บทที่ 97: เขตสีส้ม (3)

 

 

 

โซเฟียมองไปยังชายในชุดคลุมที่ยืนอยู่ข้างฮันซูก่อนจะเบะปาก
‘ฉันคงไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษสินะ’
โซเฟียที่กำลังเบะปากมองไปยังฮันซูก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“หมอนั่นจะไปด้วยเหรอ?”
ชายหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่ง
แต่ว่ามันไม่อาจหลอกลวงสายตาของโซเฟียได้
‘หมอนี่ หมอนี่คือคนที่เราจับได้บนต้นไม้’
หนึ่งในคนที่ดูเหมือนแฝด
แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกและทำตัวเหมือนมนุษย์ ทว่าข้อมูลจำนวนมากก็ได้ปรากฏขึ้นจากใน <ห้องสมุด>
ฮันซูเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
“หมอนี่จะช่วยพวกเรา อีกอย่างบ้านเกิดของเขาอยู่บนนั้น”
“… อย่างนั้นเหรอ?”
‘เขามาจากเขตสีส้ม? มันสามารถมายังฝั่งนี้จากฝั่งนั้นได้ด้วยหรือ?’
โซเฟียยอมแพ้หลังจากที่ความคิดจำนวนมากแล่นผ่านสมอง
แม้ว่าเธอจะรู้สึกสงสัย ฮันซูก็คงจะตอบถึงในระดับหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะกลบเกลื่อน
ในเมื่อมันมีเหตุผลที่ทำให้เขาตอบไม่ได้
โซเฟียแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเลออกมา แต่จากนั้นก็ทำเพียงยักไหล่
‘เอาเถอะ เขาคงจะมีแผน’
“จะยังไงก็เถอะ เราจะไปกันแค่สามคนหรือ? ในขณะที่คนอื่นๆ ไปแบบนั้นน่ะนะ?”
โซเฟียพึมพำขณะที่เธอมองไปยังกลุ่มลูกกิลด์จำนวนมากที่อยู่ห่างออกไป
ลูกกิลด์ฮีคาริมที่มีจำนวนเกือบหนึ่งหมื่นกำลังเตรียมตัวข้ามผ่านไปพร้อมกับเดินตรงมาจากระยะทางห่างออกไป
มันคือตัวเลือกที่ฉลาดกว่า
โลกที่พวกเขาไม่รู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับมัน
การไปพร้อมคนจำนวนมากย่อมดีกว่า
ฮันซูหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“มันไม่มีประโยชน์หรอก”
“หือ?”
เตกิลอนพึมพำขณะที่มองไปยังโซเฟียที่แสดงสีหน้างุนงงออกมา
‘โอ้ใช่แล้ว… ประตูมิติมันเชื่อมไปที่ไหนนะ?’
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถข้ามไปยังอีกฝั่งได้ ทว่าข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝั่งทั้งหมดจะถูกตัดขาด
แน่นอนว่าแม้จะเป็นเตกิลอนก็ไม่รู้ว่าประตูมิตินี้เชื่อมไปยังส่วนไหนของอีกโลก
เตกิลอนพึมพำขณะที่มองไปยังทะเลสาบอันเงียบสงบ

กร๊าซซซซ
สิ่งมีชีวิตตัวยักษ์ส่งเสียงดังสนั่นขณะที่มันเดินไปรอบๆ
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่ตัวใหญ่ราวกับหอคอยและยาวหลายกิโลเมตร
<มาร์กอช>
แม้ว่ามันจะตัวเล็กกว่ามัจฉาภัยพิบัติ ทว่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปลักษณ์คล้ายไดโนเสาร์ขนาดยักษ์ที่มีขนาดใหญ่โตเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถจินตนาการกำลังเดินเหยียบย่ำต้นไม้ใต้ฝ่าเท้าของมันขณะที่มันกำลังเดิน
แม้ว่าต้นไม้ในป่านั้นจะมีความสูงนับสิบเมตร ขนาดของมาร์กอชก็มากกว่าหนึ่งกิโลเมตร
มันดูราวกับกำลังเดินอยู่ในทุ่งหญ้า
และมีคนจำนวนหนึ่งกำลังเฝ้ามองมาร์กอชตัวนั้นอยู่
สมศักดิ์ นักผจญภัยปีสี่ในเขตสีส้มแสดงสีหน้างุนงงออกมาขณะที่มองไปยังมาร์กอชที่อยู่ห่างออกไป จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นกับคนที่อยู่ข้างกายเขา
“เคน ไม่ใช่ว่ามันราวๆ หนึ่งอาทิตย์แล้วเหรอที่ไม่มีคนใหม่มาเลย?”
