บทที่ 99: เขตสีส้ม (5)

 

 

 

ครืนนนน

แรงสั่นสะเทือนรุนแรงได้แพร่ไปทั่วพื้น

ฟิ้วว

“อึก!”

“อะไรกัน!”

จากคลื่นแรงสั่นสะเทือนขนาดยักษ์เพียงครั้งเดียว ร่างของผู้คนก็กระเด็นขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นจึงกระแทกลงกับพื้นไปทั่ว

พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งเกินมนุษย์และสกิล ทว่าแรงสั่นสะเทือนเพียงครั้งเดียวนั้นรุนแรงมากพอที่จะกระแทกร่างของคนเหล่านี้ขึ้นไปบนอากาศ

“อะไรกัน มันคือแผ่นดินไหวงั้นเหรอ?”

แต่มันดูเหมือนว่าแม้แต่แผ่นดินไหวก็ไม่รุนแรงถึงขนาดนี้

ในขณะที่โซเฟียกำลังตื่นตะลึงจากแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ คลื่นเสียงก็ได้ดังขึ้นจากสถานที่ห่างไกลออกไป

โกวววววว

เสียงร้องของมาร์กอชนับว่าดังเพียงพอ ทว่าระดับความดังของเสียงร้องนี้สามารถเรียกได้ว่าอยู่คนล่ะมิติกัน

เสียงร้องที่สะท้านไปถึงสวรรค์เหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดผ่านก้อนเมฆ

‘… เจ็บ?’

ในขณะที่โซเฟียกำลังมุ่นคิ้วกับอารมณ์ที่มาพร้อมกับเสียงร้องนั้น ใครบางคนก็ได้โอบร่างของเธอไว้จากเบื้องหลัง

“หือ?”

โซเฟียตกใจกับการกระทำกะทันหันของฮันซู

‘ทำไมจู่ๆ ถึง…’

ในขณะที่โซเฟียกำลังหน้าแดง ฮันซูก็เอ่ยขึ้นจากข้างหลังของเธอ

“เราต้องรีบบินขึ้นไปโซเฟีย เร็วเข้า”

“อะไรนะ?”

“ฉันไม่มีสกิลบิน”

โซเฟียมองไปรอบๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น

“เวรเอ้ย! วิ่งไปที่หลุมหลบภัย!”

“ไอ้บัดซบเอ้ย! ทำไมถึงต้องตีกันตอนนี้!”

เคนและคนอื่นๆ ที่กำลังไล่ฆ่าอยู่รีบวิ่งหนีไปทุกทิศทาง

บางคนลอดผ่านรูในพื้นและหลบซ่อน

คนอื่นๆ ใช้ทุกสกิลของพวกเขาในการทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นและฟาดร่างของตนเองลงไปในพื้น

บางคนกระโจนขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นจึงรีบบินไปยังทิศทางหนึ่ง

เมื่อรุ่นพี่ในเขตสีส้มทำเช่นนั้น เหล่าคนที่กำลังถูกโจมตีและคนอื่นๆ ที่กำลังเฝ้ามองการโจมตีอยู่จึงเริ่มทำตามคนเหล่านั้นเช่นกัน

ในเมื่อแรงสั่นสะเทือนแปลกประหลาดและการกระทำของเหล่ารุ่นพี่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกกระวนกระวาย

กร๊าซซซซซ

มาร์กอชขนาดยักษ์เริ่มที่จะร้องออกมาขณะที่พวกมันปักศีรษะของพวกมันเข้าไปลึกในพื้น

ในเวลาเดียวกัน พวกมันก็ยัดตัวเองลงไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และนอนแผ่ราบติดกับพื้นให้มากที่สุด

ราวกับว่าพวกมันกำลังหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสลัดหลุดออกไป

โซเฟียแสดงสีหน้าว่างโล่งออกมากับภูเขานับสิบที่ถูกสร้างขึ้นในเสี้ยววินาที

‘เกิดอะไรขึ้น…’

เตกิลอนเดินเข้าไปใกล้โซเฟียและจากนั้นจึงโอบเธอจากด้านหลังเช่นกัน

จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้น

“ข้าก็คงต้องอยู่ในการดูแลของเจ้าเช่นเดียวกัน มนุษย์หญิง”

“…”

โซเฟียอดกลั้นความโกรธที่พุ่งทะยานขึ้นด้วยเหตุผลที่ไม่อาจล่วงรู้ จากนั้นจึงเริ่มใช้วิชาของเธอ <เส้นทางอากาศ>

คว้างงง

โซเฟียแบกร่างของผู้ชายทั้งสองจากนั้นจึงเริ่มทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

‘ฉันต้องขึ้นไปสูงแค่ไหน?’

