บทที่ 100: เขตสีส้ม (6)

 

 

ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“แน่นอนว่ามันเกินไป ฉันจะไปฆ่ามันได้ยังไง?”

ฮันซูไม่อาจฆ่ามันได้ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน

เผ่าพันธุ์ของพวกเขาแตกต่างกันตั้งแต่แรก และมันมีขีดจำกัดอยู่ว่าเขาจะสามารถแข็งแกร่งได้แค่ไหนด้วยสิ่งที่มีอยู่ในเขตสีส้ม

เหมือนการที่เจ็ดเสี้ยววิญญาณไม่อาจแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร้สิ้นที่สุดแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเขตสีแดงมานานหลายปี

และแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะฆ่าไอ้สิ่งนั้น แล้วมันจะยอมให้เขาฆ่ามันอย่างสงบได้ยังไง?

ในระหว่างที่ฮันซูกำลังสู้อยู่ สิ่งมีชีวิตบนร่างของกรากอซกว่าครึ่งย่อมตายไป

‘พวกมันทุกตัวล้วนล้ำค่า’

เขาจะไม่ฆ่าพวกมันแม้ว่าเขาจะทำได้

อคารอน เผ่าพันธุ์ที่เสริมสร้างวัฒนธรรมของพวกเขาผ่านกรากอซจำนวนมหาศาล

มหาสงครามครั้งที่หนึ่งและสองเกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน

ในเมื่อจำนวนของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนหลังของกรากอซได้มีจำกัด

ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดสามารถอาศัยอยู่บนเฮอริงเซ็นได้นอกจากกรากอซ

เพื่อที่จะรักษาชีวิตของพวกเขา พวกเขาทำได้เพียงแค่กินของเหลวในร่างของกรากอซหรือของเหลวในร่างของสิ่งมีชีวิตอื่น

แต่ของเหลวในร่างของกรากอซมีจำกัด

ในเมื่อมันจะเกิดหายนะครั้งใหญ่หากพวกเขากินของเหลวในร่างของกรากอซมากเกินไป

เมื่อของเหลวในร่างของมันลดลงมากเกินไป กรากอซจะกลิ้งตัวของมันในทะเลลาวา เฮอริงเซ็น เพื่อที่จะรักษาสุขภาพของมันเอาไว้

เพื่อที่จะกำจัดปรสิตบนร่างของมัน

ดังนั้นแล้วมันจึงมีขีดจำกัดสำหรับจำนวนสิ่งมีชีวิตที่จะสามารถอาศัยอยู่บนร่างของกรากอซได้

ในเมื่อมันมีปริมาณของเหลวในร่างที่จำกัดแม้ว่ามันจะมีร่างกายใหญ่โตกว้างใหญ่เพียงใด

มันกระทั่งมีอคารอนสามเผ่าที่โลภมากและถูกทำลายไปในอดีต

ไม่สิ แม้ว่าพวกเขาจะไม่โลภ มันก็ยังคงมีอคารอนจำนวนค่อนข้างมากที่ถูกมาร์กอชทำลายล้างไปด้วยความไม่รู้จักพอของพวกมัน

เพราะแบบนั้น เผ่าอคารอนจำนวนมากที่ล้วนมีวัฒนธรรมเป็นของตนเองจึงได้ข้ามผ่านมหาสงครามไปด้วยกัน

เพื่อที่จะขึ้นไปบนหลังของกรากอซตัวอื่นๆ และยึดครองพื้นที่เพื่อหาอาหารให้ได้มากขึ้น

หรือขึ้นไปยังหลังของกรากอซตัวที่ต่างออกไปก่อนที่การอาบลาวาของกรากอซจะเริ่มขึ้นเพราะมาร์กอช

มันคือมหาสงครามครั้งที่หนึ่ง

มาร์กอชไม่ใช่คู่ต่อสู้แต่เดิมของพวกเขา

ในเมื่อมาร์กอชนั้นทรงพลังเกินไปเมื่อเทียบกับอคารอน

แต่ความคิดของชายคนหนึ่งแตกต่างออกไป

<เพื่อที่จะขยายเผ่าอคารอนของพวกเรา เราจำเป็นต้องกำจัดมาร์กอชทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเผ่าของพวกเราจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงเมื่อไอ้พวกตะกละพวกนั้นยังคงแย่งของเหลวของพวกเราอยู่แบบนี้?>

