บทที่ 97 การคาดการณ์ของชายหน้าบาก

เย่เฟิงมาถึงยังคาสิโนเทียนหัวอีกครั้ง เวลานี้มีรถตำรวจรายล้อมอยู่ด้านนอกเต็มไปหมด ตรงนั้นเย่เฟิงเห็นรองผู้กำกับร่างอ้วนหลิวลี่ฮุยอยู่ท่ามกลางฝูงชน

ผู้คนที่อยู่รอบๆกำลังพูดกันถึงเรื่องการสังหารหมู่ในคาสิโนเทียนหัวจนเสียงดังเซ็งแซ่ไปหมด

ทันทีที่เย่เฟิงและชายหน้าบากกลับมาจากการเดินไปทางไปยังภูเขาฉางไป่ พวกเขาเห็นกลุ่มคนติดอาวุธหลายคนจ้องรอเล่นงานพวกเขาอยู่ ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายเย่เฟิงจึงเป็นผู้ลงมือจัดการพวกนั้นเองทั้งหมด แถมเขายังฆ่าซ่งเทียนยิงและผู้ติดตามอีกสองคนด้วยการโยนลงมาจากตึก เท่ากับว่าชายหนุ่มได้ฆ่าคนไปกว่า 7-8 คนในเวลาเพียงครู่เดียว

เรื่องใหญ่ขนาดนี้หลิวลี่ฮุยจึงต้องออกหน้าจัดการด้วยตนเอง

“…ฉันพึ่งจะกลับมาจะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน นายถามอะไรฉันก็ไม่รู้หรอก ลองไปถามเอาจากซ่งหู่ละกัน”

ชายหน้าบากกำลังอธิบายแก่หลิวลี่ฮุย

“เรื่องนี้คงต้องมีการสืบสวนกันอย่างละเอียด ที่เหลือก็จัดการไปตามกฎหมายเท่านั้นแหละ”

นายตำรวจอ้วนลงพุงหลิวลี่ฮุยได้รับมอบหมายให้มาจัดการอาชญากรรมที่เกิดขึ้นที่นี่ เขากำลังสั่งงานดูขึงขังกับลูกน้องทั้งหลาย เมื่อชายอ้วนเห็นเย่เฟิงเดินเข้ามาสายตาของเขาเปล่งประกายแวบนึงและรีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มพลางยิ้ม “น้องเย่ อะไรทำให้น้องเย่มาที่นี่กัน ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างจะไม่ดีเท่าไหร่ น้องเย่เฟิงไม่จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องหรอกนะ…”

ในเมื่อไม่มีใครบอกว่าเป็นฝีมือของเย่เฟิงดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่หลิวลี่ฮุยจะรู้ว่าเย่เฟิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เต็มๆ

“เกี่ยวกับคนพวกนี้มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมหรอก แต่หน้าบากเป็นคนไปกับผมด้วย แล้วเราก็ใช้รถฮัมเมอร์คันนี้เดินทางไป”

เย่เฟิงชี้ไปยังรถฮัมเมอร์ H2 ที่จอดอยู่ใกล้ๆ

“ใช่แล้ว”

หน้าบากตอบรับเช่นกัน

ในเมื่อหลิวลี่ฮุยไม่สามารขัดขวางอะไรได้เขาจึงได้แต่ยืนมองทั้งสองคนเดินไปทางรถฮัมเมอร์ ตำรวจอ้วนส่ายหน้าอย่างเหนื่อยล้าเล็กน้อย ในเมื่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นหากเขาไม่สามารถหาตัวฆาตกรได้คงได้แต่อธิบายว่าเป็นเรื่องของพวกกลุ่มอาชญกรใต้ดินต่อสู้กันและมีคนตายเท่านั้น

ดูเหมือนว่าอีกไม่นานนักในเมืองเหยียนจิงแก๊งใหญ่ทั้งสามแก๊งกำลังจะเดินมาถึงจุดที่หวนกลับไม่ได้แล้ว
เย่เฟิงที่เดินไปกับชายหน้าบากสังเกตุว่าศพของเจ้าอี้เปยหายไปแล้ว

“ก่อนหน้านี้ผมให้คนเอาร่างเขาไปแล้ว พรุ่งนี้เราจะทำการเผาศพของเขา”

ชายหน้าบากดูหดหู่ยิ่งนัก

“ยังไงก็โทรบอกฉันตอนงานศพเขาด้วยนะ ฉันเสียใจด้วย”

เย่เฟิงกล่าวจบก็นิ่งเงียบไปเป็นระยะเวลานาน น่าเสียดายที่ระดับพลังเขายังไม่ถึงสิบปี มิฉะนั้นเขาจะใช้ทักษะเซียนเก็บรักษาดวงวิญญาณเจ้าอี้เป่ย…

“ไม่เลย พี่เย่เป็นคนฆ่าซ่งเทียนยิงแก้แค้นให้เจ้าอี้เป่ย เท่านี้ก็มากพอแล้ว”

ชายหน้าบากพูดจบพลันตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง “พี่เย่ ผมมีเรื่องจะปรึกษาพี่อยู่”

“หือ? ว่ามาสิ”

เย่เฟิงพยักหน้า

“วันนี้ถ้าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมจะออกจากแก๊งอสรพิษสวรรค์…. จากนั้นจะติดตามรับใช้พี่เย่ พี่เย่คิดว่าอย่างไรบ้าง?”

“Today, when this thing will be over, then I will give up this Heavenly Serpent gang …………. and will tag along with you, what do you think about it?”

ชายหน้าบากพูดอย่างหวาดหวั่นบ้าง เขารู้ดีว่าเย่เฟิงใช้งานเขาเพราะว่าตำแหน่งและอิทธิพลในแก๊งอสรพิษสวรรค์ ถ้าเกิดเขาออกจากแก๊งไปแล้วไม่รู้ว่าเย่เฟิงจะยังต้องการเขาอยู่หรือเปล่า?

ถึงอย่างไรก็เถอะ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือการฝึกวรยุทธ์เพื่อช่วยเหลือเย่เฟิง ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อการแก้แค้นกับคนที่ฝากรอยแผลบนหน้าเขาไว้ แต่เขายังต้องการปกป้องคนสำคัญของเขาอีกเช่นกัน ชายหน้าบากไม่อยากให้เรื่องน่าเศร้าแบบเจ้าอี้เป่ยเกิดขึ้นกับคนที่เขารักอีก

“ตอนนี้สถานการณ์ของแก๊งอสรพิษสวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง?”

เย่เฟิงยังไม่ได้ตอบแต่กลับเลือกที่จะย้อนถาม

“บริษัทรักษาความปลอดภัยของเราถูกพวกไช่อู๋และซ่งหู่ยึดไปหมดแล้ว นอกจากนี้คนส่วนใหญ่ของผมก็เลือกไปอยู่ฝากพวกมัน ตอนนี้ผมเหลือคนที่ไว้ในได้อยู่ประมาณยี่สิบถึงสามสิบคน”

ชายหน้าบากส่ายหัว เขารู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่ดีเลย “ซ่งหู่มันวางแผนไว้ดีมาก ไม่ใช่แค่มันร่วมมือกับพวกมังกรดำเท่านั้น แต่พวกเอกสารทางกฎหมายต่างๆมันก็เป็นคนจัดการทั้งหมด ยิ่งกว่านั้นผมรู้สึกว่ามันน่าจะมีใครบางคนให้ท้ายอยู่เบื้องหลัง…..”

“องค์กรลึกลับงั้นเหรอ?”

สานตาของเย่เฟิงเย็นชา องค์กรนี้เป็นคนที่ส่งคนมาลอบฆ่าเขา ดังนั้นพวกมันถือว่าเป็นศัตรูกับเย่เฟิงไปแล้ว เมื่อเวลาอันสมควรมาถึงเย่เฟิงจะทำการสืบสาวหาตัวจริงของอีกฝ่ายและถอนรากถอนโคนมันให้หมดสิ้น

มิฉะนั้นการต้องมาคอยระวังข้างหลังอยู่ตลอดเวลามันไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกเสียเลย

“น่าจะเป็นเช่นนั้นครับ”

หน้าบากตอบด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง อ๋อใช่แล้ว ตอนนี้ทรัพย์สินที่มีอยู่เหลืออะไรบ้าง”

เย่เฟิงถามอีกครั้ง

ชายหน้าบากที่ได้ยินรีบตอนทันที “มีรถ BMW รถฮัมเมอร์ โกดังของคาสิโนเทียนหัวที่เก็บพวกเงินสดกับทองไว้ น่าจะมีมากกว่าสิบล้าน…. เท่านี้แหละพี่เย่ คาสิโนเทียนหัวก็ถูกเขียนชื่อไว้ว่าเป็นของซ่งหู่ไปแล้ว”

“อืม ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ก็ลืมเรื่องการออกจากแก๊งไปก่อน”

เย่เฟิงส่ายศรีษะและกล่าว “นายต้องจัดการเรื่องนี้ใหม่ตั้งแต่ต้น ใช้ลูกน้องที่เชื่อใจได้ค่อยๆเริ่มสร้างตัวใหม่และพยายามอย่าทำตัวเด่นมาก เมื่อเวลามาถึงฉันจะเริ่มสอนวรยุทธ์นายเอง”

“ได้เลยครับ!”

ชายหน้าบากพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง

เพื่อที่จะกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งมันจะต้องทุ่มเทอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นจะให้กลับมามีความแข็งแกร่งและอิทธิพลเหมือนแต่ก่อนที่เขาใช้เวลามากว่าสิบปีในการสร้างมัน บอกได้เลยว่าไม่ง่าย เพียงแต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไป อย่างน้อยเพราะการตายของเจ้าอี้เป่ยทำให้ชายหน้าบากตัดสินใจอย่างต่างๆอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น

เขาเชื่อว่าเย่เฟิงจะต้องนำพาพวกเขาไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างแน่นอน!

“แล้วซ่งหู่ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนแล้ว?”

สายตาเย่เฟิงฉาบไปด้วยความเย็นชาขณะเอ่ยถาม

เพื่อที่จะขจัดภัยคุกคาม เขาไม่อาจะปล่อยให้มีเรื่องเล็กน้อยมาสร้างปัญหาได้!

“ที่พระราชวังครับ”

ชายหน้าบากพูดแต่เมื่อเห็นว่าเย่เฟิงสงสัยจึงรีบอธิบายต่อ “ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเหมืองเหยียนจิงมีคลับราชาที่เป็นของกลุ่มมังกรดำอยู่ ผู้คนเรียกมันว่าพระราชวัง”

“เข้าใจแล้ว นายก็รีบกลับไปทำงานเถอะ”

เย่เฟิงผงกหัวตอบรับ จากนั้นเขาเอ่ยถามถึงตำแหน่งและสถานการณ์ของพระราชวังที่ว่านี้เสร็จ ชายหนุ่มจึงออกจากรถและมุ่งไปตามถนนมืดๆพร้อมกับหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมใส่

เย่เฟิงและโม่จิ่วเกอคือคนๆเดียวกัน ยกเว้นแค่หลงหวางเอ๋อและเย่เวิ่นเทียนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเย่เฟิงจึงยังใส่หน้ากากเพื่อปิดบังสถานะที่แท้จริงของเขาไว้จากคนภายนอก!