มันดีกว่าที่จะเลียนแบบคนอื่นๆ เมื่อคนคนหนึ่งไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

เท่าที่เธอเห็น ผู้คนที่ทะยานขึ้นไปบนฟ้าได้พุ่งสูงขึ้นไปหลายร้อยเมตรแล้ว

แต่สีหน้าของพวกเขาไม่ได้ดูดีขนาดนั้น

ราวกับว่าพวกเขาต้องการที่จะขึ้นไปสูงกว่านี้ แต่ไม่อาจทำได้เพราะขีดจำกัดของสกิลของพวกเขา

ในขณะที่โซเฟียกำลังครุ่นคิดขณะที่มองไปยังคนเหล่านั้น ฮันซูก็เอ่ยขึ้นกับเธอ

“ในเมื่อเธอขึ้นมาถึงตรงนี้แล้ว มันจะดีกว่าถ้าเธอได้เห็นมัน ขึ้นไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“อะไรนะ?”

โซเฟียมองไปยังด้านล่างเมื่อได้ยินเช่นนั้น

มาร์กอชที่กำลังฝังตนเองลงพื้น

แต่ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่านั้น

‘… ขึ้นไปสูงอีกหน่อยแล้วกัน’

ความสงสัยของโซเฟียได้ถูกกระตุ้นด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่กำลังบอกเธอว่าบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น

โซเฟียทำตามคำพูดของฮันซูขณะที่เธอบินขึ้นไปสูงขึ้น

แม้ว่าเธอจะขึ้นไปสูงกว่าคนอื่นที่กำลังลอยอยู่ในอากาศหลายร้อยเมตร เธอก็ยังคงไม่อาจค้นพบที่มาของแรงสั่นสะเทือนนั้นได้

เพียงแค่ที่โล่งกว้าง

แต่ในตอนนั้นเองที่แรงสั่นสะเทือนรุนแรงได้กระจายไปทั่วพื้น

ครืนนนนน

ในเวลาเดียวกัน บางสิ่งได้กระแทกเข้ากับพื้นหลังจากที่มันแหวกฝ่าอากาศมาจากสุดขอบของพื้นที่โล่ง

ตูมมม!

โซเฟียผวาไปหลังจากที่เห็นบางอย่างกำลังรัดพันอยู่ห่างออกไป

‘… อูโรโบรอส?’

สิ่งที่ได้กระแทกลงมาที่ชายขอบของพื้นสามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาของพวกเขา

สัตว์อสูรที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับอูโรโบรอสที่พวกเขาเคยสู้ด้วยย่อมเป็นสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตจนพวกเขาไม่อาจเทียบได้

‘ถึงมันจะดูแตกต่างออกไปอยู่บ้าง…’

ในขณะที่โซเฟียกำลังหรี่ตาเพ่งมองมันให้ชัดขึ้น ฮันซูก็ส่ายศีรษะและเอ่ยขึ้น

“เธอจะเห็นมันได้ถ้าเธอขึ้นไปสูงกว่านี้ ตอนนี้มันยังยากที่จะมองเห็นได้”

“…”

โซเฟียบินสูงขึ้นไปพร้อมกับฮันซูและเตกิลอนบนหลังเพราะคำพูดนั้น

หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อโซเฟียไปถึงระดับความสูงที่ก้อนเมฆโอบล้อมร่างกายของเธอ เธอก็สามารถมองเห็นได้ว่ามันคืออะไร

และแรงสั่นสะเทือนนั้นมีต้นกำเนิดมาจากอะไร

โกววววว

“หวาาาาาา…”

โซเฟียมองลงไปที่ใต้ฝ่าเท้าของเธอ

มันคือทะเลลาวา

ไม่ง่าเธอจะมองไปทางไหน สิ่งเดียวที่เธอมองเห็นก็คือทะเลลาวา

สภาพแวดล้อมที่ราวกับอยู่ในนรก สถานที่ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถมีชีวิตอยู่ได้

แต่มันยังมีสิ่งมีชีวิตที่สามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้

“… เราอยู่บนตัวเจ้านั่นงั้นเหรอ”

