บทที่ 96: เขตสีส้ม (2)

“หืมม…”
ฮันซูคิดอยู่ชั่วครู่
ในเมื่อสิ่งที่เขาทำมันอันตราย ดวงวิญญาณเทพเจ้าก็ไม่เลว
ไม่สิ ชุดแห่งธาตุดีในด้านของความสมดุลระหว่างการโจมตีและการป้องกัน
แต่เขารู้ว่าจะครอบครองพวกมันได้อย่างไรที่ด้านบน
สกิลอย่างการสนับสนุนของมังกรปีศาจยากที่จะได้รับในอีกโลก
“สุ่มแล้วกัน เธอจะให้มันกับคนอื่นนอกจากฉันได้ไหม?”
‘… ฉันต้องคำนวณความเป็นไปได้ที่จะได้สกิลเหมือนกับสกิลลอร์ดจากคนตาย’
สกิลที่มีขีดจำกัดไม่เหมาะกับหมายเลขเดี่ยว
เขาไม่อาจที่จะใช้หนึ่งในเจ็ดช่องสกิลของเขาไปกับของแบบนั้น
มันจะดีกว่าถ้ามอบให้กับซังจินหรือคนอื่นที่เหมาะสม
เพราะประสิทธิภาพของสกิลกับผู้ใช้เองก็ไม่อาจเมินได้
แฟรี่ผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“อย่ากังวลไป ฉันจะให้คุณในรูปแบบของรูน คุณจะใช้มันอย่างไรก็เป็นเรื่องของคุณ”
แฟรี่ดึงถุงผ้าเล็กๆ ออกมา
“เอานี่! หยิบเอาจากในกระเป๋า”
“…”
มันคือการกระทำอย่างมีน้ำใจ
จากนั้นรูนที่ส่องประกายสีม่วงอมแดงก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับที่แฟรี่อุทานออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นมัน
“โว้ว มันคือคมมีดระบาด”
“คมมีดระบาด?”
สกิลที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
แฟรี่ยิ้มพร้อมกับที่มันพูดขึ้น
“มันเป็นสกิลของใครบางคนที่ทำลายโลกทั้งใบ ฮี่ฮี่ คนคนนั้นทำให้พวกเราสนุกมากจริงๆ อืม ฉันไม่มั่นใจว่ามันใช่สิ่งที่คุณต้องการรึเปล่า คุณจะใช้มันรึเปล่าล่ะ?”
ฮันซูหรี่ตาหลังจากที่ตรวจสอบคุณสมบัติของสกิลหลังจากที่ได้ยินคำพูดของแฟรี่

กร๊าซซซซ!
สัตว์อสูรถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง
พวกเขาได้เริ่มสร้างสัตว์อสูรขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ฟื้นคืนชีพต้นไม้โลกแล้ว
‘พวกเขาทำได้ดี’
ฮันซูมองไปยังสัตว์อสูรเหล่านั้นก่อนจะผงกศีรษะ
เขาได้มอบเสี้ยววิญญาณให้กับราชาวัยเยาว์ เตกิลอน รวมทั้งพลังทั้งหมด
เหนือกว่าพวกเขา แต่ในเวลาเดียวก็ก็ไม่เพียงพอที่จะฆ่าพวกเขา
เพราะแบบนี้ เหล่าผู้มาใหม่เลยกำลังฆ่าสัตว์อสูรอย่างไม่หยุดพักและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งเหมือนกันกับเขา
‘มันต้องใช้เวลาอีก… 3 วันก่อนที่ทะเลสาบจะเปิด’
มีเพียงยามที่ต้นไม้โลกรวบรวมมานาได้มากกว่านี้ ประตูมิติสู่เขตสีส้มจึงจะเปิดออก
มันมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องทำ
เติมเต็มคุณสมบัติในการขึ้นไปด้วยการรวบรวมรูน
‘อ่า ในที่สุดก็ได้พัก’
นี่คงเรียกได้เพียงแค่ว่าพัก
แม้ว่าเขาจะไม่มีรีลิคใดๆ ฮันซูก็เก่งกาจเกินกว่าที่สัตว์อสูรในเขตสีแดงจะสามารถทำอันตรายเขาได้
ฮันซูเหวี่ยงสามง่ามอัสนีในมือขวา
ฉัวะ
หอกที่ยาวกว่าสามเมตรเหวี่ยงไปมาในอากาศ สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกอริลล่าสูงห้าเมตรยกแขนขวาขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ
การตอบสนองที่รวดเร็วนี้ ทำให้มันสามารถหนีไปด้วยพร้อมกับบาดแผลเพียงเล็กน้อย
ทว่าในตอนนั้นเอง บางสิ่งได้เกิดขึ้น
บุ๋ง บุ๋ง
บางอย่างได้เริ่มเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่งจากแขนของกอริลล่า
โซเฟียที่มองฮันซูจากที่ไกลๆ แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
‘มัน… มันคือนั่นอีกแล้ว’
เห็ดสีเหลืองที่ปกคลุมบาดแผลได้เติบโตออกมาก่อนจะระเบิดออก
กรี๊ซซซ
ตูมมม!

