3/6

 

Ep.387

 

เมื่อเกือบถึงที่หมาย ซูเฉินเปิดประตู ก้าวลงจากรถ

 

ฝั่งตรงข้ามคือรถฐานทัพสองคัน

 

บนพื้นทราย มีชายฉกรรจ์นับสิบกำลังล้อมตาแก่คนหนึ่งเอาไว้

 

ซูเฉินกวาดสายตามอง แต่แล้วก็ต้องเลิกคิ้ว หัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านลุง พวกเราสองคนมีชะตาต้องกันจริงๆ ได้เจอกันอีกแล้ว”

 

ตาแก่ที่กำลังถูกล้อมมิใช่ใครอื่น แต่เป็นชายชราหงอกขาวที่น่าจะมีปัญหาทางสมอง เพราะหนีซะทุกครั้งที่เขาเอ่ยทักทาย

 

ได้ยินเสียงนี้ ชายฉกรรจ์นับสิบก็ขมวดคิ้ว และหันมามองซูเฉินเป็นสายตาเดียว

 

ชายชราหงอกขาวที่อยู่ตรงกลางดีใจดั่งพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ร้องตะโกนว่า “ผู้อาวุโสโปรดเหลือ! คนพวกนี้มาจากนิกายขวงฉี!”

 

หากเปลี่ยนเป็นครั้งก่อนๆ ทันทีที่พบซูเฉิน เขาคงหนีไปแล้ว

 

แต่คราวนี้ทำไม่ได้ เพราะถูกล้อมเอาไว้ และอาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ

 

ซึ่งสิ่งเดียวที่เป็นความหวังในการรอดชีวิตคือซูเฉิน

 

แน่นอน เขากับซูเฉินไม่ได้มีมิตรภาพหรือความสัมพันธ์ที่สนิทสนมอะไร

 

เขาเลยไม่มั่นใจว่าซูเฉินจะยอมช่วยเขาจริงๆหรือไม่

 

แต่อย่างน้อยลองร้องขอดูก็ยังดี

 

“คนจากนิกายขวงฉี?” สีหน้าของซูเฉินหมองลง

 

เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาได้สังหารหลี่จ้านเทียน ประมุขนิกายขวงฉีไป อาจกล่าวได้ว่าไม่อาจอยู่รว่มโลกกับนิกายขวงฉีได้อีกแล้ว

 

ฉะนั้นแน่นอน ว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยพวกคนของนิกายขวงฉีตรงหน้าไป

 

“ทำไมพวกมันถึงต้องสร้างความลำบากให้แก่คุณด้วย?” ซูเฉินตะโกนถาม

 

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้สนทนากับชายชราหงอกขาวเท่าใดนัก แต่ก็รู้ว่าคนๆนี้เป็นคนขี้ขลาดและรอบคอบมาก

 

ดังนั้นตามหลักเหตุผลแล้ว ไม่น่าจะเป็นฝ่ายล่วงเกินนิกายขวงฉี

 

“ผู้อาวุโส พวกเขาต้องการสอบถามเรื่องที่อยู่ของท่านจากปากฉัน” ชายชราหงอกขาวรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

 

หลายวันที่ผ่านมา เขาได้เจอกับซูเฉินหลายครั้ง เลยถูกคนของนิกายขวงฉีเข้าใจผิด คิดว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับซูเฉิน

 

ดังนั้นเลยต้องการงัดที่อยู่ของซูเฉินจากปากเขา

 

แต่ผายลมเถอะ! เขาจะไปรู้ได้อย่างไร?

 

ขนาดเวลาซ่อนตัวจากเทพสังหารเช่นซูเฉิน เขายังไม่มีเลย แล้วจะรู้ที่อยู่ของอีกฝ่ายได้อย่างไร?

 

“เป็นเขา!”

 

คนจากนิกายขวงฉี สีหน้าของทั้งหมดกลายเป็นน่าเกลียดจนดูไม่ได้

 

ฟังจากคำพูดของชายชราหงอกขาว พวกเขาเลยสามารถระบุตัวตนของซูเฉินได้ทันที  ที่แท้คนผู้นี้ก็คือยอดฝีมือที่สังหารประมุขนิกายไปนั่นเอง

 

ในเวลานี้ หัวใจของทุกคนเริ่มบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัว

 

ชื่อเสียงของผู้คน ก็เหมือนร่มเงาของต้นไม้

 

เรื่องราวของซูเฉินเป็นที่เล่าลือกล่าวขวัญ เกือบทุกที่ที่เขาไปล้วนมีคนตาย ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงที่จบชีวิตลงด้วยน้ำมือเขา ใช้นิ้วมือนับก็ยังไม่พอ

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรโฉดเช่นนี้ พวกเขาจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร?