พื้นที่พวกเขาคิดว่าเป็นพื้นดินกลับไม่ใช่พื้นดินจริงๆ

มันคือสัตว์อสูรขนาดยักษ์ที่แม้แต่มัจฉาภัยพิบัติยังไม่อาจเทียบได้

‘… ด้วยขนาดของมัน มันอาจจะเทียบได้กับประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่ง’

ขาทั้งสี่ของมันดูราวกับลำต้นของต้นไม้โลก

และร่างกายใหญ่โตที่สามารถเทียบได้กับประเทศทั้งประเทศได้ถูกพยุงไว้ด้วยขาเหล่านั้น

สิ่งที่ทำให้เธอนึกถึงอูโรโบรอสคือห่างยาวหนา

ศีรษะขนาดยักษ์ที่ดูคล้ายวัวและเขาคู่หนึ่งตั้งสูงขึ้นไปในก้อนเมฆ

สัตว์อสูรขนาดยักษ์ที่ร่างครึ่งหนึ่งของมันจมอยู่ในลาวากำลังกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

เตกิลอนพึมพำออกมาด้วยสีหน้าขมขื่น

“มันคือกรากอซ”

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ กรากอซ

สัตว์อสูรขนาดยักษ์ที่มีชีวิตอยู่เพียงในตำนานและเทพนิยายกำลังรักษาอุณหภูมิภายในร่างของมันด้วยการแช่ตัวในทะเลลาวา <เฮอริงเซ็น> และเติมเต็มพลังงานของร่างกายด้วยการกลืนกินลาวาเหล่านั้น

สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่อยู่ในระดับที่เหนือกว่ามาร์กอช

สิ่งมีชีวิตที่มอบที่อยู่และอาหารให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ เหนือเฮอริงเซ็นที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ สามารถอาศัยอยู่ได้

ในยามนั้นเองที่คำถามหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในสมองของโซเฟีย

‘อะไรกันที่สามารถคุกคามไอ้ตัวนี้ได้?’

มันได้กรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมานชัดๆ

แต่อะไรกันที่จะสามารถคุกคามสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายแบบนี้ได้?

สิ่งที่ดูคล้ายไดโนเสาร์ที่พวกเขาเห็นก่อนหน้าก็ตัวใหญ่ ทว่าแม้ว่าไอ้ตัวพวกนั้นจะกัดกินสักหน่อยมันก็ให้ความรู้เหมือนเพียงเห็บหมัดที่กำลังเกาะอยู่

และพวกมันอาจจะได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้นเพราะมันทำได้เพียงแค่นั้น

‘ถ้าพวกมันสามารถสร้างความเจ็บปวดให้แก่มันได้ มันก็คงจะทำแค่กลิ้งตัวสักครั้งสองครั้ง’

มันคงจะทำเพียงพลิกตัว แต่เมื่อมันพลิกตัวเหนือทะเลลาวาที่อาจจะลึกหลายพันเมตร สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนมันคงเหมือนข้ามผ่านวันสิ้นโลก

ในตอนนั้นเองที่เตกิลอนเอ่ยปากขึ้น

“สิ่งเดียวที่สามารถคุกคามกรากอซได้… คือกรากอซอีกตัว”

กรี๊ซซซซซ!

ในตอนนั้นเองที่บางสิ่งได้กระโจนออกมาจากทะเลลาวาและโจมตีกรากอซ

แม้ว่าพวกมันจะเป็นกรากอซทั้งคู่ ทว่าพวกมันก็ยังคงดูแตกต่างกัน

หากกรากอซขนาดยักษ์ที่พวกเขาอาศัยอยู่ดูเหมือนวัว เช่นนั้นกรากอซที่กระโจนออกมาจากทะเลลาวาและพยายามที่จะกัดก้นของตัวที่เหมือนวัวก็คงมีรูปลักษณ์ของกิ้งก่า

กรากอซที่มีรูปลักษณ์เหมือนกิ้งก่าที่โผล่ออกมาจากลาวาอ้าปากกว้าง จากนั้นจึงกัดไปยังก้นของกรากอซที่มีรูปลักษณ์เหมือนวัว

จากนั้น การต่อสู้จึงเริ่มขึ้น

กรากอซที่ดูเหมือนวัวตัวใหญ่กว่ากิ้งก่า แต่ราวกับว่ามันไม่ต้องการที่จะต่อสู้ มันทำเพียงถีบกิ้งก่าออกไปด้วยขาหลังของมัน กวาดหางและพยายามจะหนีออกไปให้ห่างจากอีกฝ่าย