สปอร์สีเหลืองสว่างระเบิดออกจากเห็ด ครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างของกอริลล่านั้นในเสี้ยววินาที
วนเวียนอย่างไร้ที่สิ้นสุด
สปอร์เกิดขึ้นอีกครั้งขณะที่มันกำลังหลอมละลายร่างของกอริลล่าจากบริเวณที่เห็ดถือกำเนิดขึ้นใหม่
เห็ดที่เกิดขึ้นใหม่ระเบิดออกอีกครั้งขณะที่มันแพร่สปอร์ไปทั่วทุกทิศทาง และสปอร์เหล่านี้ก็สร้างเห็ดขึ้นมาใหม่
ตูมม!
ตูมมม!
ไม่ช้า สัตว์อสูรนับร้อยรอบกายฮันซูก็ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกสปอร์
ร่างกายของพวกมันหลอมละลายขณะที่พวกมันดิ้นพล่านอยู่บนพื้นอย่างเจ็บปวดและดายไปอย่างเชื่องช้า กลายเป็นแหล่งกำเนิดเห็ดใหม่
ฮันซูผงกศีรษะขณะมองภาพที่ดูราวกับดอกไม้ไฟสีเหลืองได้ระเบิดออกไปทุกทิศทาง
‘ยอดเยี่ยม’
<คมมีดระบาด>
คมมีดแห่งไวรัสและเห็ด
ชื่อของมันเป็นมีด ทว่ามันคือสกิลที่เสริมสร้างผลพิเศษเข้าไปในการโจมตี
ผลของมันเรียบง่ายมาก
สร้างเห็ดที่จะแพร่กระจายออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุดและปนเปื้อนทุกสิ่ง
มันเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมากและยากที่จะกำจัดเมื่อมันมีปริมาณมหาศาล คนสามารถทำได้เพียงก้มหน้าอดทนรอจนกว่ามานาของเห็ดเหล่านี้หมด
แน่นอนว่ามันมีเงื่อนไขอยู่
มันจะเติบโตและแพร่กระจายจากมานาที่ใช้ในยามแรกเริ่ม
‘ในทางกลับกัน ตราบเท่าที่ยังมีมานาคอยเติม… ว้าว ฉันคงทำได้เพียงเชื่อในคำพูดของแฟรี่สินะ หืม’
ฮันซูเดาะลิ้น
เขาคิดว่าคำพูดของมันถึงต้นกำเนิดของสกิลนี้ที่มีใครบางคนได้ทำลายโลกทั้งใบเป็นเพียงแค่คำโกหก ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครคนหนึ่งจะสามารถต่อต้านโลกทั้งใบได้ เว้นเสียแต่พวกเขาจะสามารถควบคุมสิ่งที่ป้องกันอารยะธรรมทั้งหมดอย่างต้นไม้โลกได้
แต่เขาทำได้เพียงเชื่อหลังจากเห็นผลของมัน
หากมันยังคงแพร่กระจายออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด เช่นนั้นมันคงจะสามารถลบโลกทั้งใบไปได้
หากฮันซูใช้รีลิคและเศษเสี้ยวศิลาศักดิ์สิทธิ์ในการเติมเต็มมานาของมันและแพร่คมมีดระบาดนี้ งั้นเขาก็คงจะสามารถฆ่าคนเกินกว่าครึ่งของเขตสีแดงได้ด้วยการเหวี่ยงอาวุธครั้งเดียว
ปริมาณมานาที่หมอนั่นที่ทำลายโลกทั้งใบได้ย่อมไม่สามารถเทียบกับที่เขามีได้
มานาของฮันซูมีขีดจำกัด และมันยังมีขีดจำกัดว่าเขาจะสามารถทำได้แค่ไหน แต่มันเป็นสกิลที่น่าหวาดกลัวมากพอที่จะเทียบกับการสนับสนุนของมังกรปีศาจได้จริงๆ
‘… แต่มันใช้มานาเยอะจริงๆ ฉันต้องหาวิธีใช้แบบอื่นของมันทีหลัง’