เคนก็กำลังแสดงสีหน้างุนงงออกมาขณะที่เขาผงกศีรษะให้กับคำพูดนั้น
“ใช่… พวกเขาควรจะมาตั้งนานแล้ว”
จากนั้นเคนจึงนึกถึงตอนที่เขามายังโลกใบนี้จากเขตสีแดง
เขาได้หนีเข้าไปในกระจกเพราะเขาถูกอามิล สตาดัน หัวหน้ากองกำลังช๊อคทรูปเปอร์แห่งฮีคาริมไล่ล่าเพราะเขาบังเอิยไปแตะต้องผู้หญิงของหมอนั่น
มันเป็นเวลาที่กระจกได้เปิดขึ้นในหนึ่งเดือนพอดี
ในขณะที่เขากำลังว่ายน้ำข้ามทะเลสาบอย่างบ้าคลั่ง ประกายแสงสว่างจ้าก็ได้ส่องสว่างขึ้นจากส่วนลึกของทะเลสาบ เคนแทบจะเสียสติไปเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่พร้อมด้วยเกลียวคลื่นรุนแรง
‘การที่ประตูมิติจะเชื่อมต่อกับในปากของไอ้ตัวนั้นมันเกินไปจริงๆ’
<มาร์กอช>
สิ่งมีชีวิตที่มีปากขนาดยักษ์เหมาะสมกับขนาดของมัน
สถานที่ที่เคนได้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อถูกลำแสงอาบไล้คือในปากของมาร์กอช
‘เวรเอ้ย ถ้าฉันอ่อนแอกว่านี้ฉันก็คงตายไปแล้ว’
เคนมองไปยังมาร์กอชที่กำลังอ้าปากของมันออกกว้างอยู่ห่างออกไป
มาร์กอชที่อ้าปากของมันออกกว้างกระแทกปากของมันลงบนพื้น
งับบบ
แม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นสัตว์กินพืช ทว่าสาเหตุที่มันกัดพื้นไม่ใช่เพราะมันต้องการจะกินต้นไม้
มาร์กอชทำลายต้นไม้ที่ขวางทางออกไปก่อนจะกัดลงไปที่พื้น
พรวด พรวด พรวด
จากนั้นของเหลวสีแดงจึงทะลักออกมาจากบนพื้น
มาร์กอชรีบนำปากของมันทะลวงเข้าไปในนั้นและดื่มของเหลวสีแดงนั้นพร้อมกับกัดพื้นรอบๆ ไปด้วย
‘… ฉันออกมาจากตรงนั้นเมื่อหนึ่งปีก่อนงั้นเหรอ’
เขาคือนักผจญภัยปีสามเมื่อตอนนั้นด้วยพลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากเขาไม่อาจออกมาจากปากของมันได้ เช่นนั้นก็มีเหตุการณ์สองอย่างที่จะเกิดขึ้น
ถูกขยี้
หรือถูกกลืน
ส่วนที่เลวร้ายที่สุดของสัตว์อสูรตัวยักษ์เหล่านั้นที่ควรจะมีชีวิตอยู่แค่ในนิยายคือการที่มันใช้ปากของมันในการกินทุกๆ สามนาทีหรือราวๆ นั้นเพื่อที่จะหล่อเลี้ยงร่างกายอันใหญ่โตของพวกมัน
หากผู้ที่มาไม่อาจปรับตัวและเคลื่อนไหวได้เร็วพอ พวกเขาก็จะถูกบดขยี้อยู่ในปากของพวกมันและหายไป
กร๊าซซซซซ
เคนส่ายศีรษะเมื่อคิดถึงเรื่องราวเมื่อก่อน
มันไม่มีเหตุผลให้เขาสนใจ
ในเมื่อพวกเขาก็แค่ต้องทำในสิ่งที่พวกเขาต้องทำ
‘รีบๆ ไสหัวไปได้แล้วไอ้เวร’
มีเพียงแค่ตอนนั้นที่พวกเขาจะสามารถทำภารกิจต่อไปของพวกเขาได้
ในขณะที่เคน สมศักดิ์ และคนอื่นๆ กำลังเฝ้ามองสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ประกายแสงก็ได้ส่องสว่างขึ้นจากเขายาวบนศีรษะของมัน
มันเหมือนกับหอส่งสัญญาณ
ราวกับว่ามันได้รับข้อมูลจากบางแห่ง
สมศักดิ์แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาหลังจากมองเห็นภาพนั้น
“อะไรกัน? ทำไมประตูมิติถึงได้มาเปิดเอาตอนนี้? มันอาทิตย์หนึ่งแล้วนะ?”
มันไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้ถึงเวลาเปิดของประตูมิติ
หนึ่งครั้งต่อเดือน
เมื่อแสงส่องสว่างออกมาจากเขาบนศีรษะของมาร์กอช คนที่ข้ามมาจากเขตสีแดงผ่านกระจกจะถูกสุ่มเคลื่อนย้ายมาภายในปากของมาร์กอช
แต่ทำไมมันถึงได้มาสุ่มเปิดเอาตอนนี้?
กร๊าซซซซซซ!
มาร์กอชที่กำลังยุ่งอยู่กับการกินอาหารแสดงสีหน้ารำคาญออกมากับเหตุการณ์แปลกประหลาดในปากของมัน
มันหยุดกินอาหารราวกับว่ามันรู้สึกโมโหและเริ่มเคี้ยวฟันของมันเพื่อที่จะสลายความรู้สึกในปากก่อนที่จะอ้วกออกมา
กร๊าซซซซ
“อุ ความทรงจำเมื่อปีก่อนกลับมาเลย”
สมศักดิ์แสดงสีหน้าขยะแขยงออกมา
เสียงจำนวนมากดังขึ้นจากในอ้วกของมาร์กอช
“เหี้ยอะไรเนี่ย! นี่มันอะไร!”
“เวรเอ้ย! ทันทีที่พวกเราออกมาเลย!”
“เฮ้! ถ้าพวกนายไม่อยากถูกฆ่าก็รีบๆ ออกไปได้แล้ว!”
คนนับร้อยที่ออกมาจากในอ้วกผวาไปกับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขาขณะที่พวกเขาคลานออกมาจากกองอ้วกและวิ่งหนีไป
‘อืม อย่างน้อยพวกนั้นก็โชคดี’
เคนพึมพำ
เหตุผลที่คนส่วนมากสามารถมีชีวิตรอดได้เป็นเพราะเรื่องนั้น
หากไอ้สิ่งนั้นไม่อ้วกออกมา งั้นคนส่วนมากก็จะถูกเคี้ยวและบดขยี้
‘แน่นอนว่ามันก็มีข้อยกเว้น’
เคนมองไปยังมาร์กอชอีกตัวที่อยู่ห่างออกไป
มาร์กอชที่ดูจะอารมณ์ร้ายมากกว่าตัวอื่นๆ จากประกายตาของมัน
มันตะกละมากเสียงจนถึงจุดที่ยังคงกินต่อไปในขณะที่เขาของมันกำลังส่องแสง
ไม่สิ มันกระทั่งกินอย่างดุดันยิ่งกว่าเดิมเพื่อที่จะทำลายความรู้สึกไม่สบายในปากของมันด้วยการเคี้ยวและกลืนลงไป
เคนครวญครางอยู่ภายใน
มาร์กอชส่วนมากจะอ้วกออกมา ทว่าบางครั้งก็จะมีบางตัวที่มีนิสัยอารมณ์ร้ายทำแบบนั้น
ผู้ที่ออกมาจากปากของไอ้ตัวนั้นส่วนมากก็จะตายไปแบบนั้น
‘มันเป็นการตายที่ไร้ค่าจริงๆ’
ด้วยการถูกเคี้ยวจนตายทันทีที่พวกเขามายังเขตสีส้มที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้หลังจากที่ทะลวงฝ่าผ่านบทฝึกซ้อมและเขตสีแดงมาอย่างยากลำบาก
ในขณะที่เคนเดาะลิ้น ปฏิกิริยาแปลกประหลาดก็ได้เกิดขึ้นที่ตัวที่กำลังเคี้ยวพื้นอยู่
กร๊าซซซซ!
