บทที่ 88 การฝึกวรยุทธ์ของดาวโรงเรียน

ตอนนี้เย่เฟิงอยู่ในอารมณ์เดือดดาดเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นซูซินฉางคุกเข่าอยู่หน้าทางเข้าห้อง เขาไม่ได้พูดอะไรมาก “พาเขาไปที่บ้าน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา”

เวลานี้ชายหนุ่มอยากจะพาซูเหมิงหานกลับไปที่บ้านให้เร็วที่สุด เพื่อจะขจัดยาเสพติดที่อยู่ในร่างของเด็กสาวออกไปด้วยเจินชี่ของเขา

“เข้าใจแล้วครับ”

ตอนนี้ ชายหน้าบากเรียกเย่เฟิงว่าพี่เย่ต่อหน้าคนอื่น ซึ่งคนพวกนั้นก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรมากมายนัก

เรื่องที่เย่เฟิงมีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินนั้น เป็นที่รู้ไปทั่วเมืองเหยียนจิง แน่นอนว่าคนของแก๊งอสรพิษสวรรค์ย่อมทราบเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้น เย่เฟิงจะเป็นแค่ญาติผู้น้องของชายหน้าบากไปได้อย่างไร?

“แต่พี่เย่”

ชายหน้าบากคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ซ่งหู่ไม่อยู่ที่นี่ มันอาจจะไปพูดคุยกับสมพันธ์มังกรดำ เช่นนั้น พวกเราควรจะเคลื่อนไหวต่ออย่างไรดีครับ?”

“สำหรับเรื่องของแก๊ง ฉันจะไม่ออกคำสั่งอะไร นายสามารถทำได้ตามที่สมควร”

เย่เฟิงส่ายหน้า และออกจากห้องไปพร้อมกับร่างอันผอมบางและนุ่มนวลของซูเหมิงหาน

ชายหนุ่มไม่สนใจเรื่องของแก๊งแม้แต่น้อย แต่สำหรับเรื่องของซ่งหู่ เขาจะต้องฆ่ามันแน่! แต่ในเมื่อตอนนี้ มันไม่อยู่ที่นี่ เขาจะปล่อยให้มันมีชีวิตไปก่อน หากเสร็จเรื่องของซูเหมิงหานเมื่อไหร่ เขาจะไปจัดการกับมันทันที

“พวกนายสองคนไปส่งพี่เย่ที่บ้านด้วย”

ชายหน้าบากออกคำสั่งกับชายชุดดำร่างสูงสองคน นำตัวซูซินฉางกลับไปที่หมู่บ้านชิงเฟิงตามความต้องการเย่เฟิง

เพียงแค่คิดถึงการตายของจ้าวอี้เปย ทันใดนั้น ชายหน้าบากก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง หลายปีมานี้ที่เขาทำงานหนักเพื่อสร้างแก๊งอสรพิษสวรรค์ขึ้นมา แต่เขากลับปกป้องคนที่เขารักเอาไว้ไม่ได้

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเย่เฟิง ชายหน้าบากได้คิดในใจว่าหลังจากแก้ปัญหาทั้งหมดเสร็จ เขาจะขอติดตามเย่เฟิงตั้งแต่นั้นไป ชายหน้าบากตั้งมั่นในใจแล้วว่าวันข้างหน้า เขาจะสามารถฝึกวรยุทธ์ได้ และจะกลายเป็นมือขวาของเย่เฟิง!

