5/10

 

Ep.585

 

ซูเฉินเพิ่งลงจากรถ ในสายตาเขาก็เห็นแต่เงากระบี่ยักษ์กำลังฟาดฟันลงมา

 

เจ้าตัวเปิดใช้งาน [เกล็ดแขนทองคำ] อย่างไม่ลังเล ทะยานสู่ฟากฟ้า ชกหนึ่งหมัดซัดออกไป

 

ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้อง

 

เห็นแค่เพียงเงากระบี่แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในหมัดเดียว บังเกิดระลอกคลื่นทอประกายระยิบระยับในชั้นอากาศ

 

“นี่นายเป็นมนุษย์?”

 

ชายผิวเข้มเบิกตากว้าง อุทานด้วยความตกใจ

 

เขาไม่เพียงประหลาดใจที่ได้พบกับมนุษย์ที่นี่ แต่ยังตกใจในความแข็งแกร่งของซูเฉินด้วย

 

ต้องรู้นะว่า เงากระบี่ที่เขาเพิ่งฟันออกไป มันเพียงพอแล้วที่จะสร้างความเสียหายแก่ผู้ฝึกตนเลเวล 7 แต่ซูเฉินกลับใช้กำปั้นทำลายมันได้อย่างง่ายดาย

 

มองจากจุดนี้ แสดงว่าความแข็งแกร่งของซูเฉินต้องอยู่ในเลเวล 7 เป็นอย่างน้อย

 

“ว่าแต่ทำไมเขาถึงยังดูเด็กนัก?”

 

หญิงสาวที่อยู่ข้างๆตกใจไม่แพ้กัน

 

ซูเฉินดูยังไงก็ไม่เหมือนคนอายุเกิน 20 ปี แต่ระดับฐานฝึกตนมาถึงเลเวล 7 แล้ว นี่ทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อมาก

 

“พวกแกสองคนโจมตีรถฐานทัพของฉันโดยไม่มีเหตุผล มันจะดีกว่าไหมถ้ามอบคำอธิบายดีๆมา ไม่งั้นก็อย่าหาว่าฉันหยาบคาย”

 

สีหน้าของซูเฉินมืดมนลง น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

 

หากไม่ใช่เพราะเขาตอบโต้ได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้ [รถศึกอัจฉริยะ] คงได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

“เมื่อครู่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ขอยอมรับว่าฉันบุ่มบ่ามไป ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”

 

ชายผิวเข้มไม่ถือตัว ขอโทษก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นอธิบายว่า “แต่นายก็น่าจะรู้ ที่นี่คือทวีปเผ่าราชวงศ์อสูร จู่ๆก็มีรถฐานทัพโผล่มา ฉันก็นึกว่าเป็นรถของพวกราชวงศ์อสูร เลยชิงลงมือ”

 

“ยังไงก็ตาม โชคดีที่นายแข็งแกร่ง ไม่งั้นฉันคงต้องทำผิดร้ายแรงแล้ว”

 

เมื่อเห็นทัศนคติและท่าทีที่ดูจริงใจของอีกฝ่าย สีหน้าของซูเฉินก็คลายลง กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาลงว่า “พวกนายคือคนของวังสุริยันจันทราใช่ไหม?”

 

ทุกคนในวังสุริยันจันทราต่างแต่งกายด้วยชุดพิเศษ​ เป็นเรื่องง่ายที่จะระบุตัวตน การที่ซูเฉินทราบที่มาของพวกเขา ชายผิวเข้มไม่แปลกใจเลย

 

“ฉันชื่อเฉินเฟิง ส่วนนี่ศิษย์น้องหญิง เซี่ยจิงอี้ พวกเรามาจากวังสุริยันจันทราจริงๆ … ไม่ทราบว่าฉันควรเรียกนายว่าอะไรดี?” ชายผิวเข้มแนะนำตัวก่อน แล้วค่อยเป็นฝ่ายถาม

 

มุมปากของซูเฉินยกโค้งเป็นรอยยิ้มน้อยๆ “ฉันชื่อซูเฉิน”

 

“ที่แท้ก็อาเฮียซู”

 

เซี่ยจิงอี้กล่าวทักทาย ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “อาเฮียซู เฮียเข้ามาในทวีปเผ่าราชวงศ์อสูรได้ยังไง?”

 

“ระหว่างกำลังข้ามค่ายกลเคลื่อนย้าย พอดีเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย เลยถูกส่งมาที่นี่ แล้วพวกเธอล่ะ มาที่นี่ได้ยังไง?”