ยิ่งมาร์กอชตัวใหญ่แค่ไหน มันก็ยิ่งต้องการของเหลวจากกรากอซมากขึ้นเท่านั้น

และเพราะแบบนั้น ชายคนนั้นจึงได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาในการพัฒนาเทคโนโลยีดัดแปลงร่างกายขึ้นมา ควบรวมเผ่าพันธุ์ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นจึงเริ่มกวาดล้างมาร์กอช

มันคือมหาสงครามครั้งที่สอง

แต่เดิม มหาสงครามครั้งที่หนึ่งและสองคือการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเพื่อแย่งชิงอาหารที่ได้มาจากกรากอซ

‘มนุษย์จำนวนมากกว่านี้จะขึ้นมานับจากนี้’

การใช้กรากอซตัวหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นนับว่าเพียงพอในเมื่อมันไม่ได้มีมนุษย์มากมายขนาดนั้น แต่เมื่อมนุษย์นับร้อยล้านคนข้ามผ่านมาในกรากอซตัวเดียว มันไม่แม้แต่จะใกล้เคียงคำว่ามอบที่อยู่อาศัยให้กับมนุษย์เลยแม้แต่น้อย

แล้วเขาจะฆ่ากรากอซได้อย่างไรในเมื่อเขาต้องการพวกมันมากกว่านี้?

เตกิลอนตอบคำพูดนั้น

“… และการหลบการโจมตีของกรากอซเองก็นับเป็นปัญหาเช่นกัน น่าเศร้าที่บางทีคงจะเหลือกรากอซอยู่แค่ไม่กี่ตัว แม้ว่าเจ้าจะสามารถรวบรวมกรากอซที่เหลืออยู่ทั้งหมดได้ เจ้าก็ไม่อาจครอบครองดินแดนที่จำให้เผ่าพันธุ์ของเจ้าอาศัยอยู่ได้เพียงพอ”

เตกิลอนได้เห็นเอลวินไฮล์มที่ได้ขยับขยายเผ่าพันธุ์ของพวกเขาภายใต้อำนาจของต้นไม้โลกมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงพลังของต้นไม้โลก

เขาไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานเท่าใดในการให้เผ่าพันธุ์ของฮันซูข้ามมาที่นี่ แต่หากพวกเขายืมพลังของต้นไม้โลก เช่นนั้นการที่พวกเขาจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาหลายร้อยเท่าก็ไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้น

ในเมื่อต้นไม้โลกจะเพิ่มความเร็วในการเติบโต

บางทีอาจมีพวกเขานับร้อยล้านหรือพันล้านที่ข้ามมา

และพวกเขาจำเป็นต้องใช้กรากอซนับสิบตัวในการอาศัยอยู่

‘ไม่สิ คงต้องใช้สักร้อยตัวเลยมั้ง’

พวกเขาไม่อาจใช้กรากอซทั้งหมดในการอาศัยอยู่ได้

กรากอซมีความแตกต่างในบรรดากรากอซด้วยกันเองมากกว่าความเหมือน มันมีเงื่อนไขสำคัญอยู่จำนวนหนึ่งที่จำเป็นต้องเติมเต็มเพื่อที่จะสามารถอาศัยอยู่บนพวกมันได้

อย่างแรก พวกมันต้องไม่มีนิสัยชอบอาบน้ำร้อนด้วยการดำลงไปใต้ลาวา

และพวกที่ตัวเล็กจนร่างจมลงไปในลาวาเองก็ไม่อาจใช้ได้

นิสัยของพวกมันต้องไม่เลวร้าย

ในเมื่อพวกมันจะพยายามต่อสู้กับกรากอซทุกตัวที่พวกมันเห็นหากพวกมันมีนิสัยเลวร้าย

แม้ว่ากรากอซทุกตัวจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการดื่มลาวา แต่ตัวที่มีนิสัยแย่จะโจมตีกรากอซตัวอื่นๆ เพื่อคลายเครียดหรือกระทั่งใช้เป็นขนมขบเขี้ยว

