1/6

 

Ep.385

 

“อ๊าาาา!”

 

ไม่นาน เสียงกรีดร้องน่าสังเวชก็ดังขึ้น

 

เห็นแค่เพียง [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] พุ่งชนปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 5 กดอีกฝ่ายลงกับพื้น จากนั้นยื่นปากยาวที่เหมือนเข็มแหลมทิ่มลงบนคอ แล้วเจาะลึกลงไปถึงชั้นเนื้อ เริ่มดูดดื่มอย่างเมามัน

 

“พี่เฉินมีสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่เป็นยุง แถมยังทรงพลังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” สีหน้าของหยางฮ่าวแปรเปลี่ยนไป

 

หวู่หยางและคนอื่นๆก็อ้าปากค้างเช่นกัน

 

แม้สัตว์เลี้ยงของซูเฉินจะเป็นแค่ยุง แต่เห็นได้ชัดว่ากำลังรบของมันแข็งแกร่งมาก แม้อยู่ไกล แต่ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

“ช่างเป็นแมลงสัตว์ร้ายที่น่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้!”

 

เมื่อเห็นว่าแค่ยุงตัวเดียว ก็สามารถสังหารปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 5 ได้ จิตใจของนักรบเผ่าราชวงศ์อสูรที่เหลือก็พังทลายลง วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปทุกทิศทาง

 

“ฆ่า!”

 

ซูเฉินตะโกนเสียงเย็น สับฝีเท้าไล่สังหารพวกมันเป็นคนแรก

 

เต่าทรราชปราณฟ้า , [นักรบจักรกล] และ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน ไล่ตามหลังซูเฉินไปติดๆ

 

ใช้เวลาไม่ถึงนาที นักรบเผ่าราชวงศ์อสูรที่เหลือทั้งหมดก็ถูกกำจัด

 

เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาถูกสังหารหมู่ เทพศักดิ์สิทธิ์เผ่าราชวงศ์อสูรที่อยู่อีกฝ่ายของทางผ่านเขตเดิน ทั้งตนทั้งร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย สีหน้าของมันกลายเป็นซับซ้อนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

นักรบเลเวล 5 ทั้งหมด 20 ตน ถูกสังหารลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

แม้จะได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ในสมองก็ยังรู้สึกอึงอลไม่หาย

 

ใช้เวลาสักพักเลย กว่าเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าราชวงศ์อสูรจะได้สติกลับมา มันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ลอบร้องในใจว่า ‘หากไม่กำจัดเจ้าเด็กนี่ มันคงกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของทุกเผ่าพันธุ์อย่างแน่นอน’

 

พรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่ซูเฉินแสดงให้เห็น ต่อให้เรียกเขาว่า ‘สัตว์ประหลาด’ มันก็ยังไม่มากพอ

 

ซูเฉินอายุน้อยกว่า 20 ปี แต่เป็นถึงผู้ฝึกตนทุกอาชีพในเลเวล 4 แล้ว แถมในส่วนของมนตรา ยังเชี่ยวชาญทุกธาตุ

 

นอกจากนี้ เวทย์แต่ละธาตุของเขา ยังมีพลังทำลายร้ายแรงยิ่งกว่าเวทย์ชนิดเดียวกัน ในเลเวลเดียวกัน ไหนจะร่างกายที่แข็งแกร่ง , เทคนิคหมัดอันสูงส่ง , ความแข็งแกร่งทางกายภาพที่ไม่อาจประเมินได้ และสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่ทรงพลังอยู่ในครอบครอง

 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนอยู่ในครอบครองของคนๆเดียว

 

ส่วนเรื่องที่ว่าซูเฉินยังเก็บงำความแข็งแกร่งเอาไว้อีกหรือไม่ เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าราชวงศ์อสูรไม่ต้องการคาดเดาอีกต่อไป

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความอดทนของคนๆหนึ่งย่อมมีขีดจำกัด

 

ต่อให้เป็นผู้ที่มีระดับฝึกตนถึงเลเวล 9 ก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงข้อนี้ได้

 

อีกด้านหนึ่ง ซูเฉินนำเต่าทรราช และ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] กลับเข้าไปใน [พื้นที่เลี้ยงสัตซ์] จากนั้นเริ่มเก็บชิ้นส่วน

 

มีนักรบเผ่าราชวงศ์อสูรตายทั้งหมด 20 ตน แต่กลับมีชิ้นส่วนดรอปถึง 50 ชิ้น

 

นี่แสดงให้เห็นว่า ยิ่งสังหารพวกต่างเผ่าที่เลเวลสูงเท่าไหร่ โอกาสที่จะดรอปชิ้นส่วนก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

 

ชิ้นส่วนแรกที่ซูเฉินหยิบขึ้นมา เป็นชิ้นส่วนสีม่วง

 

“คุณได้รับ [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] *1 , ชิ้นส่วนที่ต้องการ (1/100) , จำนวนองค์ประกอบยังไม่ครบ ไม่สามารถปลดล็อคได้ ต้องการแลกเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงานหรือไม่?”

 

“ไม่แลก”

 

สิ้นเสียง ซูเฉินเปิด [ร้านค้าวันสิ้นโลก] เพื่อตรวจสอบแต้มพลังงานของชิ้นส่วนใหม่

 

เมื่อพบว่ามันต้องใช้ 10,00 แต้มในการแลก หัวใจเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน

 

เพราะแต้มของมันเท่ากับ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] ดังนั้นคุณสมบัติย่อมไม่ด้อยไปกว่ากัน

 

ซูเฉินตั้งตารอที่จะปลดล็อค [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์]

 

อย่างไรก็ตาม มีหลายสิ่งรอคิวอยู่ข้างหน้าเยอะเกินไป จนตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าจะแลกเปลี่ยนอะไรก่อนดี

 

จนถึงตอนนี้ ที่ต้องใช้ 10,000 แต้มพลังงานเพื่อแลกเปลี่ยน ก็มี [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] , [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] , [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] , [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] และ [อุปกรณ์เร่งเวลา]

 

ส่วนรายการที่ใช้ 5,000 แต้มพลังงานในการแลก มีเยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหว

 

ซูเฉินจมอยู่ในห้วงภวังค์พักหนึ่ง สุดท้ายหยุดดิ้นรนกับเรื่องนี้

 

เพราะอย่างไรเสีย แต้มพลังงานที่มีก็ยังรวบรวมได้ไม่ถึง 10,000 แต้ม ฉะนั้นเอาไว้รอสะสมให้ครบก่อน แล้วค่อยคิดใหม่ก็ยังไม่สาย

 

2/6

 

Ep.386

 

จากนั้น ซูเฉินยังคงเก็บชิ้นส่วนต่อ

 

มูลค่าของชิ้นส่วนที่เหลือไม่สูงอะไร ทั้งหมดจึงถูกนำไปแปลงเป็นแต้มพลังงาน

 

หลังจากเก็บชิ้นส่วนครบ ซูเฉินก็ใช้ [อัญมณีอัพเกรด] เพิ่มระดับ [นักรบจักรกล] เป็นเลเวล 5

 

หินพลังงานเลเวล 5 หลายก้อนที่เพิ่งได้รับมา ถูกติดตั้งให้แก่มัน

 

ณ จุดนี้ กล่าวได้ว่านอกจากหมาป่ากลายพันธุ์ทั้งสามตัวแล้ว สัตว์เลี้ยงวิญญาณอีกสองตัว และ [นักรบจักรกล] ล้วนมีเลเวลสูงกว่าเขา

 

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกำลังรบที่แท้จริง ต่อให้ศัตรูคือเต่าทรราชปราณฟ้าเลเวล 6 ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

 

ซูเฉินมั่นใจในเรื่องนี้มาก

 

หลังจากนั้น เขาก็กลับไปย่างเนื้ออีกครั้ง

 

สาเหตุที่ทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะหิว แต่เพราะเขาต้องการยั่วให้เทพศักดิ์สิทธิ์เผ่าราชวงศ์อสูรโกรธ จะได้ส่งนักรบของเผ่าออกมาอีกรอบ

 

แต่น่าเสียดาย ที่กลยุทธ์เดิมไม่สามารถใช้ซ้ำสอง

 

นักรบเลเวล 5 จำนวน 20 ตนจบชีวิตลงในคราวเดียว แม้รากฐานกำลังรบของเผ่าราชวงศ์อสูรจะแข็งแกร่ง แต่การศึกนี้ พวกมันสูญเสียไปไม่น้อยเช่นกัน

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าราชวงศ์อสูร ประสบความสูญเสียมาแล้วครั้งหนึ่ง ครานี้ถึงกับยอมเพิกเฉย หันหลังและจากไปทันที

 

ต่อให้อยู่ที่นี่ต่อไป มันก็ไม่สามารถทำอะไรซูเฉินได้ ตรงกันข้าม มีแต่จะถูกซูเฉินปั่นประสาท แล้วจะโกรธจนปวดท้องเอาซะเปล่าๆ

 

เมื่อไม่มีเทพศักดิ์สิทธิ์ เผ่าราชวงศ์อสูรก็ไม่มีเหตุผลต้องรุกราน ไม่โผล่หัวออกมาอีกเลย

 

หลังจากย่างเนื้อจนกลิ่นหอมตลบอบอวล และกินจนอิ่มหนำ ซูเฉินก็ตัดสินใจว่าจะออกไปจากที่นี่

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นทางผ่านเขตแดนจะต้องถูกระเบิด

 

ครั้งหนึ่งเขาเคยระเบิดทางผ่านเขตแดนของเผ่าครึ่งออร์คในเมืองอี้เถียน และผลพวงที่เกิดจากการพังทลายในครั้งนั้น กระทั่งภูเขาลูกใหญ่ยังราบเป็นหน้ากลอง

 

ซึ่งถ้าทางผ่านเขตแดนนี้ล่มสลายลง เกรงว่ามันจะทำลายเมืองทงเทียนไปครึ่งหนึ่ง

 

ซูเฉินลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจระเบิดทางผ่าน

 

เพราะตัวเขาไม่สามารถอยู่เฝ้าที่นี่ได้ตลอดไป ขณะเดียวกันหากเขาจากไปแล้ว สมาชิกเผ่าราชวงศ์อสูรย่อมออกมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

เผ่าราชวงศ์อสูรกระหายเลือดมาก ถึงเวลานั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมากกว่าเมืองทงเทียนพังทลายลงครึ่งหนึ่งไม่รู้กี่เท่า

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ซูเฉินก็บอกให้หวู่หยางและคนอื่นๆขึ้นรถศึก และขับออกจากเมืองทงเทียน

 

รอจนผ่านมาครึ่งชั่วโมง และคาดว่า [รถศึกอัจฉริยะ] น่าจะออกจากเมืองแล้ว ซูเฉินก็เริ่มปลดปล่อยเทคนิคพายุสายฟ้า เพื่อทำลายทางผ่านเขตแดน

 

หลังจากถูกถล่มโจมตีไป 7-8 ครั้ง อุโมงค์ทางผ่านเขตแดนก็พังทลายลง

 

บังเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง

 

เสมือนดั่งนิวเคลียร์ถูกจุดชนวน ความผันผวนจากคลื่นพลังงานอันน่าสะพรึงกวาดกระจายไปทุกทิศทาง อาคารบ้านใกล้เรือนเคียงบางแห่งกลายเป็นฝุ่นในพริบตา

 

เห็นภาพนี้ ซูเฉินก็รีบเปิดใช้งาน [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] ทะยานออกจากเมืองทงเทียนราวกับเหินบิน

 

สิบนาทีต่อมา ซูเฉินหนีออกมานอกเมืองได้สำเร็จ

 

ภายนอกเมือง มนุษย์นับหลายหมื่นคนกำลังหลบหนีด้วยความสิ้นหวัง มองไปเหมือนฝูงมดกระจุกตัวกันแน่น

 

ซูเฉินสามารถจินตนาการได้เลย ว่าหากไม่มีการปกป้องจากเมืองทงเทียน ผู้คนนับหมื่นในที่นี้ คงมีแค่ไม่กี่คนที่สามารถเอาชีวิตรอดได้

 

ในวันสิ้นโลก กฏแห่งการเอาชีวิตรอดนั้นโหดร้ายเสมอ จงอย่าหวังว่าจะมีใครมาช่วย คุณจำเป็นต้องแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต

 

ซูเฉินเพียงกวาดสายตามอง แต่ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ หลังจากพบ [รถศึกอัจฉริยะ] เขาก็ก้าวขึ้นไปและขับออกจากที่นี่

 

ตั้งแต่ออกจากเมืองทงเทียน ซูเฉินไม่ละสายตาไปจากหน้าจอควบคุมส่วนกลางเลย ยังคงค้นหาที่อยู่ของซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

 

แต่น่าเสียดาย ที่ไม่พบจุดสีแดงบนหน้าจอควบคุมเลย

 

ตรงกันข้าม ซูเฉินกลับพบจุดสีน้ำเงินนับสิบปรากฏขึ้น ห่างจากที่นี่ออกไปไม่ถึง 20 ไมล์

 

“เสี่ยวจือ ขับไปหามนุษย์กลุ่มนั้น” ซูเฉินสั่ง

 

ในเมื่อไม่พบร่องรอยของซอมบี้อยู่ใกล้ๆ เขาจึงวางแผนที่จะไปขอข้อมูลจากมนุษย์ เผื่อจะได้ข่าวดีๆมาบ้าง

 

ด้วยความเร็วในปัจจุบันของ [รถศึกอัจฉริยะ] ระยะทาง 20 ไมล์ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงที่หมาย