……

เย่เฟิงออกมาข้างนอกพร้อมกับอุ้มร่างของซูเหมิงหานไว้ในแขน จากนั้นจึงขึ้นรถ BMW ซึ่งมีคนที่ชายหน้าบากเชื่อใจเป็นคนขับรถไปส่งเขา

รถBMW สีเงินน้ำแข็งทำให้เย่เฟิงนึกถึงจ้าวอี้เปย ตอนนี้ เขาแก้แค้นให้ชายหนุ่มคนนั้นได้แล้ว แต่มันก็คงยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะดีใจ

ชายหนุ่มส่ายหัวไล่ความคิดออกไป เวลานี้ อย่างแรกที่เขาต้องทำคือจัดการเรื่องของซูเหมิงหานก่อน

เย่เฟิงคิดถึงเรื่องในวันนี้เมื่อกลางวันที่ ซูเหมิงหานพูดกับเขาเรื่องผลการสอบจำลองในโทรศัพท์ แต่ทันใดนั้น เขาก็พลันคิดว่าทำไมซูซินฉางถึงทำแบบนี้กับลูกสาวตัวเอง? ต่อให้มันไม่รู้ว่าซ่งเทียนยิงจะฉีดยาเข้าไปในตัวเธอ แต่มันก็ยังมอบลูกสาวตัวเองแก่คนในโลกใต้ดินกับมือ ทำไมมันถึงชั่วช้าเลวทรามได้ขนาดนี้?

หากซูซินฉางเป็นคนอื่น เย่เฟิงคงฆ่ามันเพื่อจบปัญหาไปแล้ว แต่เพราะมันคือพ่อของซูเหมิงหาน ดังนั้น เขาอยากรู้ว่าเด็กสาวจะตัดสินใจอย่างไรยามเธอตื่นขึ้นมา

ไม่นาน รถทั้งสองคันได้มาถึงยังหมู่บ้านชิงเฟิง และหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของเย่เฟิง

เย่เฟิงเปิดประตูบ้านขณะอุ้มซูเหมิงหานไว้ในแขน แล้วจึงก้าวเข้าไป โดยชายชุดดำร่างสูงสองคนลากซูซินฉางตามเข้ามา

“พวกคุณนั่งรอที่นี่ก่อนแล้วดูซูซินฉางเอาไว้ให้ดีรอผมกลับมาคิดบัญชีกับมัน”

หลังจากพูดจบ เย่เฟิงจึงอุ้มซูเหมิงหานขึ้นไปชั้นบนของบ้าน

เมื่อชายทั้งสองคนได้ยินดังนั้น พวกเขาก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ ชายทั้งคู่ไม่เคยคิดเลยว่าเย่เฟิงจะสุภาพกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มกลับเชิญให้พวกเขานั่งลงด้วย แน่นอนว่าพวกเขานั้นไม่กล้านั่ง และยังยืนตรงอย่างแข็งขันขณะจับตาดูซูซินฉาง

ที่ชั้นบนของบ้าน เย่เฟิงอุ้มซูเหมิงหานเข้าไปในห้องนอน เขาได้สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างของเด็กสาว กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด

“โชคดีที่เรามาถีงเหยียนจิงทันเวลา ไอ้เวรนั่นจึงทำได้แค่ฉีดยาเข้าไป และไม่ทันได้ทำอย่างอื่นกับเธอ ไม่อย่างนั้นละก็….”

ขณะคิดถึงเรื่องนี้ เย่เฟิงค่อยๆวางร่างอันละเอียดอ่อนของเด็กสาวลงบนที่นอน

“อืมมม….”.

ซูเหมิงหานขยับเล็กน้อยพร้อมกับส่งเสียงออกมา เด็กสาวลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียและเห็นเย่เฟิงมองมาที่เธอด้วยใบหน้าเป็นกังวล เด็กสาวจึงขยี้ตาราวกับไม่เชื่อว่าจะได้เห็นใบหน้าแบบนี้ของเขา

“เหมิงหาน ฉันกลับมาแล้ว……บอกหน่อยสิ ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นไงบ้าง?”

เย่เฟิงเปิดปากถาม

“ฉัน…..ฉันรู้สึกเหมือนถูกทุบให้สลบ น่าจะนะ…..เกิดอะไรขึ้นหรอ?”