แน่นอนว่าการต่อสู้ของไอ้ตัวพวกนี้ย่อมไม่สงบสุขนัก

พวกมันจะกลิ้งไปมาในลาวาและต่อสู้อย่างดุดันรุนแรง

และมันจำเป็นต้องตัวใหญ่มากพอที่จะมีชีวิตรอดจากการลอบโจมตีของกรากอซตัวอื่นๆ

อคารอนได้ค้นคว้าทุกอย่างเกี่ยวกับกรากอซที่ผ่านไปมาเพื่อที่จะหาตัวที่จะสามารถเติมเต็มเงื่อนไขเหล่านี้ จากนั้นพวกเขาจึงจะย้ายไป

ในเมื่ออคารอนที่ขึ้นไปบนหลังของกรากอซตัวนั้นจะถูกล้างบางหากหนึ่งในเงื่อนไขด้านบนไม่ถูกเติมเต็ม

พวกเขาทำได้เพียงแค่ค้นคว้ารูปแบบการเคลื่อนไหวของพวกมันมานานหลายปีเพราะพวกมันตัวใหญ่มากและค่อนข้างขี้เกียจ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็สามารถแบ่งแยกกรากอซที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยออกจากกันได้ และเตกิลอนรู้เรื่องนี้

แต่การที่พวกเขาสามารถค้นหากรากอซสิบกว่าตัวที่สามารถเติมเต็มเงื่อนไขพวกนี้ได้ พวกเขาจำเป็นต้องหามันจากกรากอซนับร้อยตัว

‘…มันไม่มีทางที่กรากอซนับร้อยพวกนั้นจะมีชีวิตอยู่ครบ’

วินาทีที่ภัยพิบัติแห่งความตายถือกำเนิดขึ้น จำนวนของกรากอซก็ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อมันไม่ได้มีจำนวนมากอยู่แล้ว ตอนนั้นมันก็คงยิ่งน้อยกว่าเก่า

<ภัยพิบัติแห่งความตาย>

โรคร้ายแปลกประหลาดไร้ที่มาที่เกิดขึ้นกับกรากอซเท่านั้น

ผลของโรคนี้นั้นง่ายมาก

มันจะค่อยๆ กัดกินกรากอซที่ติดเชื้อและทำให้มันเป็นอัมพาต

แต่มันมีวิธีการที่เลวร้ายหนึ่งทางในการรักษาโรคนี้

นั่นคือร่างกายของกรากอซที่ไม่ติดเชื้อ

กิ้งก่าตัวก่อนหน้าเองก็ไม่ได้เป็นพวกนิสัยรุนแรงจริงๆ

แม้ว่ามันจะตัวเล็กเกินไปและไม่อาจใช้ในการอาศัยอยู่ได้ มันก็ยังเป็นสิ่งที่อคารอนเห็นโอกาสในการอาศัยอยู่หลังจากที่มันตัวโตมากกว่านี้ แต่มันมีนิสัยดุดันมากยิ่งขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อ

มันโจมตีกรากอซที่ไม่ติดเชื้อเพื่อที่จะรักษาร่างกายส่วนล่างของมันที่กำลังเป็นอัมพาต

กรากอซที่มีนิสัยรักสงบบ้าคลั่งขึ้นและเริ่มโจมตีกัดกินกันเองหลังจากที่ภัยพิบัติแห่งความตายปรากฏขึ้น

มันเป็นปัญหาแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ถูกโจมตี

กรากอซที่ถูกภัยพิบัติแห่งความตายกัดกินจะไม่ตาย ทว่ามันจะค่อยๆ จมลงไปใต้ลาวาหลังจากที่ทั่วทั้งร่างของมันเป็นอัมพาต

และมันไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงมากเกี่ยวกับสิ่งที่อาศัยอยู่บนร่างของมัน

‘… เวรเอ้ย’

เตกิลอนกัดฟันกรอดเมื่อเขาคิดย้อนไปก่อนหน้า

ในเมื่อเขาคิดถึงยามที่ 23 อาณานิคมจาก 27 แห่งบนกรากอซทั้ง 27 ตัวตายตกลงไปในเสี้ยววินาที

ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในระหว่างที่พวกเขากำลังมีความสุขหลังจากที่สามารถขับไล่พวกมาร์กอชไปได้

ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเราต้องรักษาพวกมัน”

“… อะไรนะ? เจ้าจะทำได้ยังไง?”