 

ส่วนเหตุผลที่พวกเขาต้องการทราบที่อยู่ของซูเฉิน ไม่ได้เพื่อฆ่าซูเฉิน แต่นี่เป็นคำสั่งที่ถ่ายทอดมาจากเผ่าวิหคเหิน ดังนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากทำเช่นนี้

 

“พวกแกมาที่นี่เพราะต้องการล้างแค้นให้หลี่ซานเจี้ยนงั้นหรอ?” ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวติดตลก

 

ได้ยินแบบนั้น คนของนิกายขวงฉีเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่โดยไม่รู้ตัว

 

ล้างแค้น?

 

อย่ามาล้อเล่นนะ กลุ่มของพวกเขาคงไม่ต่างจากมดในสายตาซูเฉิน เกรงว่าจะไม่มีค่าพอให้ซูเฉินใช้นิ้วเดียวบดขยี้ด้วยซ้ำ

 

ต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้อีกสิบเท่า พวกเขาก็ยังไม่กล้าสู้กับซูเฉิน!

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดต่างรู้ดี ว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า มีความเกลียดชังอย่างลึกล้ำกับนิกายขวงฉี แม้ว่าพวกเขาจะเล่นลิ้น กล่าววาจาหว่านล้อมสอพลอเช่นไร อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางปล่อยพวกเขาไป

 

เมื่อรู้อย่างนี้ แต่ละคนต่างหันมาชำเลืองมองกัน แล้วหมุนกายหลบหนีทันที

 

ซูเฉินแค่นเสียงเย็น ผลัดกันปลดปล่อยเวทย์แต่ละธาตุออกไปโดยไม่เหลียวมอง ไม่กี่ลมหายใจก็สามารถกำจัดพวกมันได้ทั้งหมด

 

ชายชราหงอกขาวที่อยู่ถัดมาเดาะลิ้น ลอบร้องในใจ ‘เป็นเทพสังหารที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมอย่างแท้จริง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ที่นั่นมีคนตาย!’

 

หลังจากสังหารคนของนิกายขวงฉี ซูเฉินหันไปมองชายชราหงอกขาว เอ่ยถามว่า “ท่านลุง ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”

 

“ผู้อาวุโสเชิญกล่าว มีอะไรเชิญถามมาได้เลย” ชายชราหงอกขาวตอบกลับด้วยความเคารพ

 

ซูเฉินถูจมูกเขา ตัวเองอุตส่าเรียกท่านลุง แต่อีกฝ่ายกลับเรียกเขาอาวุโส ความสัมพันธ์นี้ฟังดูค่อนข้างยุ่งเหยิงแฮะ

 

ยังไงก็ตาม เขาไม่สนใจมากนัก ถามต่อว่า “แถวนี้มีคลื่นซอมบี้หรือคลื่นสัตว์กลายพันธุ์อยู่บ้างรึเปล่า?”

 

4/6

 

Ep.388

 

“ถ้าในแถวๆนี้ ที่ใกล้สุดคงเป็นเมืองยู่หลาน ฉันจำได้ว่าที่นั่นมีซอมบี้มากกว่า 10,000 ตัว” ชายชราหงอกขาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ

 

ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกาย ซอมบี้หมื่นตัว คุ้มค่าแก่การลงมือ

 

จากนั้น เขาร่ำลาชายชราหงอกขาว กลับขึ้น [รถศึกอัจฉริยะ] แล้วจากไปทันที

 

ชายชราหงอกขาวยังคงยืนอยู่ที่เดิม ทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์ “อย่าบอกนะว่าเขาจะไปฆ่าซอมบี้ที่นั่น?”

 

เมืองยู่หลานไม่ใช่มีซอมบี้แค่หมื่นตัวเท่านั้น แต่ยังมีพวกเลเวลสูงปะปนอยู่ด้วยมากมาย แม้แต่กองกำลังขนาดใหญ่ยังไม่กล้ารุกราน

 

แต่ซูเฉินกลับคิดที่จะไปกำจัดพวกมัน?

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงข่าวลือล่าสุดที่ซูเฉินเป็นคนก่อ เขาก็เลิกกังวล

 

เพราะไม่ว่าซูเฉินจะอาละวาดไปที่ใดในเขตหยูหลิน ที่นั่นล้วนทิ้งกองศพเอาไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ถูกฆ่าล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียง เป็นยอดฝีมือจากสามขุมกำลังชั้นนำอันได้แก่ เมืองทงเทียน , นิกายขวงฉี และนิกายวูหยินทั้งสิ้น

 

แม้แต่ประมุจนิกายขวงฉี หลี่จ้านเทียนก็ยังถูกสังหารภายใต้เงื้อมมือเขา

 

นี่แสดงให้เห็นว่า ซูเฉินแข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่สามขุมกำลังใหญ่ก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา ดังนั้นกับอีแค่เมืองยู่หลานคงไม่น่าเป็นห่วง

 

 

อีกด้านหนึ่ง สายตาของซูเฉินจดจ่ออยู่กับหน้าจอควบคุมส่วนกลาง เพื่อค้นหาว่าเมืองยู่หลานอยู่ที่ไหน

 

ไม่นาน ตำแหน่งแบบเฉพาะเจาะจงของเมืองยู่หลานก็แสดงขึ้นบนหน้าจอควบคุม เขาพบว่ามันอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 2,000 ไมล์

