Ep.158

“รับทราบ”

เมื่อได้รับคำสั่ง [นักรบจักรกล] กระชับดาบปลายโค้งพุ่งไปข้างหน้า ความเร็วของมันไม่ด้อยไปกว่าจิ่นเฟยซีเลย

เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของหวู่หยางแปรเปลี่ยนไป

เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่อยู่ในเทือกเขาฮวงเจ๋อ [นักรบจักรกล] เป็นแค่หุ่นเชิดเลเวล 2 เท่านั้น แต่ไหงมันตอนนี้มันถึงกลายเป็นเลเวล 3 ไปได้?

“หุ่นเชิดเลเวล 3 !” จิ่นเฟยซีก็ตกใจไม่แพ้กัน ในสายตาของเขา [นักรบจักรกล] ที่เหมือนกับก้อนเหล็ก ด้วยความเร็วที่มันระเบิดออกมา บ่งบอกว่าเป็นระดับของผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 อย่างแน่นอน

เขาเองก็เคยเห็นหุ่นเชิดมาก่อน แต่หุ่นเชิดเลเวล 3 ไม่เคยเจอมาก่อนเลย

อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะรู้ว่า [นักรบจักรกล] เป็นถึงเลเวล 3 แต่เขาก็ยังไม่หวาดกลัว

ในฐานะซอมบี้เลเวล 3 ที่ครอบครองสติปัญญา ตัวเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างแท้จริง

เพราะในเลเวลเดียวกัน ร่างกายของซอมบี้จะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก นี้คือข้อได้เปรียบอันใหญ่หลวง

สามารถกล่าวได้เลยว่า ต่อให้จิ่นเฟยซีต้องเผชิญหน้ากับผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 เขาก็ยังสามารถรับมือได้

ดังนั้นแค่หุ่นเชิดเลเวล 3 ไม่นับเป็นปัญหาแต่อย่างใด

“เป็นแค่หุ่นเชิดเลเวล 3 แต่กลับกล้าอาละวาดต่อหน้าเราราชากระนั้นหรือ?” จิ่นเฟยซีหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กุมขวานยักษ์ในมือและสับลงไป

ทั้งสองปะทะกันอย่างรวดเร็ว ดาบโค้งและขวานยักษ์ฟาดใส่กันอย่างดุเดือด

ตูม!

ตามมาด้วยเสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดิน จิ่นเฟยซี และ [นักรบจักรกล] ต่างถูกแรงสะท้อน ถอยหลังไปคนละสองสามก้าวพร้อมกัน

ด้วยการโจมตีเดียว สามารถตัดสินได้ว่า ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสอง อยู่ในสถานะก้ำกึ่ง

ไม่มีใครได้เปรียบใคร

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำและน้ำเงินของจิ่นเฟยซียิ่งนานยิ่งมืดมน คล้ายไม่ค่อยอยากจะยอมรับ เขาคำรามเสียงต่ำ กระชับขวานยักษ์ในมือแล้วพุ่งออกไปอีกครั้ง

[นักรบจักรกล] กล้าหาญไม่หวาดกลัว ดาบปลายโค้งในมือมัน กวาดเล็งไปยังหัวของจิ่นเฟยซีแล้วสับลง

มันเมินเฉยต่อขวานยักษ์ที่กำลังฟาดฟันมา ใช้กลยุทธ์วัดใจแลกกันโจมตี ไม่คิดป้องกันอย่างสิ้นเชิง

จิ่นเฟยซีตะลึงงัน

หากเขาไม่สนใจคมดาบนี้ ขวานยักษ์จักฟันถึงตัว [นักรบจักรกล] ได้ สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่มันอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ขณะเดียวกัน ตัวเขาก็จะประสบกับเภทภัยร้ายแรงถึงชีวิต

เมื่อเผชิญหน้ากับ [นักรบจักรกล] ที่โจมตีในรูปแบบยอมหักไม่ยอมงอ จิ่นเฟยซีรู้สึกท้อแท้ในใจ จำต้องยอมถอย ทำได้เพียงดึงขวานยักษ์กลับเพื่อปัดป้อง

[นักรบจักรกล] ปลดปล่อยกระบวนท่าระดับสูงออกมา บังคับให้ศัตรูล่าถอยไปทีละก้าว ทีละก้าว

และประเด็นก็คือ [นักรบจักรกล] ไม่สนใจความเสียหายของตัวเองแม้แต่น้อย มันยังคงฟาดฟันลงตามจุดสำคัญต่างๆของจิ่นเฟยซี

ฟาดฟันกดดันจนจิ่นเฟยซีแทบโงหัวไม่ขึ้น ทำได้แต่ป้องกันเท่านั้น ตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง

“ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเสี่ยวตี๋ถือว่าไม่เลวเลย”

หลังจากที่เห็นว่า [นักรบจักรกล] สามารถสะกดข่มจิ่นเฟยซีได้ ซูเฉินก็พยักหน้าเล็กน้อย เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของ [นักรบจักรกล]

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังสามารถตระหนักถึงกำลังรบของจิ่นเฟยซี อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าหวงคังมาก

แม้ว่าจะอยู่ในเลเวล 3 เช่นเดียวกัน แต่ซอมบี้ก็ยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์เสมอ

แน่นอน ว่าที่กล่าวมาไม่นับรวมซูเฉิน

“เสี่ยวตี๋ กลับมาเถอะ”

หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง ซูเฉินก็เรียก [นักรบจักรกล] กลับมา

แม้ว่า [นักรบจักรกล] จะสามารถสะกดจิ่นเฟยซีได้ แต่หากเอาให้ถึงขั้นสังหารได้ในระยะเวลาสั้นๆ ยังไม่สามารถทำได้

มีซอมบี้มากมายกำลังรอให้เขาล่า ซูเฉินไม่อยากเสียเวลาอีก

เมื่อ [นักรบจักรกล] ถอยกลับ ซูเฉินค่อยๆก้าวเข้าหาจิ่นเฟยซี

จิ่นเฟยซีไม่ทราบว่าทำไม [นักรบจักรกล] จึงล่าถอย แต่เขาตกอยู่ในสภาวะเหนื่อยหอบ จึงคร้านจะนึกหาเหตุผล

[นักรบจักรกล] โจมตีดั่งพายุ การกระทำของมันทำให้เขาหวาดกลัวจนเหงื่อตก และเหนื่อยหอบเป็นครั้งแรกหลังจากกลายเป็นซอมบี้

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ เมื่อสังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาแทน คิ้วของเขาก็ต้องขมวดเข้าหากัน

เขารู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าค่อนข้างคุ้นหน้า แต่จดจำไม่ได้ว่าเป็นใคร จึงเอ่ยขึ้นว่า “เด็กน้อย แกเป็นใครกัน ทำไมเราราชาถึงรู้สึกว่าคุ้นหน้านัก?”