เตกิลอนอุทานออกมาอย่างตื่นตะลึง

เตกิลอนได้เดินทางไปยังโลกภายนอกหลังจากที่อาศัยอยู่ในร่างวิญญาณ

เพื่อที่จะหาหนทางให้เผ่าพันธุ์ของพวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้

แต่พวกเขาไม่โง่

อะไรคือสิ่งแรกที่พวกเขาพยายามทำหลังจากที่ภัยพิบัติแห่งความตายปรากฏขึ้น

แน่นอนว่าพวกเขาต้องพยายามที่จะรักษาโรคภัยพิบัติแห่งความตาย

และพวกเขาค่อนข้างมั่นใจอย่างมาก

ในเมื่อหากเอลวินไฮล์มมีความเชี่ยวชาญในวิศวกรรมเวทมนต์อย่างต้นไม้โลก ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็เชี่ยวชาญในการรับมือกับชีวิตและยีนส์

แต่ผลลัพธ์คือความล้มเหลวอย่างใหญ่หลวง

พวกเขามีเวลาและกำลังคนไม่พอ รวมทั้งภัยพิบัติแห่งความตายก็แตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเคยเห็นมาทั้งหมด

สุดท้ายแล้ว อคารอนทั้งสิบสามที่มีร่างกายพิเศษและสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยดวงวิญญาณได้จึงทิ้งอคารอนที่กำลังดิ้นรนอยู่บนหลังกรากอซเฝ้ารอความตายไป ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโลกที่แตกต่าง

แต่สำหรับใครก็ไม่รู้ที่โผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้มาพูดแบบนี้ มีหรือที่เขาจะไม่รู้สึกหงุดหงิด?

ฮันซูทำเพียงส่ายศีรษะ

“ฉันรู้วิธีรักษา”

พวกเขาได้วิจัยวิธีจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อที่จะแก้ไขเขตทั้งเจ็ด

แต่มันไม่ใช่แค่พวกเขาที่อยู่ที่นี่และพยายามที่จะแก้ไขสถานการณ์ของทั้งเจ็ดเขต

เหมือนกับเอลวินไฮล์มที่พวกเขาพบในอบิส

มนุษย์ รวมทั้งฮันซูไม่อาจที่จะพบกับอคารอน แต่พวกเขาค้นพบอาร์ติแฟคของชายคนหนึ่งในขณะเดินทางไปทั่วอบิส

<เอลคาเดียน>

ภายในผลึกความทรงจำของชายที่เรียกตนเองว่าอคารอน มันได้มีวิธีการที่ชัดเจนในการรักษาภัยพิบัติแห่งความตายที่เกิดขึ้นในเขตสีส้ม

วิธีรักษาที่เขาค้นคว้าได้สำเร็จหลังจากผ่านไปนับร้อยปีในการเดินทางไปทั่วอบิสที่เวลาและมิติบิดเบี้ยว

เอลคาเดียนไม่อาจที่จะต้านทานสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายในอบิสได้และตายไป ทว่าผลึกที่เขาหลงเหลือไว้ด้วยความเศร้าโศกและวิธีการรักษาได้ถูกส่งมอบต่อให้กับมนุษย์

<ถ้ามีใครพบวิธีการรักษานี้… ได้โปรดไปยังโลกของเรา รักษาภัยพิบัติแห่งความตาย ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของเรา>

ในผลึกนั้นมีวิธีการรักษาสีถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่สามารถค้นพบได้เพียงในเขตสีส้มถูกเขียนเอาไว้

เอลคาเดียนได้สร้างวิธีรักษาโดยใช้วัสดุในอบิสขึ้นก่อนหน้า แต่เขาได้เตรียมการไว้เพื่อว่ามีใครบางคนไปโผล่ที่เขตสีส้มและพบวิธีการรักษานี้ด้วยวัสดุที่สามารถหาได้จากเขตสีส้ม