เด็กสาวถามอย่างอ่อนแรงแล้วพยายามจะลุกขึ้น

“อย่าเพิ่งขยับ”

เย่เฟิงหยุดเธอไว้ ดูเหมือนว่าซูเหมิงหานจะไม่รู้ว่าเธอถูกฉีดยาเข้าไป ดังนั้น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจไม่บอกเธอเรื่องนี้

ใบหน้าที่ค่อนข้างซีดเซียวของเด็กสาว ทำให้เย่เฟิงรู้สึกเป็นกังวล ซูเหมิงหานมองมาที่เขาด้วยดวงตาคู่สวยที่กระจ่ายใสแล้วพูดว่า “ทริปที่นายไปเป็นไงบ้างแล้วนายไปที่ไหนมา? แล้วเรื่องนั้นเสร็จแล้วหรอ?”

“เสร็จแล้ว ทุกๆอย่างเรียบร้อยดี เพียงแค่…..”

ชายหนุ่มอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็รู้สึกลังเล

ความคิดบางอย่างได้แล่นเข้ามาในใจของเขา ในโลกเทวะนั้นไม่มียาเสพติดแบบนี้ เพราะผู้ฝึกยุทธ์ไม่เคยปล่อยให้ผู้คนกลายเป็นผู้ติดยาเสพติดใดๆก็ตาม และที่นั่น แม้แต่ทักษะเซียนระดับล่างสุด หากได้โคจรมันแล้ว มันจะช่วยขจัดของเสียในร่างออกไป ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากมากที่คนในโลกเทวะจะป่วย

แล้วถ้ามันทำให้ซูเหมิงหานสามารถฝึกวรยุทธ์ได้ด้วย นั่นก็ยิ่งเป็นเรื่องดี…..

ยามที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้น แหวนกระบี่มังกรโบราณที่นิ้วของเขาพลันสว่างขึ้นมา!

สิ่งที่เป็นที่ดึงดูดความสนใจของซูเหมิงหานทันที เธอเห็นเย่เฟิงสวมแหวนวงนี้มานานมาก และไม่ได้คิดว่ามันจะมีความสำคัญอะไร แต่ตอนนี้ มันสว่างขึ้นได้อย่างไร? กำลังจะมีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?

เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว แหวนวงนี้ก็ได้สว่างขึ้นแบบนี้เช่นกัน จากนั้น มวลอากาศลึกลับก็เข้าสู่ร่างเย่เฟิง ก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์ขึ้นในร่างของเขา

แล้วตอนนี้ละ?

ชายหนุ่มไม่ลังเลอะไรอีก เขาพลันยืนมือออกไปแล้วรวบร่างบางของเด็กสาวมากอดไว้แน่น

“อ๊า นาย….”

ซูเหมิงหานยังไม่ได้เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้น การกระทำของเย่เฟิงทำให้เธอรู้สึกตกใจ

“อยู่นิ่งๆก่อนนะ”

เย่เฟิงกระซิบอย่างแผ่วเบา “นี่คือความลับที่ฉันยังไม่เคยบอกเธอ ความจริงแล้ว ฉันเป็นเซียนที่สามารถฝึกวรยุทธ์และทักษะเซียนได้…….ตอนนี้ ฉันอยากให้เธอกลายเป็นเซียนเหมือนกัน เธออยากจะเป็นไหม?

“เซียน การฝึกฝน? นายล้อฉันเล่นใช่ไหม…..”

ความลับของเย่เฟิงทำให้เธอตกใจ คำว่าเซียน วรยุทธ์ หรืออื่นๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเด็กสาว แน่นอนว่าเธอเคยได้คำเหล่านี้จากพวกนิยายกำลังภายในหรือที่คล้ายๆกัน

ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงเป็นเซียนที่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้จริงๆงั้นหรอ?

จะเป็นไปได้อย่างไร?