 

ซูเฉินตอบแบบไม่ได้ลงรายละเอียดนัก พร้อมถามกลับไป

 

“พวกเรามาที่นี่ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย หรือก็คือเต็มใจมาด้วยตัวเอง” เฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่ปิดบัง

 

ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของซูเฉินสว่างไสวขึ้นทันที

 

เนื่องจากอีกฝ่ายมาที่นี่ด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เขาจะได้กลับไปยังทวีปมนุษย์ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย

 

“ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั่นยังใช้งานได้ใช่ไหม?” ซูเฉินถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

 

เฉินเฟิงพอจะคาดเดาความคิดของซูเฉิน เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อาเฮียซู ค่ายกลเคลื่อนย้ายยังใช้งานได้ปกติ แต่พลังงานมันหมดแล้ว หากต้องการเปิดใหม่อีกครั้ง จำเป็นต้องติดตั้งหินพลังงานหรือหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 8 ขึ้นไป ถึงจะสามารถเปิดได้”

 

หินพลังงานเลเวล 8 … ซูเฉินไม่มีมันติดตัวในตอนนี้

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ขาดเหลือในทวีปเผ่าราชวงศ์อสูร ก็คือสัตว์กลายพันธุ์ และสมาชิกของเผ่าราชวงศ์อสูรเกือบทุกตนล้วนมีสัตว์กลายพันธุ์อยู่ใต้อาณัติ

 

ตราบใดที่หาเผ่าราชวงศ์เลเวล 8 พบ ปัญหานี้น่าจะแก้ไม่ยาก

 

“ต้องใช้หินพลังงานเลเวล 8 ประมาณกี่ก้อน?” ซูเฉินถามหยั่งเชิง

 

“สามก้อนก็น่าจะพอแล้ว” เฉินเฟิงตอบกลับ

 

หินพลังงานเลเวล 8 จำนวนสามก้อน เท่ากับต้องล่าสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 สามตัว ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

 

ซูเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “มาเถอะ ขึ้นรถก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

 

ว่าจบ เขาก็เดินเข้าไปในรถ

 

เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้มองหน้ากัน เดินตามหลังซูเฉินไป ก้าวขึ้น [รถศึกอัจฉริยะ]

 

6/10

 

Ep.586

 

กลับมาที่ [รถศึกอัจฉริยะ] ซูเฉินแนะนำตัวทั้งสองฝ่าย แล้วหันมาพูดกับเฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้อย่างเป็นกันเอง

 

“พี่ชายเฉิน พี่สาวเซี่ย ทำไมพวกคุณถึงเข้ามาที่นี่?”

 

การเข้ามายังทวีปเผ่าราชวงศ์อสูรเป็นเรื่องอันตรายมาก ต่อให้เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้แข็งแกร่ง แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะตาย

 

แล้วแบบนี้ทำไมพวกเขาถึงยังเข้ามา?

 

นี่คือสิ่งที่ซูเฉินรู้สึกสนใจ

 

“เฮียซูเคยได้ยินเรื่องผลึกศิลาแดงไหม?” เฉินเฟิงถามแทนคำตอบ

 

ซูเฉินส่ายหัว รอเฉินเฟิงพูดต่อ

 

“ผลึกศิลาแดงคือแร่ที่มีค่ามาก มีบทบาทสำคัญในการใช้ปรับแต่งคุณภาพของอาวุธหรือเสริมการป้องกันของเกราะ” เฉินเฟิงอธิบาย

 

“งั้นพวกคุณคงเข้ามาที่นี่เพื่อผลึกศิลาแดง? ดูท่าแล้ว ผลึกศิลาแดงคงไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาจริงๆ”

 

ซูเฉินแอบคาดเดา หันมาพูดกับ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ นายรู้จักผลึกศิลาแดงไหม?”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] คือผู้เชี่ยวชาญในการจำแนกแร่ หากผลึกศิลาแดงมีค่า มันสมควรมีข้อมูลบ้างไม่มากก็น้อย

 

“เจ้านาย ผลึกศิลาแดงสามารถช่วยให้ฉันอัพเกรดเป็นเลเวล 7 ได้” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันที

 

ซูเฉินเริม่ตื่นตัวขึ้นมาทันที

 

เพราะหาก [รถศึกอัจฉริยะ] เลื่อนขั้นเป็นเลเวล 7 ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เอาแค่ความสามารถในการป้องกันการโจมตีของผู้ฝึกตนเลเวล 7 ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวแล้ว

 

เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้ ได้ยินเสียง [รถศึกอัจฉริยะ] สนทนาตอบโต้กับซูเฉิน ก็ต้องตะลึงงัน

 

เซี่ยจิงอี้กลืนน้ำลาย ลองเลียบเคียงถาม “อาเฮียซู รถฐานทัพของเฮียสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ด้วยหรอ?”