นักวิจัยที่ค้นพบสิ่งที่แสนซับซ้อนและเต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยนี้ทำได้เพียงแค่อุทานออกมา

แม้ว่ามันจะไม่ยากในการสร้างยารักษาด้วยวัสดุจากในอบิส ทว่าการสร้างยารักษาด้วยวัสดุจากเขตสีส้มแทบจะเรียกได้ว่ายากในระดับเดียวกับการสร้างมังกรด้วยลูกงูเลยทีเดียว

มันชัดเจนว่าเหตุใดอคารอนจึงไม่อาจหาวิธีการรักษามันได้

มันเป็นผลลัพธ์ที่เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นจากประสบการณ์และความรู้จำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้รับจากภายในอบิส รวมทั้งความพยายามในการช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ของตนเอง

มันมีข้อความหนึ่งจากเอลคาเดียนในช่วงสุดท้ายของผลึกความทรงจำที่มีวิธีการรักษา

<ข้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับนิสัยของผู้ที่เดินทางในอบิสมามากขณะที่ข้าเดินทางด้วยตนเอง มันไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะช่วยโลกของข้าหากข้าขอร้องพวกเขาโดยไม่มีสิ่งใดตอบแทน ดังนั้นแล้วข้าจะทิ้งคำใบ้ถึงรางวัลที่เจ้าจะได้รับหลังจากที่แก้ปัญหานี้ได้ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคือใคร เจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน หรือเจ้ามีเป้าหมายอะไร แต่… ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ผิดหวังกับรางวัล>

‘เอาเถอะ ฉันสามารถไปเอามันได้หลังจากที่เรื่องทั้งหมดสิ้นสุดลง’

เขาจะได้รับรางวัลนั้นก็ต่อเมื่องานของเขาในเขตสีส้มเสร็จสิ้น

ฮันซูเปิดปากขึ้นเพื่อจบบทสนทนา

“มันมีบางสิ่งที่เราต้องฆ่าเพื่อที่จะสร้างยารักษา”

“มันคืออะไร?”

เตกิลอนตัดสินใจที่จะสอบถามถึงรายละเอียดทีหลังในเมื่อหมอนี่คือคนที่ปกปิดไว้หลายเรื่องเกินไป และตัดสินใจที่จะมุ่งตรงไปจัดการความสงสัยของเขาก่อน

“มันถูกเรียกว่ามาร์กอช ดู ทิราดัส คิดว่างั้นนะ”

“… มาร์กอชสายพันธุ์ทิราดัส?”

เตกิลอนถอนหายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“เวรเอ้ย จะเจาะรูบนกะโหลกของกรากอซยังง่ายกว่า”

กรากอซเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจเอื้อม

ในเมื่อพวกมันอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าที่พวกเขาจะไปถึงได้

แต่เตกิลอน ผู้ที่ได้เข้าร่วมมหาสงครามครั้งที่สองที่ต่อต้านมาร์กอชรู้ดีถึงความน่าพรั่นพรึงและพลังของทิราดัสดีมากเกินไป

พวกเขาชนะมาร์กอช แต่การขับไล่พวกมันออกไปไม่ได้ง่ายดาย

ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เรียกมันว่ามหาสงคราม

มันควรจะเรียกว่าการสังหารหมู่ครั้งยิ่งใหญ่เสียมากกว่า

มาร์กอช ดู ทิราดัส

มาร์กอชที่เกรี้ยวกราดและทรงพลังที่สุดในบรรดาแปดสายพันธุ์

มันคือชื่อของสัตว์อสูรที่มีจำนวนน้อยที่สุด ทว่าสังหารหมู่อคารอนไปจำนวนมากที่สุด

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เยอะอยู่… งั้นเจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าอาหารของทิราดัสคือพวกมาร์กอชตรงนั้น?”

เตกิลอนชี้ไปยังมาร์กอชที่กำลังอ้วกพวกเขาออกมาและเดินห่างออกไปด้วยความสูงชะลูดหลายกิโลเมตรบนอากาศ

 


TL: ทดลองเป็นยุงกันค่ะ