บทที่ 89 จุดจบของชีวิต

เมื่อซูเหมิงหานสิ้นสุดการโคจรพลังตามแนวทางสุสานดารา เย่เฟิงก็รู้สึกโล่งใจ เพราะต่อจากนี้ไป แนวทางสุสานดาราจะโคจรเองแบบอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้นมันจะช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์ให้สูงขึ้น

เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมองเวลา ซูเหมิงหานใช้เวลาในการโคจรทั้งสิ้นชั่วโมงครึ่ง ซึ่งตอนนี้ ก็เป็นเวลาเกือบสามชั่วโมงแล้วตั้งแต่เขาพาเธอขึ้นมาชั้นบนนี้

“ถึงแม้ว่าความสามารถของเธอจะด้อยกว่าเรา แต่ก็ถือว่าพอใช้ได้” (ทักษะชมตัวเอง)

เย่เฟิงกล่าวออกมาอย่างมีความสุข

ในความเป็นจริง พรสวรรค์โดยธรรมชาติของเธอถือว่าอยู่ในระดับต้นๆของโลกเทวะแล้ว ที่นั่นมีเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่ใช้เวลาทั้งวันในการโคจรพลังครั้งแรก และต่อแต่นี้ไป หากซูเหมิงหานต้องการฝึกทักษะเซียนใดๆ เธอจะสามารถสำเร็จได้เร็วกว่าคนทั่วไปมาก

เด็กสาวค่อยๆลืมตาขึ้นช้า และรู้สึกว่าร่างกายของเธอแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย ยิ่งกว่านั้น ใบหน้าที่ซีดเซียวก็หายไปแล้ว เหลือเพิ่งใบหน้าอันขาวเนียนและอมชมพูจากเลือดฝาด

“เย่เฟิง”

เธอเรียกชื่อเขาเบา ๆ

“มีอะไรหรอ?”

เย่เฟิงคลายกอดร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้ขณะมองใบหน้าที่น่ารักของเด็กสาว

“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ไว้ใจฉัน….”

ในเวลานี้ หัวใจของเธอได้รับเอ้อล้นไปด้วยอารมณ์ “นี่ต้องเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนายใช่ไหม? ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้แน่นอน”

“ถ้างั้นรีบอาบน้ำเถอะ ฉันจะลงไปรอข้างล่าง”

เย่เฟิงยิ้มบางๆแล้วไม่พูดอะไรอีก เขาตบที่ไหล่ของเธอเบาๆ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป

ในเมื่อซูเหมิงหานสามารถโคจรพลังครั้งแรกได้สำเร็จแล้ว สิ่งสกปรกต่างๆรวมทั้งสารเสพติดที่อยู่ในร่างของเธอจะถูกขับออกมา ดังนั้น ตอนนี้ผิวของเด็กสาวจึงมันเยิ้ม ซึ่งหากไม่ไปอาบน้ำ เธอคงไปเจอใครในสภาพนี้ไม่ได้แน่

และถึงแม้เย่เฟิงจะไม่บอกให้เธออาบน้ำ แต่เมื่อซูเหมิงหานมองเห็นสภาพของเธอตอนนี้ เด็กสาวก็พลันช๊อคกับสิ่งที่เห็น แล้วรีบกระโดดลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่ทันใดนั้น เธอก็พลันคิดว่า บ้านหลังนี้มีห้องน้ำชั้นบนด้วยหรอ?

“เธอไปใช้ห้องน้ำชั้นล่างแล้วกันนะ”

หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มก็ก้าวเท้าลงไปชั้นล่าง

ที่ชั้นล่างของบ้าน ชายร่างสูงสองคนยังคงยืนนิ่งคอยคุมตัวซูซินฉางไว้อยู่โดยไม่ขยับแม้แต่ครึ่งก้าว เมื่อเย่เฟิงเห็นดังนั้น เขาก็รู้สึกชื่นชมแก๊งอสรพิษสวรรค์ เพราะนี่มันเป็นเวลาถึงสามชั่วโมงเต็ม

“ไปข้างนอกเถอะ ไปคุยกันที่นั่น”

เย่เฟิงโบกมือเมื่อเห็นซูซินฉางที่อยู่ในสภาพเหงื่อแตก แล้วเดินนำออกไปข้างนอก

เท้าของซูซินฉางรู้สึกชาเมื่อต้องยืนอยู่ตลอดสามชั่วโมง แต่เมื่อเขาเห็นเย่เฟิงเดินลงมาจากชั้นบน เขาก็พลัน ใจของซูซินฉางก็พลันเต้นรัว เขารู้ว่าเมื่อเย่เฟิงลงมา ช่วงเวลาที่เลวร้ายของเขาก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

“พวกเขาทั้งสองคนขึ้นไปทำอะไรตั้งนานข้างบน?”

ซูซินฉางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องนี้ ความจริง เขาคิดถึงเรื่องนี้ตลอดสามชั่วโมงและสุดท้าย เขาก็สรุปว่ามันมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นคือ……

ลูกสาวของเขากลายเป็นผู้หญิงของเย่เฟิงแล้วงั้นหรือ?

เมื่อคนทั้งสี่ออกมาอยู่หน้าลานนอกบ้าน ภายใต้แสงของดวงจันทร์และหมู่ดาว เย่เฟิงยืนผิงกับผนังอย่างเฉื่อยชาพร้อมกับพูดเบาๆ “บอกผมมา เกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วทำไมคุณถึงไปร่วมมือกับซ่งเทียนยิง……”

ตอนนี้ เย่เฟิงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งหมดนั้น ไม่เพียงเพราะซูเหมิงหานปลอดภัยแล้ว เขายังพบความมหัศจรรย์ของแหวนกระบี่มังกรโบราณ และด้วยเหตุนี้เอง ชายหนุ่มสามารถทำให้หลงหวางเอ๋อกลายเป็นเซียนได้แล้ว ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เยี่ยมมากสำหรับเขา

แต่กรณีของหลงหวางเอ๋อ ชายหนุ่มยังไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลยัง…..

เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูผ่อนคลายของเย่เฟิง ซูซินฉางจึงค่อยสงบใจลง และเหล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ออกมา

เริ่มตั้งแต่คืนก่อนที่ภัตตาคารจิงเชิง ตระกูลเซี่ยเริ่มสร้างปัญหามากมายให้เขา แต่หลังจากพบผู้เฒ่าหลินที่ภัตตาคาร หุ้นของซูซินฉางในซูเฉิงกรุ๊ปก็พลันกลายเป็นศูนย์ หุ้นส่วนใหญ่ถูกขายให้บริษัทในเครือตระกูลหลินในราคาที่ต่ำมาก ส่วนหุ้นที่เหลืออันน้อยนิดก็ถูกคนของตระกูลเซี่ยริบไป

ในเมื่อหุ้นของซูเฉิงกรุ๊ปถูกขายในราคาต่ำมาก บริษัทในเครือตระกูลหลินซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่จะไม่ยินดีรับซื้อเอาไว้ได้อย่างไร?

ดังนั้น จากเดิมที่เป็นถึงนักธุรกิจพันล้าน ซูซินฉางพลันกลายเป็นบุคคลล้มละลายที่ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลยในโลกใบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยหมินขอหย่ากับเขาด้วยสองเหตุผล อย่างแรกเพราะเรื่องของซูเหมิงหานลูกสาวของเขา อย่างที่สองคือการถูกตระกูลหลินเทคโอเวอร์ซูเฉิงกรุ๊ปไป ไม่เท่ากับถูกตระกูลหลินหมายหัวเอาไว้แล้วหรือไง? คนตระกูลเซี่ยมั่นใจว่าซูซินฉางและลูกสาวของเขาต้องมีจุดจบที่ไม่สวยอย่างแน่นอน

ตระกูลเซี่ยเกรงกลัวตระกูลหลินรวมทั้งเย่เฟิง ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกทำแบบนี้ และแม้แต่เลขาของเขา หู่เหมยเหม่ยก็จากเขาไป

ซูซินฉางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นี่เป็นเหมือนจุดจบของชีวิตเขา แต่ตอนนั้นเอง เขาก็มีโอกาสได้เข้าร่วมกับองค์กรลึกลับแห่งหนึ่ง

องค์กรลึกลับนี้ให้เขารวมทั้งซ่งหู่วางแผนจัดการเย่เฟิงเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงลงมือยึดแก๊งอสรพิษสวรรค์ ซึ่งจากมุมมองของซูซินฉางแล้ว เงื่อนไขนี้ดึงดูดความสนใจของเขาอย่างมาก

ดังนั้น แผนการจึงถูกกำหนดขึ้น โดยอย่างแรก พวกเขาเริ่มจากการกำจัดคนเชื่อใจของชายหน้าบากในแก๊งอสรพิษสวรรค์ ต่อมา ก็จ้างวานผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำให้ทรัพย์สินของแก๊งอสรพิษสวรรค์ตกอยู่ในการควบคุมของพวกเขา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคนนี้ สามารถหามาได้ด้วยความช่วยเหลือของซูซินฉาง สุดท้าย พวกเขาจึงแต่งตั้งลูกน้องที่เชื่อใจได้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