เขาสามารถรับรู้ถึงมานาที่กำลังหมดลงอย่างรวดเร็วของตนเองได้ แม้ว่าจะเหวี่ยงอาวุธออกไปเพียงไม่กี่ครั้ง
มันคือสกิลที่มีข้อดีข้อเสียชัดเจน ไม่เหมือนการสนับสนุนของมังกรปีศาจที่มีความสมดุลอย่างน่าตะลึง
ทว่าฮันซูไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าขณะที่มานาของเขาหมดลง ชายหนุ่มยังคงรักษาสภาพปกติและเหวี่ยงอาวุธออกไปอีก 2-3 ครั้งเพื่อฆ่าล้าง
‘ฉันคงต้องเตือนพวกเขาเผื่อไว้’

โซเฟียเผยสีหน้ากระอักกระอวลขณะมองไปยังฮันซูที่อยู่ห่างออกไป
‘ฉันกังวลอย่างไร้ประโยชน์’
คนที่ตกใจที่สุดยามที่ฮันซูโยนรีลิคทิ้งคือโซเฟีย
ในเมื่อเขาแทบจะไร้เทียมทานยามที่มีรีลิค เขาไม่ได้ไร้พ่ายยามที่ไม่มีพวกมัน
ในเมื่อเธอมีสกิลที่เชี่ยวชาญมากกว่า และลักษณะพิเศษที่แข็งแกร่งกว่า
แหวนและเกราะของเขาแข็งแกร่งมาก แต่เธอมีอาร์ติแฟคมากกว่า
เธอทำได้เพียงแค่กังวล
ในเมื่อเธอรับมือกับเขาได้อย่างยากลำบาก นั่นหมายความว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับเศษเสี้ยววิญญาณคนอื่นๆ
เขาอาจจะมีปัญหากับคนจากหกขั้วอำนาจในเมื่อคนพวกนั้นไม่ชอบเขา
จงซางมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กๆ เช่นกัน
แต่มันเป็นเรื่องเมื่อสองสามวันก่อน
หลังจากที่เห็นหอกสีทองแปลกประหลาดและสกิลที่ไม่ชอบมาพากล พวกเขาก็แสดงสีหน้าที่แสดงว่าพวกเขาไม่ต้องการอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย
และผู้คนที่มองอยู่ห่างออกไปล้วนแสดงสีหน้าสะพรึงกลัวออกมาเช่นกัน
โซเฟียมองไปยังฮันซูที่กำลังเก็บรวบรวมรูนทั้งหมดและเดินมาทางเธอพร้อมเอ่ยถาม
“เราจะเดินทางยังไงถ้าเราขึ้นไป?”
พวกเขาแข็งแกร่ง
แต่พวกเขาติดอยู่กับกำแพงมาราว 5-6 ปีแล้ว
ในเมื่อมันผ่านไปหลายปีแล้วที่พวกเขารวบรวมสกิลที่ดีที่สุดที่จะสามารถหาได้จากที่นี่และเติมเต็มความเชี่ยวชาญของพวกมันจนเปี่ยมล้น
และประสบการณ์ต่อสู้ของพวกเขาไม่อาจเพิ่มขึ้นได้ ในเมื่อพวกเขาไม่มีคู่ต่อสู้อีกต่อไป
แต่คนเหล่านั้นที่ได้ครอบครองสกิลและอาร์ติแฟคที่ดีกว่าในเขตที่เหนือกว่า และต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าย่อมแข็งแกร่งกว่าพวกเขา
ในเมื่อมันก็ยังคงมีคนที่อยู่ที่นั่นมากว่า 5-6 ปีและไม่ได้จากไปเหมือนกับเศษเสี้ยววิญญาณด้วยเหตุผลบางอย่าง
อาร์ติแฟคที่พวกเขาครอบครองแทบจะไร้เทียมทานที่นี่ แต่มันไม่อาจใช้กับข้างบนได้ และอาร์ติแฟคสีส้มที่พวกเขาได้ครอบครองเองก็ไม่ได้มีคุณภาพสูงขนาดนั้น
‘หืม แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง?’