มันหยุดกินและแหงนศีรษะของมันขึ้น
ความหงุดหงิดหายไปจากสีหน้าของมันและความกราดเกรี้ยวได้เข้ามาแทนที่
หางตาของมันชี้ขึ้นจากความโกรธเกรี้ยวขณะที่สีหน้าของมันยิ่งเลวร้ายลง
ทว่ามันก็รักษาสีหน้านั้นอยู่ได้เพียงพักหนึ่ง
กร๊าซซซซ!
ความกราดเกรี้ยวได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความเจ็บปวดอย่างรวดเร็ว
คลื่นกระแทกและแสงสว่างจ้า ตามมาด้วยแรงระเบิดได้ปรากฏขึ้นภายในปากของมันขณะที่มันแสดงสีหน้าเจ็บปวด
ตูม! ตูม!
ครึ่ก
กร๊าซ!
หลังจากที่เสียงบางสิ่งแตกหักดังขึ้น มันก็ผวาไปพร้อมกับอ้าปากของมันเพื่อที่จะคายและอ้วกเอาทุกอย่างในปากของมันออกมา
ในยามนั้นเอง ร่างของคนนับสิบก็ทะยานออกไปในอากาศ
เคนแทบไม่เชื่อสายตาตนเองเมื่อเห็นภาพนั้น
‘… อะไรกัน ใครขึ้นมา?’
กระทั่งอามิล สตาดันที่ไล่ล่าตามฆ่าเขายังไม่อาจทำให้มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดได้
ในเมื่อร่างของมันใหญ่โตเกินไปสำหรับบาดแผลแค่นั้น
แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับมัจฉาภัยพิบัติ ทว่าร่างกายของมันที่สูงหลายกิโลเมตรและศีรษะที่มีขนาดเท่าสเตเดียมก็มีความทนทานเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถจินตนาการได้
‘ใครอยู่ในระดับนั้นในเขตสีแดง…’
ใครบางคนแล่นวาบผ่านในความคิดของเคน
คนเจ็ดคนที่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่นึกได้เมื่อพูดถึงคนที่แข็งแกร่งในเขตสีแดง
‘… เจ็ดเสี้ยววิญญาณ?’
ทว่าเคนส่ายศีรษะ
มันไม่มีใครที่ไม่รู้จักใบหน้าของเจ็ดเสี้ยววิญญาณ
ในเมื่อกิลด์ช่วยเหลือได้แสดงภาพของพวกเขาให้กับผู้ที่เดินทางไปรอบๆ โคนรากและบอกพวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาถูกฆ่าเพราะไปสร้างความหงุดหงิดให้คนเหล่านั้นอย่างไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
แต่คนที่อยู่ในปากของมาร์กอชห่างออกไป คนที่ยังคงอาละวาดอยู่ในภายในปากของมาร์กอชอย่างต่อเนื่องคือคนที่เขาไม่รู้จัก
‘เขาคือใคร?’
ตูม!
คนที่ทำลายพื้นใกล้ๆ ร่างของเคน
“แหวะ นี่มันอะไร”
โซเฟียมองไปยังของเหลวสีแดงที่อาบร่างของเธอด้วยความขยะแขยง
ในเวลาเดียวกัน โซเฟียก็เขาใจว่าทำไมฮันซูถึงได้บอกเธอว่ามันไม่มีประโยชน์
คลื่นพลังจำนวนมหาศาลได้กวาดพวกเขาไปในวินาทีที่พวกเขาถูกโอบล้อมไปด้วยลำแสง
คนที่อยู่ด้วยกัน เมื่อถูกคลื่นนั้นกวาดผ่านก็ถูกแยกกระจัดกระจายไปทุกที่
‘เวรเอ้ย มันไม่มีทางที่แฟรี่พวกนั้นจะส่งพวกเรามาง่ายๆ อยู่แล้ว’
คลื่นที่ดูเหมือนว่าจะถูกสร้างมาเพื่อแยกพวกเขาออกไปในทุกทิศทาง
‘ไมเคิล จุงม่า พวกนั้นคงจะต้องลำบากไม่น้อย ฮะฮะฮะ’
พวกเขาย่อมไม่ตายในเมื่อพวกเขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แต่พวกเขาคงต้องเจ็บปวดไม่น้อยหลังจากที่ต้องเสียคนนับหมื่นที่พวกเขาเตรียมมาไป