กรากอซที่รูปร่างเหมือนกิ้งก่ายังคงกัดก้นของตัวที่เหมือนวัวต่อไปราวกับว่ามันจะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ

‘… ไอ้นั่นคือหางนี่เอง’

โซเฟียเข้าใจในที่สุดว่าทำไมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนร่างของสิ่งนั้นจึงวิ่งหนีไปอย่างหวาดกลัวและพยายามที่จะยึดร่างของพวกเขาเข้ากับร่างของมันอย่างหนาแน่น

แม้ว่าเจ้าวัวตัวนี้จะไม่ได้สู้กลับอย่างดุดัน ทว่าเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะสร้างหายนะให้กับสิ่งที่อาศัยอยู่บนตัวมันแล้ว

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดจากคลื่นกระแทกได้ แต่หากพวกเขาถูกเหวี่ยงออกไปในทะเลลาวาล่ะ?

หรือถูกหางที่กำลังเหวี่ยงไปมานั่นกวาด?

‘… แต่ไอ้ตัวนั้นดูแปลกๆ’

โซเฟียตระหนักได้ว่ากิ้งก่าที่กำลังโจมตีและวัวนั้นมีความแตกต่างกันอยู่

ไม่สิ ขนาดและรูปลักษณ์ของพวกมันเองก็แตกต่าง แต่ว่ามันมีความแตกต่างอีกอย่างบนร่างของกิ้งก่า

นั่นคือร่างกายครึ่งล่างของมันเป็นสีดำ

เธอไม่อาจบอกได้ในตอนที่มันจมอยู่ใต้ลาวา แต่เมื่อมันขึ้นมาบนก้นของวัวด้วยขาหน้า เธอจึงสามารถมองเห็นร่างครึ่งล่างที่เป็นสีดำสนิทได้

และราวกับว่าร่างกายครึ่งล่างที่เป็นสีดำของมันขยับไม่ได้ดั่งใจ กิ้งก่าจึงทำเพียงใช้ขาหน้าของมันและปากของมันในการเกาะหนึบอยู่กับก้นของวัว

โกวววว

ไม่ช้า กรากอซที่มีรูปลักษณ์คล้ายวัวก็สลัดกิ้งก่าหลุดและหนีไปได้สำเร็จ

แม้ว่าขนาดของพวกมันจะส่งผล แต่การที่กิ้งก่าไม่อาจใช้ร่างกายส่วนล่างของมันได้ก็นับเป็นปัจจัยหลักเช่นกัน

กี้

กิ้งก่ามองไปยังวัวที่วิ่งหนีไปด้วยสีหน้าเศร้าโศก ทว่าจากนั้นก็มองไปยังเนื้อในปากของมันและเริ่มเคี้ยวมัน

จากนั้นความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น

ร่างกายส่วนล่างของมันที่เป็นสีดำได้เริ่มกลับมามีสีสัน

กรากอซรูปลักษณ์คล้ายกิ้งก่าร้องออกมาด้วยเสียงโศกเศร้าขณะมองไปยังสีบนร่างที่กลับคืนมาเล็กน้อย จากนั้นจึงทิ้งร่างของมันลงสู่ทะเลลาวาอีกครั้ง

“…”

“ลงไปกันเถอะ มันจะยากในการไล่ตามกรากอซหากมันทิ้งห่างเราไปไกลกว่านี้”

โซเฟียนิ่งเงียบกับคำพูดของเตกิลอน จากนั้นจึงค่อยๆ ลดระดับลงอย่างเชื่องช้า

โซเฟียมองไปรอบๆ หลังจากมาถึงพื้น

“อุหวา…”

ความวุ่นวาย

ต้นไม้ขนาดยักษ์ล้วนแตกหักและถูกดึงถอน มาร์กอชค่อยๆ ยกร่างของพวกมันขึ้นอย่างเชื่องช้าขณะที่มันคำรามออกมาราวกับว่าร่างกายของพวกมันกำลังเจ็บปวด

“อูยยย…”

“อึก”

เหล่านักผจญภัยโซเซไปมาขณะที่พวกเขาเดินไปยังทิศทางหนึ่งขณะที่พวกเขาใช้สกิลออกมาราวกับว่าพวกเขารอดชีวิตจากครั้งนี้มาได้อย่างยากลำบาก

‘… มันก็แค่กิ้งก่ากัดเนื้อก้นของวัวออกไป’

ในเมื่อมันยังนับได้ว่าตัวใหญ่เมื่อเทียบกับกิ้งก่า มันจึงยังไม่เกิดหายนะขึ้นในครั้งนี้