เธอถามเพราะว่าความแตกต่างในด้านพลังระหว่างเธอกับเขา แต่มันไม่มีทางที่เขาจะรู้
แต่ไม่เหมือนที่โซเฟียคิด ฮันซูกำลังคำนวณทุกอย่างอย่างละเอียดในสมอง
‘แม้ว่าเธอจะไม่อ่อนแอ… โซเฟียคือผู้แข็งแกร่งปีห้า เศษเสี้ยววิญญาณอยู่ที่ระหว่างปีหกช่วงแรกกับปีหกช่วงกลาง ฉันควรจะอยู่ประมาณปีเจ็ด’
อาร์ติแฟคที่พวกเขาครอบครองเป็นเพียงของระดับต่ำในเขตสีส้ม
ระยะเวลาของคนที่ขึ้นไปจากเขตสีแดงสู่เขตสีส้มส่วนมากคือสี่ปี
พวกเขาจะไม่เหมือนพวกคนที่อยู่มาสี่ปีที่เพิ่งขึ้นไปเพราะความเชี่ยวชาญสกิลของพวกเขา แต่มันจะยากสำหรับพวกเขาในการต่อสู้กับผู้ที่ครอบครองอาวุธอุปกรณ์ที่ดีกว่าจากเขตสีส้ม
‘อืม มันจะถูกแก้ไขหลังจากที่เราขึ้นไป’
ฮันซูหยุดความคิดของเขาจากนั้นจึงมองไปยังทะเลสาบยักษ์ กระจก ซึ่งอยู่ห่างออกไป
เขาจะไปทันทีที่มานาของทะเลสาบเต็มในเมื่อรูนของเขาแทบจะเต็มแล้ว
โซเฟียที่มองฮันซูอยู่ตลอดเอ่ยถามบางอย่างที่เธอสงสัยขึ้นมา
“นายรู้เรื่องทั้งหมดนั่นได้ยังไง?”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
“ต้นไม้ยักษ์นั่นกับรีลิค”
นิสัยโดยปกติของโซเฟียค่อนข้างชื่นชอบการแข่งขันและเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่มันมีไม่กี่อย่างที่ทำให้นิสัยเหล่านี้ของเธอเผยออกมาในช่วงหลัง
เธอได้แข็งแกร่งขึ้นเท่าที่เธอจะทำได้ ดังนั้นเลยไม่มีใครที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างแข่งขันด้วย
แม้ว่าอีกหกเสี้ยววิญญาณจะแข็งแกร่งกว่าเธอ แต่พวกเขาก็อยู่มานานกว่า 7-8 ปี
ในด้านพรสวรรค์ เธอยอดเยี่ยมกว่ามาก
มันไม่มีอะไรให้สงสัยมากนัก
ในเมื่อมันไม่มีที่ไหนในเขตสีแดงที่เธอไม่เคยไปมาก่อน
และสถานที่ที่เธอไม่เคยไปคือสถานที่ที่อันตรายเกินกว่าที่เธอจะไปจากเพียงแค่ความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
แต่หลังจากที่พบกับฮันซู นิสัยทั้งสองของเธอก็ถูกกระตุ้นอย่างบ้าคลั่ง
ฮันซูยักไหล่ก่อนจะเอ่ย
“พลังจิต”
“อย่ามาไร้สาระ ลักษณะพิเศษของนายไม่ใช่อันนั้น”
ฮันซูล่าเพื่อที่จะเติมเต็มรูนของเขา แต่โซเฟียไม่มีอะไรให้ทำในเวลา 2-3 วันที่ผ่านมา
เล่นกับคามิลเลียก็เริ่มน่าเบื่อ
โซเฟียได้ใช้เวลาที่เหลือของเธอในการสังเกตฮันซูและสรุปมันจากลักษณะพิเศษของเธอ ห้องสมุด
‘เขาไม่ใช่พวกสายข้อมูลแบบฉัน’
สายข้อมูล
คำที่จะใช้เรียกลักษณะพิเศษที่ช่วยผู้ครอบครองในการล่วงรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาไม่อาจรู้ได้ด้วยความรู้ในปัจจุบัน
แต่ฮันซูหัวเราะและปฏิเสธที่จะตอบ ดวงตาของโซเฟียหรี่ลง
‘มันเป็นความลับงั้นเหรอ’
มันมีบางอย่างมากกว่านั้น แต่เธอไม่อาจคิดออกได้ว่ามันคืออะไร
‘หืมม… หืมมมม’
โซเฟียครุ่นคิดอยู่ภายในใจก่อนที่จะตัดสินใจ

สามง่ามอัสนีในมือขวา
แหวนเนอร์มาฮาในมือซ้าย
ทหารพันเกราะรอยกาย
ฮันซูที่เติมเต็มรูนของเขาแล้วมองไปยังทะเลสาบที่มีน้ำเต็มปริ่ม
มันจะไม่เปิดเพียงหนึ่งครั้งต่อเดือนอีกต่อไป
ในเมื่อพลังกำลังไหลเวียนไปทั่วต้นไม้โลก
‘ถึงเวลาต้องขึ้นไปแล้ว’
ฮันซูที่มองไปยังกระจกที่เตรียมพร้อมที่จะรับใครก็ตามตลอดเวลาแล้วคิดถึงซังจินที่เขาจะไปพบในไม่ช้าก่อนจะเอ่ยไปยังโซเฟียที่อยู่ข้างๆ
“เธออยากจะไปกับฉันไหม?”