สำหรับเรื่องที่ลงมือสังหารผู้คนเย่เฟิงเลือกที่จะไม่ใช้รถดีกว่าเพื่อที่จะไม่ทิ้งร่องรอยหลักฐานอะไรไว้ เขาใช้ย่างเก้าไร้เงาจนมีความเร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชม.ในเมือง ยิ่งกว่านั้นชายหนุ่มยังไม่ต้องคอยระวังไฟแดงต่างๆเขาจึงเคลื่อนไปต่อไปอย่างรวดเร็ว

ภายใต้เงาของเมืองมีภาพติดตาสลัวๆของเย่เฟิงปรากฎและหายสลับกันไปไม่หยุดยั้ง ราวกับว่าเขาเป็นปีศาจไปแล้ว ชายหนุ่มมุ่งตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไม่นานนักเขาเห็นตึกหรูหราอยู่ข้างถนนเป็นไปตามที่ชายหน้าบากบอกไว้

คลับราชา!

เมื่อเทียบกับคาสิโนเทียนหัวแล้วมันดูหรูหรายิ่งกว่า ไม่เหมือนกับบาร์ข้างถนนที่มีเสียงอึกทึก ที่นี่มีบรรยากาศของชนชั้นสูงเพราะว่าธุรกิจของกลุ่มมังกรดำหลักๆแล้วเกี่ยวข้องกับเจ้าสัวมีอิทธิพลต่างๆมากมาย เรียกได้ว่าแตกต่างคนละระดับกับแก๊งอสรพิษสวรรค์โดยสิ้นเชิง

ในสายตาของคนภายนอกแก๊งอสรพิษสวรรค์เป็นแค่บริษัทรักษาความปลอดภัยเท่านั้น

เย่เฟิงที่สวมใส่หน้ากากไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ก่อนที่จะสวมใส่ จากนั้นตรงไปยังจุดหมายของเขา ทันทีที่ชายหนุ่มไปถึงเขาย่างเท้าเข้าไปข้างในสบายๆ

ชายหน้าบากที่อยู่ในฐานะของหัวหน้ากลุ่มอสรพิษสวรรค์มีความคุ้นเคยกับสถานที่พระราชวังแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงอธิบายโครงสร้างคร่าวๆให้แก่เย่เฟิงหมดแล้ว

เย่เฟิงเดินเข้ามายังด้านใน เขาไม่สนใจสาวสวยที่กำลังจ้องเขาอยู่และนั่งตรงโต๊ะด้านหน้าคลับแม้แต่น้อย ชายหนุ่มตรงไปที่ลิฟท์และกดปุ่มไปยังชั้นสี่ พระราชวังเน้นพื้นที่ที่กว้างขวางมากกว่าดังนั้นจึงไม่ได้สูงมากนัก ชั้นสี่จึงเป็นชั้นบนสุด แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายในแต่ละชั้นดูฟุ้งเฟ้อมาก มันจึงทำให้เหล่านายทุนหรือเจ้าสัวทั้งหลายชอบมายังที่แห่งนี้

……………….

ภายในพระราชวังที่ชั้นสี่มีห้องประชุมที่ตกแต่งอย่างหรูหราอยู่ ในนั้นมีคนอยู่ห้าคนกำลังนั่งประชุมอะไรกับบางอย่าง

หัวหน้าของกลุ่มมังกรดำตู้ปางหลงและคนติดตามระดับสูงอีกสองคนกำลังคุยกับซ่งหู่แห่งกลุ่มอสรพิษสวรรค์ที่ประกบด้วยหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทรักษาความปลอดภัยอสรพิษสวรรค์ ทั้งห้าคนกำลังสนทนาด้วยท่าทีที่เคร่งเครียด

“ลูกชายของฉันถูกฆ่าแล้ว”

ซ่งหู่ที่วางโทรศัพท์ลงมีสีหน้าเศร้าหมอง แล้วเอ่ยต่อ “ยิ่งกว่านั้นเจ้าเด็กหนุ่มสกุล ‘เย่’ ก็ยังไม่ตายด้วย”

ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นพึ่งเข้าหูเขาเมื่อกี้นี้เอง

……………………………….

แปลโดยทีมงานGSI