และสำหรับแผนวันนี้คือการสังหารเย่เฟิงเมื่อเขาออกไปจากเมืองเหยียนจิง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นจากตระกูลหลิน หลังจากจัดการเย่เฟิงเสร็จ แผนต่อไปของวันนี้คือสังหารชายหน้าบาก และด้วยเหตุนี้เอง แก๊งอสรพิษสวรรค์ก็จะตกอยู่ในกำมือพวกเขาอย่างสมบูรณ์

โชคไม่ดี ที่แผนซึ่งถูกวางไว้เป็นทอดๆ เกิดปัญหาขึ้นตรงที่พวกเขาไม่สามารถจัดการเย่เฟิงได้

ส่วนเรื่องที่ซูซินฉางล่อลวงซูเหมิงหานให้ออกมาจากหมู่บ้าน จนต้องตกอยู่ในกำมือของซ่งเทียนยิงนั้น เป็นความต้องการของซ่งเทียนยิงเอง ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับแผนยึดแก๊งอสรพิษสวรรค์

ซูซินฉางคิดว่าเดิมที หากซูเหมิงหานตกเป็นของซ่งเทียนยิง ในอนาคต ด้วยการช่วยเหลือขององค์กรลึกลับ เขาจะสามารถมีตำแหน่งใหญ่โตในแก๊งอสรพิษสวรรค์ แต่เขาไม่คิดเลยว่า ซ่งเทียนยิงจะฉีดสารเสพติดใส่เด็กสาว

“องค์กรลึกลับติดต่อคุณงั้นหรือ? ใช่ ‘ไซ่เชา’หรือเปล่าที่ติดต่อคุณ?”

เย่เฟิงครุ่นคิดพักนึงก่อนจะถามออกไป

เหมือนว่าตอนนี้ เขาจะมีศัตรูหลักๆอยู่สองรายคือ หนึ่งคือองค์กรลึกลับที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไซ่เชา ส่วนรายที่สอง แน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลหลงแห่งโลกยุทธภพ แต่หากเขาไม่เปิดเผยเรื่องตัวตนของชายสวมหน้ากากออกไป ตระกูลหลงก็ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามอันใดสำหรับเขา

“ไซ่เชา?”

หลังจากได้ยินชื่อ ซูซินฉางก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้

“ช่างมันเถอะ”

เย่เฟิงส่ายหัว ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นไม่ได้เห็นว่าซูซินฉางสำคัญอันใด ดังนั้น ไซ่เชาจะเลือกติดต่อเขาได้อย่างไร

“เอาละ งั้นตอนนี้บอกผมมา คุณจะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง?”

เย่เฟิงมองไปยังซูซินฉาง ขณะรอคำตอบจากเขาอย่างใจเย็น

ซูซินฉางขบคิด ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า “ขอฉันเจอซูเหมิงหานได้ไหม?”

“ย่อมได้ ตอนนี้เธออาบน้ำอยู่ ช่วยรอไปก่อน”

เย่เฟิงพูดขณะจ้องซูซินฉางด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ “แต่ถ้าคุณยังคิดจะหลอกลวงเธออีก อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”

ซูซินฉางยิ้ม “ไม้ต้องห่วง เธอกลายเป็นคนติดยาก็เพราะฉัน ในฐานะที่เป็นพ่อ ฉันทำสิ่งที่เลวร้ายกับเหมิงหานลงไป ต่อให้เธอยอมยกโทษให้ฉัน มันก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว………”

คำตอบของซูซินฉางทำให้เย่เฟิงแปลกใจ เขารู้สึกว่าการแสดงออกชายคนนี้ไม่ได้เกิดจากการแกล้งทำ เขารู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดจริงๆงั้นหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมซูซินฉางถึงมั่นใจว่าลูกสาวของเขาจะกลายเป็นคนติดยากัน? หรือเพราะเขารู้จักผลของยาตัวใหม่ที่ออกสู่ตลาดซึ่งมีผลร้ายแรงมาก ดังนั้น เขาจึงรู้สึกผิดต่อซูเหมิงหานอย่างนั้นหรอ?

น่าเสียดาย ที่ซูซินฉางไม่รู้ว่าซูเหมิงหานได้ฝึกวรยุทธ์ และได้ขับสารพิษทั้งหมดออกจากร่างกายเธอแล้ว เพราะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้น คำว่ายาเสพติดเป็นเรื่องไร้สาระมากสำหรับพวกเขา

“ติดยา? คุณพูดถึงเรื่องอะไร?”

เวลานั้นเอง หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซูเหมิงหานในชุดที่ดูน่ารักเดินออกมา และได้ยินคำพูดของซูซินฉางที่พูดว่าเธอติดยาเสพติด ซึ่งมันทำให้เด็กสาวรู้สึกสงสัยอย่างยิ่ง

………………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI