

“เสี่ยวจือ ค้นหาที่ตั้งเมืองอุ๋ยฉี”

 

ทันทีที่ก้าวขึ้นรถ ซูเฉินถ่ายทอดคำสั่ง

 

“เจ้านาย เมืองอุ๋ยฉีไม่ได้อยู่ในระยะการตรวจสอบ ไม่สามารถล็อคตำแหน่งได้” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบ

 

ระยะการตรวจจับของ [รถศึกอัจฉริยะ] อยู่ที่ 500 กิโลเมตรเท่านั้น อีกอย่างที่นี่ไม่ใช่ทวีปมนุษย์ เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถล็อคตำแหน่งเมืองอุ๋ยฉีได้

 

ซูเฉินหรี่ตา เพ่งมองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง

 

เดิมเขาต้องการตรวจสอบว่าพอจะมีชาวราชวงศ์อสูรอยู่ใกล้ๆแถวนี้หรือไม่ จะได้จับตัวมาเป็นไกด์นำเที่ยวซักหน่อย

 

อย่างไรก็ตาม ที่เขาเจอ ดันเป็นจุดสัญญาณสีน้ำเงินสองจุด

 

จุดสีน้ำเงินคือตัวแทนของมนุษย์ มีสัญญาณของมนุษย์อยู่ในทวีปเผ่าราชวงศ์อสูรด้วยหรือนี่?

 

การค้นพบนี้ทำให้ซูเฉินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

 

4/10

 

Ep.584

 

“เสี่ยวจือ ล็อคเป้าสัญญาณสีน้ำเงินทั้งสองจุด แล้วซูมภาพบนหน้าจอ” ซูเฉินกล่าวเสียงต่ำ

 

การปรากฏตัวของมนุย์สองคน กระตุ้นความสนใจของเขาเป็นอย่างมาก

 

ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เขาฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา นั่นคือหากอีกฝ่ายสามารถปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เช่นนั้นหมายความว่าพวกเขามาจากทางผ่านเขตแดนหรือค่ายกลเคลื่อนย้ายใช่หรือไม่?

 

แต่ไม่ว่าจะในกรณีไหน ทั้งสองล้วนเป็นความหวังที่จะช่วยให้ซูเฉินกลับไปยังทวีปเผ่ามนุษย์

 

หน้าจอควบคุมส่วนกลางเริ่มหมุนวน

 

ไม่นานร่างของชายหนุ่มและหญิงสาวก็ปรากฏขึ้น

 

ทั้งสองเหมือนจะอายุ 20 ปี สวมใส่ชุดสีม่วงเหมือนกัน

 

ฝ่ายชายมีผิวคล้ำ รูปลักษณ์ธรรมดา

 

ฝ่ายหญิงผอมเพรียว ใบหน้าหมดจดงดงาม

 

“เสี่ยวจือ ระดับฐานผึกตนของทั้งสองคนนี้อยู่ที่เท่าไหร่?” หลังจากมองดู ซูเฉินก็เอ่ยถาม

 

“เจ้านาย ทั้งคู่เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 6!”

 

“เลเวล 6!”

 

ซูเฉินตื่นตัวเล็กน้อย

 

เดิมเขาก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าสองคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ที่นี่คือทวีปราชวงศ์อสูร แต่ทั้งคู่กลับยังไม่ถูกจับตัว แสดงว่ากำลังรบคงไม่เลวร้ายอะไร

 

แต่ระดับฐานฝึกตนเลเวล 6 นี่ มันเหนือความคาดหมายของเขา

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งสองคงไม่พ้นเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆของเผ่ามนุษย์ มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่มีทางปีนป่ายถึงเลเวล 6 ด้วยอายุเพียง 20 ปี

 

“เสี่ยวจือ ล็อคเป้าทั้งสองคนนี้ไว้ แล้วไปเดี๋ยวนี้” ซูเฉินสั่ง

 

ไม่ว่าภูมิหลังของสองคนนี้จะเป็นมาอย่างไร แต่ในเมื่อบังเอิญเจอแล้ว เป็นธรรมดาที่ต้องไปพบหน้า

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคเป้า ขับเคลื่อนเต็มกำลัง

 

ณ ตอนนี้ เฉินเมิ่งเฟยเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เอ่ยเตือนซูเฉินเบาๆว่า “ผู้อาวุโส ทั้งสองคนนี้น่าจะมาจากวังสุริยันจันทราแห่งขุนเขาหวังเฉียว”

 

ขุนเขาหวังเฉียว ถือเป็นหนึ่งในสี่ขุมกำลังชั้นนำของทวีปเสวียนเทียน นี่คือข้อมูลที่ซูเฉินได้รู้มา

 

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อของวังสุริยันจันทรา จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เธอเคยเจอพวกเขามาก่อนหรอ? แล้วังสุริยันจันทราคืออะไร”

 

“ผู้อาวุโส ฉันไม่รู้จักพวกเขา”

 

เฉินเมิ่งเฟยตอบกลับ และอธิบายต่อว่า “ยังไงก็ตาม ทุกคนในวังสุริยันจันทรา พวกเขาทั้งหมดจะมีตราสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่บนเสื้อผ้าที่สวมใส่ ฉันรู้จากสิ่งนั้น”

 

พอได้ยิน ซูเฉินก็เพ่งมองไปทางหน้าจอควบคุมส่วนกลางอีกครั้ง ดังคาด เขาเห็นสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปรากฏอยู่บนปกคอเสื้อของทั้งสองจริงๆ

 

เฉินเมิ่งเฟยกล่าวต่อ “บนขุนเขาหวังเฉียว มีขุมกำลังชั้นนำทั้งหมด 7 ฝ่าย ในหมู่พวกเขา วังสุริยันจันทรา มีชื่อเสียงมากที่สุด”

 

“ทั้งยังมีข่าวลือว่า มาตรฐานในการรับศิษย์ของวังสุริยันจันทรานั้นเข้มงวดมาก มีเพียงอัจฉริยะชั้นยอดเท่านั้นถึงจะเข้าตา จำนวนของพวกเขาอาจน้อยที่สุดใน 7 ฝ่าย ทว่ากำลังรบกลับสูงที่สุด”

 

พอได้ฟัง ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

คิดถึงความจริงที่ว่าทั้งสองคนจากวังสุริยันจันทราเบื้องหน้านี้ มีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น แต่กลับขึ้นเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 แล้ว พรสวรรค์ช่างสูงส่ง หาได้ยากยิ่งในโลก และตรงกับเกณฑ์การรับศิษย์ของวังสุริยันจันทรา ดังนั้นเขาจึงเชื่อคำพูดของเฉินเมิ่งเฟย

 

“แล้วทำไมคนจากขุนเขาหวังเฉียวถึงมาที่ทวีปราชวงศ์อสูร?” ซูเฉินหรี่ตา กล่าวพึมพำ

 

สัญชาตญาณบอกเขาว่าจุดประสงค์ของทั้งสองคนนี้ต้องไม่ธรรมดา

 

“เสี่ยวจือ อีกนานไหมกว่าพวกเราจะไล่ตามพวกเขาทัน” ซูเฉินแทบอดทนรอไม่ไหว

 

“ประมาณสิบนาที” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับ

 

ซูเฉินพยักหน้า เอนหลังพิงเบาะเก้าอี้คนขับ เฝ้ารออย่างเงียบๆ

 

สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] ไล่ทัน ชายผิวเข้มแห่งขุนเขาหวังเฉียวก็เปิดฉากโจมตีทันที

 

เห็นแค่เพียงกระบี่ยาวที่ถูกกุมด้วยสองมือ สับลงจากกลางอากาศ เหนือ [รถศึกอัจฉริยะ]

 

ซูเฉินตอนแรกไม่สนใจ เพราะชายผิวเข้มมีระดับฐานผึกตนเพียง 6 เท่านั้น ขณะที่รถศึกเองก็มีเลเวล 6 เช่นกัน การโจมตีใดๆในเลวเล 6 ไม่มีทางสร้างความเสียหายแก่มันได้

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงที่แผ่ออกมาจากกระบี่เล่มนี้ชัดๆ

 

ซูเฉินก็ตระหนักได้ว่าการป้องกันของ [รถศึกอัจฉริยะ] ไม่มีทางต้านทานได้

 

และเขาจะไม่นั่งเฉยเพื่อรอดู [รถศึกอัจฉริยะ] พังเสียหาย เปิดประตูกระโจนออกไปทันที