ไม่สิ ที่มันเป็นแค่นี้เป็นเพราะวัวไม่ชอบที่จะต่อสู้ หากมันพุ่งเข้าไปเอาเข้าแทงอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งเหมือนในการสู้วัวกระทิง มันคงจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้

‘ไม่สิ ถ้ามันแพ้…’

วัวชนะเพราะตัวที่มามีขนาดเล็กกว่า

แต่ถ้าหากคู่ต่อสู้ที่เป็นสิ่งที่วัวจำเป็นต้องตอบโต้ด้วยพลังทั้งหมดของมันปรากฏตัวขึ้นล่ะ?

หรือสิ่งมีชีวิตที่สามารถกลืนร่างของวัวเข้าไปได้?

‘บ้าน่า’

โซเฟียมองไปยังเตกิลอนก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น? ร่างของกิ้งก่าตัวนั้นครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ”

แม้ว่าโซเฟียจะคิดว่าเตกิลอนเป็นภาระตอนที่พวกเธอมาที่นี่ครั้งแรก ตอนนี้เธอรู้สึกยินดีอย่างมากที่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย

จากการที่คนข้างกายของเธอสามารถตอบสนองความสงสัยใคร่รู้ของเธอที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงได้

เตกิลอนเอ่ยตอบ

“ภัยพิบัติแห่งความตาย”

“อะไรนะ?”

“มันคือชื่อภัยพิบัติที่ทำลายโลกของเรา”

มันไม่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเขา อคารอน ตายเพราะโรคระบาด

สิ่งที่กำลังป่วยอยู่คือสิ่งมีชีวิตอื่น

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ กรากอซ

สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่มอบที่อยู่และสารอาหารที่พวกเขาต้องการในการเอาชีวิตรอดให้

เผ่าพันธุ์ของพวกเขา อคารอนนับถือในพลังของกรากอซ พวกเขาใช้ยีนส์ของพวกมันและทุ่มเทในการดัดแปลงร่างกายที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของพวกเขา

และความพยายามนั้นได้ประสบความสำเร็จไปด้วยดีจนถึงจุดที่พวกเขาสามารถขับไล่มาร์กอชที่คุกคามพวกเขามาตลอดและรวบรวมเผ่าพันธุ์ของพวกเขาที่อาศัยอยู่บนร่างของกรากอซจำนวนมากเป็นหนึ่งเดียวได้

มันคือมหาสงครามครั้งที่สอง

แต่จุดที่สปอตไลท์ฉายแสงไปในมหาสงครามครั้งที่สามไม่ใช่พวกเขา

กรากอซจำนวนมากที่ติดเชื้อภัยพิบัติแห่งความตายได้บ้าคลั่งและเริ่มกัดกินกรากอซตัวอื่นๆ

แล้วโลกของพวกเขาก็ได้เดินเข้าสู่หนทางแห่งความล่มสลายในวินาทีนั้น

ในเมื่ออคารอนและมาร์กอชไม่อาจนับเป็นอะไรได้นอกจากแมลงเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอย่างกรากอซ

มันไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาสามารถทำได้ในสถานการณ์ที่เทพเจ้ากระโดดไปมารอบๆ และที่อยู่อาศัยกำลังถูกทำลาย

เตกิลอนเอ่ยขึ้นกับฮันซู

“เจ้าเห็นกรากอซแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าหรือข้าที่จะถูกฆ่าในตอนไหนก็ได้ ดังนั้นข้าจึงอยากถาม เจ้าจะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของพวกเราได้ยังไง? อย่าเอ่ยเรื่องไร้สาระอย่างการฆ่ากรากอซที่เข้ามาโจมตีเชียว ไม่ว่าจะเป็นมัจฉาภัยพิบัติหรืออูโรโบรอสก็แค่กรากอซที่ถูกลดทอนพลังเท่านั้น”

สี่ภัยพิบัติ

พวกมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยงานวิจัยในระหว่างที่พวกเขาคิดค้นวิธีดัดแปลงร่างกายเท่านั้น

สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ กรากอซ สมบูรณ์แบบเกินกว่าสิ่งใด และตัวใหญ่เสียจนไร้ซึ่งจุดอ่อน

นักล่าสำหรับกรากอซก็คือกรากอซด้วยกัน

โซเฟียแสงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 


TL: โซเฟียเงิบเฉย//หัวเราะ