Ep.214

 

เมื่อตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซูเฉินตะโกนเรียก “หัวหน้าหวู่ ทุกคน ขึ้นมาบนรถ”

 

หยางฮ่าววิ่งมาเบื้องหน้าเขา เอ่ยถามด้วยความสงสัย “พี่เฉินจะไปแล้วหรอ? แต่พวกเรายังเก็บหินพลังงานไม่เสร็จเลยนะ”

 

แม้ทั้งหมดจะเป็นหินพลังงานธรรมดา แต่ก็ยังเหลืออีกมากกว่า 500 ก้อน นั่นไม่ใช่มูลค่าน้อยๆ

 

หากไม่ขุดพวกมัน จะไม่เท่ากับเสียเปล่าหรือ?

 

ซูเฉินกระพริบตาปริบๆ “มีสิ่งที่ดีกว่ารอพวกเราอยู่”

 

หินพลังงานธรรมดาแค่ไม่กี่ร้อยก้อนจะไปเทียบกับหินหินรวมดาราได้อย่างไร? หากให้เลือก แน่นอนว่าต้องเป็นหินรวมดาราก่อนอยู่แล้ว

 

หยางฮ่าวร้อง “อ้อ” ไม่ถามมากความ หมุนตัวขึ้นรถทันที

 

หลังจากทุกคนขึ้นรถแล้ว ซูเฉินก็หันไปพูดกับโจวหยุนและอีกสองคนว่า “พวกนายก็ขึ้นมาด้วย”

 

แม้โจวหยุนและคนอื่นๆจะลังเล แต่เมื่อเป็นคำสั่งของซูเฉิน พวกเขาก็ไม่กล้าขัดขืนก้าวขึ้นไปบน [รถศึกอัจฉริยะ]

 

“เสี่ยวจือ ค้นหาพิกัดสถานชุมชนฮั่วหลาง และมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที” ซูเฉินสั่ง

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ที่อัพเกรดแล้วมีฟังก์ชั่นการตรวจจับ 100 กิโลเมตร ยิ่งเมื่อได้รับการฟิวชั่นกับ [แท็บเล็ตแผนที่ทวีปเสวียนเทียน] การล็อคตำแหน่งสถานชุมชนฮั่วหลางจึงเป็นแค่เรื่องง่ายดาย

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] สตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนไปข้างหน้า วิ่งออกไปตามทิศทาง

 

เมื่อทั้งสามคนเห็นว่า [รถศึกอัจฉริยะ] ไม่เพียงเอ่ยภาษามนุษย์ แต่ยังสามารถขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ทั้งหมดก็ตกใจจนพูดไม่ออก

 

หลังจาก [รถศึกอัจฉริยะ] ขับไปได้สิบนาที ชายหน้าไหม้แดดก็ตั้งสติได้ เดินเข้าไปหาซูเฉิน กล่าวหยั่งเชิงว่า “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปทำอะไรที่สถานชุมชนฮั่วหลาง?”

 

ตั้งแต่ขึ้นรถมา ซูเฉินไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร นี่ทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย

 

“ของมันแน่อยู่แล้ว ก็ต้องไปปล้นน่ะสิ”

 

รอยยิ้มที่แฝงความหมายลึกล้ำผุดขึ้นตรงมุมปากของซูเฉิน เขาอธิบายเพิ่มว่า “ในเมื่อพวกเขาสามารถปล้นคนอื่นได้ งั้นพวกเราก็ปล้นได้เหมือนกัน”

 

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของชายไม้แดดก็แปรเปลี่ยนไป เขากล่าวด้วยความกังวลว่า “ผู้อาวุโส โปรดทบทวนดูอีกครั้งเถอะ”

 

เขายอมรับว่ากลุ่มเล็กๆของซูเฉินแข็งแกร่งมาก แต่หากต้องการปล้นสถานชุมชน เห็นได้ชัดว่าประเมินตัวเองสูงไปหน่อย

 

ถ้าซูเฉินและสมาชิกไปกันเอง คงไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

 

แต่ประเด็นก็คือซูเฉินนำกลุ่มของชายหน้าไหม้แดดมาด้วย กลายเป็นลงเรือลำเดียวกัน

 

ถึงเวลาพอกลุ่มซูเฉินไปหาเรื่องสถานชุมชนฮั่วหลาง ชะตากรรมของกลุ่มชายหน้าไหม้คงพอจะจินตนาการได้

 

ซูเฉินปาดจมูกเขา เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “กำลังรบของสถานชุมชนฮั่วหลางแข็งแกร่งมากแค่ไหน?”

 

ชายหน้าไหม้แดดกล่าวอย่างเร่งร้อนว่า “พวกมันไม่เพียงมีผู้วิวัฒนาการเท่านั้น แต่ยังมีปรมาจารย์มนตราอีกด้วย รวมทั้งสิ้น 20 คน และผู้นำเป็นถึงผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 ที่ทรงพลัง”

 

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ลอบสังเกตซูเฉิน

 

ตอนแรก เขาคิดว่าเมื่อสาธยายถึงความแข็งแกร่งของสถานชุมชนฮั่วหลาง มันจะทำให้ซูเฉินตกใจกลัว แล้วสลัดความคิดที่จะไปยังที่นั่น

 

อย่างไรก็ตาม เขากลับพบว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ซูเฉินไม่เพียงสงบดังเดิม ตรงกันข้าม ยังปรากฏร่องรอยเหยียดหยามขึ้นบนใบหน้าเขา ราวกับว่าไม่ได้เห็นสถานชุมชนฮั่วหลางอยู่ในสายตา

 

เอ๋? นี่มันยังไงกันแน่?

 

หรือว่าซูเฉินเองก็เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 ด้วยเหมือนกัน?

 

แต่เขายังเด็กอยู่เลย ไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกมั้ง?

 

ชายหน้าไหม้แดดรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว จึงหันไปมองคนอื่นๆ

 

สิ่งที่ปรากฏในสายตาเขากลับเป็นสีหน้าไม่ยี่หระของทุกคน เอาจริงๆกระทั่งเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบยังเผยท่าทีดูถูกออกมา

 

‘อ่าว ทำไมพวกเขาถึงไม่กลัวกันเลยล่ะ?’ ชายหน้าไหม้แดดจมอยู่ในห้วงความสงสัย

 

ซูเฉินเหลือบมองอีกฝ่าย รู้ว่าเขากังวลเรื่องอะไร ยิ้มปลอบประโลม “วางใจเถอะ มากับผม มีแต่จะได้รับผลประโยชน์ ไม่มีอันตรายหรอก”

 

“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” ชายหน้าไหม้แดดถอนหายใจ

 

ถึงจุดนี้ เขาคงห้ามปรามอะไรไม่ได้แล้ว งั้นก็คงได้แต่ก้าวไปด้วยกัน

 

สำหรับตอนจบ?

 

ก็คงปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา