Ep.292

 

ซูเฉินรู้สึกอินไปกับเพลง

 

ในวันสิ้นโลก แท้จริงแล้วมันคือยุคสมัยอันมืดมน และทุกคนกำลังค้นหาคำตอบ

 

แล้วตัวเขาเล่า? คำตอบคืออะไร?

 

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ซูเฉินพบว่าคำตอบของเขาช่างง่ายดายและเรียบง่ายมาก

 

นั่นคือการสังหารซอมบี้ และไล่เก็บชิ้นส่วน

 

 

[รถศึกอัจฉริยะ] เดินทางสามวันติด แต่เมื่อใกล้ถึงสถานชุมชนเทียนหนาน ซูเฉินก็พบว่าบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ปรากฏจุดสีสีน้ำเงินสี่จุดกำลังตรงดิ่งมาทางพวกเขา

 

และระยะห่างระหว่างพวกเขาอยู่แค่ไม่กี่ไมล์เท่านั้น

 

ขณะที่ความเร็วของจุดสีน้ำเงินทั้ง 4 ไม่เชื่องช้าเลย ดูท่าว่าน่าจะเป็นผู้วิวัฒนาการ

 

ซูเฉินไม่สนใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้วิวัฒนาการสามารถพบเห็นได้ทุกแห่ง ตราบใดที่ไม่มายั่วโมโหเขา แค่นั้นก็พอแล้ว

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ยังคงวิ่งไปตามเส้นทางปกติ ผ่านไปไม่กี่นาที ก็เจอจุดสีน้ำเงินเหล่านั้น

 

“ท่านอาวุโส .. ช่วยผมด้วย … ”

 

ขณะที่ซูเฉินกำลังหลับตา เขารู้สึกได้รางๆว่าเสียงนี้ช่างคุ้นเคย

 

“พี่เฉิน ดูเหมือนว่าจะเป็นโจวหยุน” หยางฮ่าวกล่าวขึ้น

 

“โจวหยุน?” ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

ความรู้สึกที่เขามีต่อโจวหยุนไม่เลวเลย ก่อนจากกันยังมอบ [โพชั่นกายภาพ เลเวล 1] ให้

 

แต่ว่านะ บ้านของโจวหยุนอยู่บนเนินเขาหินไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมเขาถึงมาวิ่งอยู่ที่นี่?

 

แถมยังตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ อย่าบอกนะว่ากำลังถูกตามฆ่า?

 

ฉุกคิดได้ถึงเรื่องนี้ ซูเฉินลืมตา และมองออกไป

 

แน่นอน ในสายตาเขา เห็นโจวหยุนกำลังวิ่งเข้ามา ตามด้วยชายสามคนในชุดสีน้ำเงินไล่กวดอย่างไม่ลดละ

 

“เสี่ยวจือ หยุดรถ”

 

ซูเฉินออกคำสั่ง เมื่อรถศึกจอด เขาก็กระโดดลงจากรถทันที

 

เวลานี้ โจวหยุนวิ่งมาถึงข้างหน้าพอดี เขายังคงตะโกนว่า “ท่านอาวุโส พวกเขาจะฆ่าผม!”

 

ซูเฉินกวาดสายตาสำรวจ และพบว่าเสื้อผ้าของโจวหยุนมอมแมมเป็นผ้าขี้ริ้ว แถมยังมีบาดแผลตามร่างกายอีกหลายจุด ดูน่าสงสารมาก

 

ฝ่ายชายสามคนในชุดสีน้ำเงิน หลังจากที่ไล่ตามมาถึง ก็ชะงักฝีเท้า ไม่รีบร้อนบุกเข้าไป

 

พวกเขาพิจารณาซูเฉิน และ [รถศึกอัจฉริยะ]

 

พวกเขาเคยเห็นรถฐานทัพมาอย่างน้อยก็หลายคัน แต่รถเช่น [รถศึกอัจฉริยะ] เพิ่งเคยเห็นกับตาเป็นครั้งแรก

 

ซึ่งจากประสบการณ์ พวกเขารู้ดี ว่าผู้ที่สามารถเป็นเจ้าของรถฐานทัพเช่นนี้ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดา

 

หากไม่มีความแข็งแกร่ง รถฐานทัพคันนี้คงถูกผู้อื่นปล้นชิงไปแล้ว

 

“เจ้าหนู ฉันขอแนะนำว่าแกอย่าเข้ามายุ่งดีกว่า”

 

เมื่อเห็นว่าโจวหยุนกับซูเฉินเหมือนเป็นคนรู้จักกันดี หนึ่งในชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าแค่นเสียงฮึ่มๆออกจมูกอย่างเย็นชา

 

แม้เขาจะไม่รู้จักซูเฉิน แต่ดูจากรูปลักษณ์ พบว่าซูเฉินยังเด็กมาก ดังนั้นคลายใจลงหลายส่วน

 

ซูเฉินไม่สนใจอีกฝ่าย ถามโจวหยุนว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมไอ้พวกตัวประกอบนี่ถึงไล่ตามนาย?”

 

โจวหยุนกำหมัดแน่น พูดด้วยสีหน้าขุ่นเคืองว่า “ท่านอาวุโส พวกเขามาจากเมืองทงเทียน หลังจากที่รู้ว่าฟางเฉิงอู่ถูกฆ่าตาย พวกเขาก็เริ่มไล่ล่าคนที่เกี่ยวข้อง”

 

ฟางเฉิงอู่จบชีวิตลงด้วยน้ำมือของซูเฉิน และโจวหยุนก็อยู่ฝ่ายเดียวกันซูเฉินในเวลานั้น เรื่องที่ถูกลากเข้ามาพัวพัน จึงสมเหตุสมผล

 

หลังจากที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซูเฉินมองไปยังทั้งสามคนจากเมืองทงเทียน และพูดว่า “พวกแกเป็นคนของเมืองทงเทียนสินะ?”

 

เขากับเมืองทงเทียนมีความบาดหมางกันตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้ซูเฉินได้สังหารคนจากเมืองทงเทียนไปไม่น้อย

 

และในจำนวนนั้น มีผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ถึง 3 คน

 

หากอีกฝ่ายเป็นคนของเมืองทงเทียนจริงๆ เมื่อบังเอิญมาเจอเขา นับว่าพวกมันโชคร้ายแล้ว

 

“เจ้าหนู ในเมื่อรู้ว่าเรามาจากเมืองทงเทียน ทำไมยังไม่รีบไสหัวไปอีก!” ชายที่มีแผลเป็นมองซูเฉิน ตวาดเสียงเย็น

 

เมืองทงเทียนคือหนึ่งในขุมกำลังที่มีอำนาจมากที่สุดในเขตหยูหลิน กระทั่งบนเกาะเฉียนหยู ก็ยังมีชื่อเสียงโด่งดังมาก

 

ดังนั้นไม่ว่าใครหน้าไหน เมื่อได้พบกับคนจากเมืองทงทาน อย่างน้อยจะต้องให้ความสุภาพถึงสามส่วน เพื่อถือเป็นการให้เกียรติเมืองทงเทียน

 

ด้วยสถานะนี้ ชายที่มีแผลเป็นจึงคิดว่าซูเฉินย่อมไม่กล้าล่วงเกินตน