 

ด้วยความเร็วของ [รถศึกอัจฉริยะ] ขับไปราวๆ 4 ชั่วโมงก็น่าจะเกือบถึง

 

นอกจากนี้ ซูเฉินยังค้นพบว่านิกายวูหยินอยู่ห่างจากเมืองยู่หลานไม่ถึงร้อยไมล์

 

หรือก็คือ การเดินทางไปยังเมืองยู่หลิน จะต้องผ่านนิกายวูหยินก่อน

 

กล่าวได้ว่าระหว่างซูเฉินกับนิกายวูหยินมีความแค้นต่อกันอย่างลึกล้ำ เพราะเขาได้สังหารคนจากนิกายวูหยินไปไม่น้อย

 

แล้วอีกอย่าง ตั้งแต่ที่เทือกเขาฮวงเจ๋อ เขาได้รู้ว่าท่านเตียวหลงและเผ่าเต่าเขียวกำลังร่วมมือกัน ดังนั้นอยากจะเจอเจ้าหมอนี่มานานแล้ว

 

การเดินทางไปยังเมืองยู่หลานในครั้งนี้ เอาเป็นว่าแวะนิกายวูหยินก่อนก็แล้วกัน

 

ด้วยเหตุนี้ [รถศึกอัจฉริยะ] จึงมุ่งหน้าไปยังนิกายวูหยิน

 

ระหว่างทาง ซูเฉินใช้หินพลังงานจำนวนมากเพื่ออัพเกรดสมรรถนะหลายอย่างของ [รถศึกอัจฉริยะ] ให้ขึ้นมาอยู่ในเลเวล 4

 

นับจากนี้ไป สิ่งที่สามารถคุกคามมันได้ จะมีแต่เลเวล 5 ขึ้นไปเท่านั้น

 

ต่อมา เขาเปิด [พื้นที่เพาะปลูก] อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบสถานะของต้นผลแก่นแท้

 

ตั้งแต่เริ่มปลูกต้นผลแก่นแท้ เขาพบว่ามันเจริญเติบโตได้ดีทีเดียว ใบตามต้นแวววาวเงางามกว่าแต่ก่อนมาก แม้แต่คลื่นความผันผวนทางพลังจิตที่แผ่ออกมาก็รุนแรงเป็นพิเศษ

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยถามต้นผลอายุวัฒนะ “เสี่ยวโซ่ว ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่ต้นผลแก่นแท้จะออกดอก?”

 

เขารู้ว่าการรับประทานผลไม้ของต้นผลแก่นแท้สามารถช่วยเพิ่มพูนพลังจิตได้ จึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เป็นธรรมดาที่จะคาดหวังให้มันออกผลในเร็ววัน

 

“เจ้านาย ต้นผลแก่นแท้ยังอยู่ในช่วงวัยเริ่มเจริญเติบโต จำเป็นต้องรอให้พัฒนาภูมิปัญญาทางจิตขึ้นมาก่อนเท่านั้น จึงจะเริ่มออกผลได้” ต้นผลอายุวัฒนะอธิบาย

 

ได้ยินแบบนั้น คิ้วของซูเฉินย่นเข้าหากันเล็กน้อย

 

เขารู้สึกได้รางๆว่าระยะเวลาอาจไม่ใช่ในเร็วๆนี้ จึงเอ่ยถาม “แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?”

 

“สภาพแวดล้อมของที่นี่ดีมาก สมควรไม่เกินหนึ่งปี” ต้นผลอายุวัฒนะกล่าวอย่างไม่มั่นใจ

 

หนึ่งปีไม่นาน แต่ซูเฉินไม่อยากรอถึงขนาดนั้น

 

จากทั้งสามอาชีพของเขา ปรมาจารย์พลังจิตอ่อนแอที่สุด ซูเฉินแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะเสริมแกร่งให้กับพลังแห่งจิตวิญญาณของตน

 

หลังจากขบคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง จู่ๆเขาก็นึกถึง [อุปกรณ์เร่งเวลา] ขึ้นมา

 

[อุปกรณ์เร่งเวลา] ต้องการแต้มพลังงาน 10,000 ในการแลกเปลี่ยน ดังนั้นมันต้องเป็นอะไรที่สุดยอดมาก

 

และพิจารณาจากชื่อ มันน่าจะสามารถช่วยเร่งอัตราการไหลของเวลาได้ หากใช้กับต้นผลแก่นแท้ ไม่ใช่ว่าจะช่วยให้มันโตเร็วขึ้นหรือ? ไหนจะเรื่องที่จะสามารถเร่งให้มันออกผลได้เป็นจำนวนมากอีก

 

ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ซูเฉินก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น

 

เดิมที เขาตั้งใจจะแลกเปลี่ยน [อุปกรณ์เร่งเวลา] เป็นอย่างสุดท้าย แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว

 

เขาตัดสินใจว่า เมื่อสะสมครบ 10,000 แต้มพลังงาน เขาจะแลกเปลี่ยน [อุปกรณ์เร่งเวลา] เป็นอันดับแรก