Ep.322

 

อุโมงค์ที่นำไปสู่เขตหยูหลิน มีความยาวมากกว่า 10 ไมล์

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ต้องใช้เวลาถึง 6 – 7 นาทีเลย ถึงจะสามารถหลุดจากเส้นทางอุโมงค์ได้

 

นอกทางเข้าอุโมงค์

 

มีทหารยามหลายสิบคนคอยปักหลักคุ้มกันอยู่

 

เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] ปรากฏขึ้น มันก็ถูกกองทหารยามเหล่านี้เข้าล้อมทันที

 

“ทุกคนที่อยู่ข้างใน ลงมาจากรถให้ตรวจสอบซะดีๆ!”

 

ทหารยามหน้าตาอัปลักษณ์เดินไปที่รถ ตะโกนเสียงดัง

 

ซูเฉินสัมผัสได้รางๆว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะก่อนหน้านี้ ขาเข้าอุโมงค์จากเขตหวงหลิน มีการตรวจตราตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำอีก

 

และถึงแม้พวกเขาต้องการจะตรวจสอบจริงๆ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องระดมพลมาให้มันวุ่นวายขนาดนี้เสียหน่อย

 

แต่ซูเฉินก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยอมลงจากรถแต่โดยดี แต่ไม่ให้คนอื่นๆตามมา

 

“ทำไมถึงมีแค่แก? คนอื่นๆทำไมไม่ลงจากรถ?”

 

เมื่อเห็นว่ามีแค่ซูเฉินคนเดียว ทหารยามอัปลักษณ์ก็ถลึงตาใส่ ตวาดคำราม

 

“ตอนฉันเข้ามาจากเขตหวงหลิน ได้ทำการตรวจสอบไปแล้ว ทำไมต้องทำซ้ำสองอีก?” ซูเฉินถามกลับ

 

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าอัปลักษณ์ของทหารยามก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธเกรี้ยว ตำหนิว่า “ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากแก”

 

ซูเฉินถุยน้ำลาย “นั่นก็จริง แกอยากจะทำอะไร ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตฉัน แต่ถ้าคิดมาสร้างปัญหาให้กับฉัน ขอบอกเลยว่าครั้งนี้ตาสุนัขของแกมองคนพลาดแล้ว!”

 

“นี่แกกล้าด่าฉัน? คงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหม?” ทหารยามใบหน้าแดงก่ำ

 

แม้เขาจะเป็นเพียงทหารยาม แต่เบื้องหลังเขามีขุมกำลังใหญ่คอยให้การสนับสนุนอยู่

 

หากว่ากันตามปกติแล้ว ไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขา

 

แต่ชายหนุ่มตรงหน้า ไม่เพียงไม่ไว้หน้าเขาเท่านั้น แต่ยังกล้าดูถูกเขาอีกด้วย นี่มันไปกินหัวใจหมีดีเสือมาหรือไร?

 

“ฉันไม่ได้แค่กล้าด่าแก แต่ยังกล้าฆ่าแกด้วย!”

 

ซูเฉินยิ้มเยาะ ฉกมือออกไป หมายคว้าคอทหารยาม

 

ทหารยามหน้าตาอัปลักษณ์สะดุ้งตกใจ แต่ขณะกำลังจะโยกตัวหลบเลี่ยง เขาก็ต้องพบกับเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า เนื่องจากร่างกายทั้งหมดของเขาถูกพันธนาการด้วยพลังที่มองไม่เห็น ไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้เลย

 

“ที่แท้แกก็เป็น … ”

 

ทหารยามหน้าตาอัปลักษ์กระจ่างแล้ว ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาคาดว่าคงเป็นปรมาจารย์พลังจิต แถมยังอยู่ในระดับสูงอีกด้วย

 

แต่ตอนที่เขากำลังจะเอ่ยออกไป ก็ถูกซูเฉินบีบคอซะก่อน

 

“เจ้าบ้านั่นมันเสียสติไปแล้ว! รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!”

 

ทหารยามคนอื่นๆเห็นฉากนี้ ก็รีบวิ่งขึ้นมา ชี้อาวุธขู่ซูเฉิน

 

“ไสหัวไป!”

 

สีหน้าของซูเฉินเปลี่ยนเป็นดุร้าย ระเบิดเสียงตะโกนออกมา

 

ทหารยามคนอื่นๆคล้ายถูกเขย่าศีรษะจนอื้ออึง ฝีเท้าหยุดกึก หันมองหน้ากันไปมา

 

เสียงตะโกนของซูเฉิน แฝงไปด้วยแรงกดดันมหาศาล ทำให้พวกเขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

 

ณ ขณะนี้ พวกเขาตระหนักแล้ว ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า คงไม่พ้นเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน และอาจเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ขึ้นไปด้วยซ้ำ

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

 

ระหว่างที่ทหารยามคนอื่นๆกำลังตื่นตกใจ ซูเฉินก็โยนทหารยามหน้าตาอัปลักษ์ลงกับพื้น เอ่ยเสียงเย็นว่า “ใครสั่งให้แกทำแบบนี้?”

 

เดิมเขาก็คิดจะฆ่าทหารยามคนนี้อยู่หรอก แต่เมื่อฉุกคิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะตอแยเขาโดยไม่มีเหตุผล น่าจะมีคนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นต้องการเค้นความจริงเสียก่อน

 

ทหารยามหน้าตาอัปลักษณ์หมอบราบกับพื้น ตื่นตกใจกลัวสุดขีด เปล่งเสียงร้องอ้อนวอน “ท่านอาวุโส ผู้น้อยผิดไปแล้ว ผู้น้อยไม่กล้าแล้ว!”

 

ความแข็งแกร่งของซูเฉินเกินกว่าที่เขาคาดเดาไว้

 

ขณะถูกซูเฉินบีบคอ เขาสัมผัสได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา

 

ณ ตอนนี้ จึงหวาดกลัวจนสติเลอะเลือน ในใจคิดได้แค่ว่าทำยังไงก็ได้ขอให้ซูเฉินยกโทษให้ตัวเอง

 

“ฉันจะถามอีกครั้ง ใครอยู่เบื้องหลังแก ความอดทนของฉันมีจำกัด!” เสียงของซูเฉินเย็นชา รังสีฆ่าฟันแผ่กระจายไปทั่วร่าง

 

ทหารยามหน้าตาอัปลักษณ์ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว รีบตอบกลับไป “เป็นซือยี่แห่งเมืองทงเทียนที่ขอให้ผู้น้อยทำเช่นนี้”