โซเฟียผงกศีรษะ
“ฉันรู้ว่าลักษณะพิเศษของนายไม่ใช่สายข้อมูล มาทำอะไรที่มัน วิน-วิน กัน นายไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างบน มันจะดีกว่าถ้าเราช่วยเหลือกัน”
ความคิดที่จะติดตามอีกฝ่ายไปเกิดขึ้นเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเธอ เธอไม่อาจพูดเรื่องนี้ออกไปได้เพราะศักดิ์ศรี ดังนั้นเธอจึงใช้การเอาชีวิตรอดมาเป็นข้ออ้างและเฝ้ารอคำตอบอย่างกระวนกระวาย
‘เขาจะปฏิเสธไหม?’
มันอาจจะเกิดขึ้น
‘ไม่ มันให้ความรู้สึกเหมือนเขาปฏิบัติกับฉันอย่างดี ไม่มีทาง’
หลังจากเฝ้ามองมา 2-3 วัน เธอก็ค้นพบว่าอีกฝ่ายค่อนข้างใจดีกับเธอ
เขามักจะตอบคำถามทุกอย่างของเธออย่างใจดี
‘ฉันเดาว่าความสวยคงจะได้ผลอีกแล้ว’
แม้ว่าพลังคือส่วนหลักของอีกโลก ดังนั้นคนส่วนมากจึงไม่ได้เข้าใกล้เธอง่ายๆ แต่ในโลกจริง มันมีผู้ชายจำนวนมากที่ติดตามเธอไปรอบๆ ตอนที่เธอยังอยู่ในมหาลัย
ฮันซูเดาะลิ้นมองไปยังโซเฟียที่กำลังชื่นชมตัวเองอยู่ในใจ
เพราะความทรงจำเก่าๆ
โซเฟีย เวอร์จิร่า
สมาชิกของกองพันสุดท้ายที่ประกอบไปด้วยมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด 100 คน
เพื่อนร่วมรบของเขา
ผู้หญิงที่นำเขาไปมาราวกับคุณครูในตอนที่เขายังเดินทางอยู่ในอีกโลก
<เอาเถอะ ถ้านายอยากจะตามมางั้นก็ตาม เราควรจะช่วยเหลือกัน>
นี่คือคำพูดที่โซเฟียบอกเขายามที่พวกเขาพบกันครั้งแรก
แน่นอนว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยแล้วในตอนนี้
โซเฟีย คนที่ค้นพบเขาและสมบัติของมิยาโมโตะขณะที่พวกเขาพยายามเอาชีวิตรอดจากหกขั้วอำนาจและสิบสามรากแห่งเขตสีแดงก่อนจะขึ้นไปเมื่อไม่เหลือใครให้ต่อสู้ด้วยแล้ว
มันคือสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในอีกสองปีต่อจากนี้
‘ดีใจที่เจอเธออีกครั้ง’
“แน่นอน ไปด้วยกันสิ”
ฮันซูหัวเราะขณะมองไปยังโซเฟีย

————————————
TL: ไม่ได้แปลนานจนลืมอะไรไปหลายๆ อย่างเลยล่ะค่ะ… ถ้าชื่อสกิลเปลี่ยนแปลงไปก็ขออภัยด้วยนะคะ