ซูเหมิงหานย่อมไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่เมื่อมวลอากาศอันอบอุ่นหลั่งไหลเขาสู้ร่างของเธอ เด็กสาวพลันรู้สึกร้อนขึ้นตรงบริเวณท้องน้อย ซึ่งเป็นตำแหน่งของจุดตันเถียน จากนั้นจึงรู้สึกเสียวซ่าไปทั่วร่างกาย

“เยี่ยมจริงๆ! ตอนนี้มีเมล็ดพันธุ์อยู่ในจุดตันเถียนของเธอแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจะสอนทักษะเซียนอย่างหนึ่งให้เธอ ทำตามฉันนะ แล้วพยายามโคจรไปตามที่ฉันบอก”

ตอนนี้ เย่เฟิงรู้สึกถึงเมล็ดพันธุ์ที่ถูกสร้างขึ้นในจุดตันเถียนของเด็กสาวแล้ว ใบหน้าของเขาพลันแจ่มใสขึ้น จากนั้น ชายหนุ่มจึงเริ่มสอนแนวทางโคจรพลังของสำนักสุสานดาราให้แก่เธอ เขาอยากให้เธอทำความเข้าใจกับทักษะนี้

ถึงอย่างนั้น ซูเหมิงหานก็ยังรู้สึกสงสัย ตามคำแนะนำของเย่เฟิง เธอรู้สึกจริงๆถึงกระแสอากาศที่เริ่มไหลเวียนในร่าง เด็กสาวพยายามรวมรวบกระแสในร่างเหล่านี้ตามคำพูดของเย่เฟิง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอุ่นขึ้น

“เธอทำได้ไหม?”

เย่เฟิงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเธอ ดังนั้นเขาจึงจงใจถามเธอ

ด้วยความช่วยเหลือของแหวนกระบี่มังกรโบราณ เขาอาจจะทำให้เธอสามารถฝึกวรยุทธ์ได้ ซึ่งปกติไม่โชคดีอย่างนี้ แต่ตัวเลือกเพียงอย่างเดียวนี้ ไม่ทำให้เย่เฟิงสงบใจได้  ตั้งแต่เริ่มขั้นตอนการฝึกฝน พรสวรรค์ในการฝึกถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด

นอกจากนี้ เย่เฟิงไม่คิดเรื่องใดทั้งสิ้น ไม่ว่าซูเหมิงหานจะมีพรสวรรค์หรือไม่ ?

ถึงตอนนี้ เย่เฟิงก็บอกแนวทางที่สองเพื่อที่จะทำให้เธอเข้าใจแนวทางทั้งหมดของการโครจรพลังของสำนักสุสานดารา และเพิ่งเสร็จสิ้นการโครจรพลังอันล้ำเลิศราว ๆหนึ่งชั่วโมง

“มันเป็นความรู้สึกสึกแปลก ๆ….”

ในที่สุดซูเหมิงหานก็ประสบความสำเร็จในการโครจรพลังเจินชี่ในตัวเธอ แต่ใจของเธอถูกซ้อนขึ้นด้วยคำถามจำนวนมาก เด็กสาวรู้สึกงงงวยมากถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเซียน แต่ทำไมเขาต้องมาสอนการฝึกเป็นเซียนให้เธอด้วย? หรือมันอาจจะเป็นว่าบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น?

ขณะอีกด้านหนึ่ง เย่เฟิงกังวลไม่น้อย เด็กสาวจะรู้ไหมว่าตัวเธอถูกฉีดยาเสพติดชนิดใหม่เข้าไป ตอนที่ยังสลบอยู่?

เย่เฟิงดึงเด็กสาวเข้ามากอดอย่างแนบชิด และปล่อยพลังเจินชี่เข้าไปในร่างของเธอเพื่อเริ่มการตรวจสอบ ในตอนที่เขาอยู่โลกเทวะนั้นซูเฟยหยิ่ง ก็สอนเขาอย่างนี้เช่นกัน แต่แตกต่างคือ เย่เฟิงเป็นคนมีพรสวรรค์ ซูเฟยหยิ่งจึงปล่อยให้เขาฝึกด้วยตัวเอง

เมื่อเวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ สารเสพติดที่อยู่ในตัวซูเหมิงหานก็ค่อยๆไหลออกมาจากร่างของเธอช้าๆพร้อมกับเจินชี่

………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI

Maina : นางพญาลอกคราบแล้วครับ *-*