แน่นอนว่านกพิราบจำนวนมากที่บินว่อนไปทั่วท้องฟ้าก็เพื่อที่จะค้นหาพันธมิตรของพวกเขา
‘ดังนั้นสามคนก็คือขีดจำกัดที่หมอนั่นจะนำมา’
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ พวกเขาก็ไม่อาจที่จะต้านทานคลื่นนั้นได้โดยไม่มีพลัง
พวกเขาสามารถข้ามมาด้วยกันได้เพราะว่าพวกเขาอยู่ในระดับของฮันซูและโซเฟีย
หากเป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีพลังและความทนทานในระดับของฮันซูกับโซเฟีย งั้นพลังนั่นก็คงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถทนได้
มันอาจจะตายออกไปสำหรับพวกเสี้ยววิญญาณคนอื่นๆ แต่มันก็ยังคงมีขีดจำกัดที่ฮันซูและโซเฟียจะสามารถพามาด้วยได้
แต่เสี้ยววิญญาณคนอื่นๆ ปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับฮันซู ทำให้มีเพียงพวกเขาสามคนที่มาที่นี่
‘อืม เราคงจะเจอกับพวกนั้นอีกครั้งในที่สุด พวกเขาไม่ใช่คนที่จะตายง่ายๆ’
ในขณะที่โซเฟียกำลังมองไปรอบๆ เตกิลอนก็ตกอยู่ในอาการคิดถึงบ้านขณะที่มองไปรอบๆ
‘มันคือบ้าน’
สถานที่ที่เขาควรจะกลับมาทว่าไม่ได้ทำเช่นนั้นด้วยกลัวว่าเผ่าพันธุ์ของเขาจะสูญสิ้นไปแล้ว
มีเพียงแค่หลังจากที่เห็นมาร์กอชตัวยักษ์ที่พวกเขาต่อสู้ด้วยในอดีต ความรู้สึกถึงบ้านจึงได้กลับมายังเขา
‘… มันมีจำนวนมากขึ้นมากทั้งๆ ที่เราจัดการไปมากในช่วงมหาสงครามครั้งที่สอง’
แม้ว่าจะกวาดตามองไปครั้งเดียว มาร์กอชนับสิบก็เข้ามาอยู่ในสายตาของเขา
มาร์กอช
นักล่าขนาดยักษ์ที่ออกหากินไปทั่วเขตสีส้ม
มันอาจจะมีจำนวนมากกว่านี้ที่เดินไปทั่ว
เขารู้สึกว่าเผ่าพันธุ์ของเขากำลังตกอยู่ในอันตรายในโลกฝั่งนี้
เตกิลอนเอ่ยขึ้นกับฮันซูอย่างกระวนกระวาย
“รีบๆ ออกเดินทางกันเถอะ”
ตูม!
ในตอนนั้นเองที่สกิลสกิลหนึ่งลอยมาหาพวกเขา
เป็นสกิลที่ถูกเล็งมาอย่างดี
ขณะที่ฮันซูเหวี่ยงหอกของเขาเข้ารับมันเบาๆ คนจำนวนมากที่กำลังจ้องมองพวกเขาก็ตะโกนใส่พวกเขา
“เฮ้! เฮ้! ไอ้พวกโง่! มาทางนี้เร็วๆ! อย่ามาขวางทางพวกเรา! ไอ้พวกเชื่องช้าเอ้ย!”
‘หือ?’
โซเฟียเดาะลิ้นเพราะเธอรู้สึกสับสนเล็กๆ
ผู้คนตรงนั้นกำลังข่มขู่พวกเธอด้วยจำนวนและด้วยอาวุธในมือ
ข้อมูลจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับคนที่ยืนอยู่หน้าสุดปรากฏขึ้นในสมองของโซเฟีย
ชื่อคือเคน
นักผจญภัยปีสี่
‘เขาขึ้นมาที่นี่เมื่อปีที่แล้วสินะ งั้นเขาก็ควรจะรู้ว่าฉันคือใคร’
เธอไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับอีกฝ่าย แต่เธอกำลังรู้สึกเศร้าเล็กๆ เมื่อเธอถูกเมินแบบนี้
‘หรือ… เขามีใครบางคนหนุนหลังอยู่’
คิ้วของโซเฟียกระตุกถี่รัวกับการต้อนรับอันยอดเยี่ยมที่เธอได้รับทันทีที่เธอขึ้นมา

 

 


TL: มาต่อกันที่เขตสีส้มเลยยย