 

ซูเฉินยิ้ม อธิบายว่า “เสี่ยวจือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสติปัญญา มันไม่ใช่แค่พูดได้ แต่ยังมีความคิดเป็นอิสระ เอาไว้พวกคุณได้คุยกับมันในภายหลัง ก็จะเข้าใจเอง”

 

ได้ยินคำตอบนี้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองถึงกับอ้าปากค้าง ลอบร้องในใจว่าซูเฉินช่างเป็นคนที่มหัศจรรย์จริงๆ

 

ไม่เพียงครอบครองกำลังรบอันไร้เทียมทาน กระทั่งรถฐานทัพก็ยังไม่เหมือนใคร

 

“อาเฮียซู เฮียเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 ใช่ไหม?”

 

เซี่ยจิงอี้ค่อยๆผ่อนลมหายใจอย่างช้าๆ แล้วถามต่อ

 

เธออยากจะถามคำนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้โอกาสเหมาะๆซักที

 

“ใช่” ซูเฉินพยักหน้า

 

เขาคือผู้ฝึกตนทุกอาชีพเลเวล 7 แต่อีกฝ่ายถามแค่เป็นผู้วิวัฒนาการใช่ไหม เขาก็ตอบว่าใช่ ก็ไม่ได้โกหกซักหน่อยนี่?

 

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย”

 

เซี่ยจิงอี้พูดในใจ จากนั้นถามว่า “ปีนี้อาเฮียซูอายุเท่าไหร่?”

 

ซูเฉินดูยังไงก็อายุไม่ถึง 20 ปี แต่ก็มีบางคนที่หน้าตาดี แล้วเกิดมาดูอ่อนกว่าวัยอยู่เหมือนกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 แต่อายุน้อยกว่า 20 ปี มันน่าเหลือเชื่อเกินไป

 

พวกเขาจึงคิดว่า ซูเฉินแค่หน้าเด็ก แต่อายุมากกว่า 20 ปีอย่างแน่นอน

 

เฉินเมิ่งเฟยที่อยู่ข้างๆ เงี่ยหู ตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ

 

แม้เธอจะอยู่กับซูเฉินมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่รู้เลย ว่าซูเฉินอายุเท่าไหร่

 

ซูเฉินปาดจมูก กล่าวเสียงเรียบ “ 17 ปี”

 

“นี่เฮียอายุแค่ 17 ปีหรอ!?”

 

เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้อ้าปากค้าง ตกใจจนกรามแทบร่วงกระแทกกับพื้น

 

แต่เฉินเมิ่งเฟยที่อยู่ข้างๆตกใจยิ่งกว่าซะอีก

 

เพราะเมื่อเทียบกับเฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้แล้ว เธอรู้จักซูเฉินมานานกว่าทั้งคู่–

 

–ซูเฉินไม่ได้เป็นแค่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 เท่านั้น แต่เขายังเป็นปรมาจารย์พลังจิต และปรมาจารย์มนตราที่เชี่ยวชาญทุกธาตุในเลเวล 7 อีกด้วย!

 

เมื่อมาคิดดูว่าซูเฉินในวัย 17 ปี แต่กลับมาถึงจุดสูงสุดขนาดนี้แล้ว สมองของเฉินเมิ่งเฟยคล้ายเกิดเสียงหึ่ง หึ่ง

 

ใช้เวลาอยู่นาน เฉินเฟิงค่อยได้สติขึ้นมา ทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์จากก้นบึ้งของหัวใจ “อาเฮียซูคืออัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้จริงๆ พรสวรรค์ของเฮีย ยากที่ฉันจะไล่ตามทัน!”

 

ต้องรู้นะว่าตัวเขาเองก็เป็นอัจฉริยะเช่นกัน ไม่งั้นวังสุริยันจันทราคงไม่รับเข้ามาเป็นศิษย์

 

แต่เมื่อเทียบกับซูเฉิน กลับห่างชั้นกันชนิดเมฆบนฟ้ากับโคลนตม

 

ใบหน้าของซูเฉินเริ่มแดง รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย

 

เพราะสำหรับตัวเขา คงไม่อาจนับว่าเป็นอัจฉริยะในการฝึกตนได้ ที่แข็งแกร่งแบบนี้ ก็แค่เพราะสามารถเก็บชิ้นส่วนได้เท่านั้นเอง

 

แต่แน่นอน ว่าซูเฉินจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป