บทที่ 84 การหนีไปของหลงหวางเอ๋อ

เมื่อรถHummer H2 พุ่งเข้ามาด้วยท่าทีคุกคาม คนที่เห็นก็พากันขวัญเสีย ไอเดียของชายหน้าบากที่ใช้รถ Hummer มาทริปนี้จัดว่าเยี่ยมมาก เพราะมันทำให้พวกเขาไม่ต้องเจอกับพวกที่ชอบสร้างปัญหามากนัก

ชายหน้าบากลงมาจากที่นั่งคนขับรถและรับรู้สึกสายตาของกลุ่มคนที่มองมายังเขา คนพวกนั้นตื่นตกใจเมื่อเห็นรอยแผลเป็นบนหน้าของเขา ซึ่งทำให้พวกมันรู้สึกกลัวจนฉี่เกือบราด

พวกมันเห็นที่ันั่งข้างคนขับมีชายรูปหล่อคนหนึ่งพร้อมด้วยผิวพรรณที่ละเอียดอ่อนกำลังแกว่งปืนพกเล่นอยู่ในมือ และมองมาทางพวกมันเป็นพักๆ กลิ่นอายแห่งความตายกระจายออกมารอบๆตัวชายหนุ่มคนนั้น ราวกับว่าเขาพร้อมจะยิงใส่พวกมันโดยไร้ความเมตตา

“ผมผิดไปแล้ว พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว!”

บางคนในกลุ่มอันธพาลร้องออกด้วยน้ำเสียงที่สั่นและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกมันอยากจะวิ่งหนีไปเต็มที แต่ก็ในอาจทำอย่างนั้นได้ เพราะปืนในมือของจ้าวอี้เปยยังเล็งมาที่พวกมันอยู่

บ้าชิบ นี่มันพวกโลกใต้ดินของจริง! คนแบบนี้เปิดฉากยิงใส่คนที่ล่วงเกินพวกเขาได้โดยไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ พวกมันจะกล้าไปกระตุ้นความโกรธคนพวกนั้นได้อย่างไร?

จ้าวอี้เปยไม่ได้ยิงใส่พวกมัน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขากลัวจะเกิดปัญหา แต่เขาไม่อยากเสียลูกกระสุนให้สิ้นเปลืองกับคนพวกนี้

เมื่อเห็นคนของเขามาถึงที่นี่ เย่เฟิงโยนร่างของชายร่างอ้วนไปอีกทาง และก้าวขึ้นรถไปพร้อมกับชายหน้าบาก ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นทิ้งไปแล้วสวมเสื้อสูทตัวใหม่ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาสวมชุดสูทสไตล์ตะวันตก แต่ด้วยคำแนะนำของชายหน้าบาก เขาก็สามารถสวมชุดสูทนี้ได้อย่างเรียบร้อย

“ฮิฮิฮิ พี่เย่ ถ้าคุณกลับไปบ้านในชุดแบบนี้ ผมรับประกันว่าต้องเป็นที่สะดุดตานายหญิงเย่แน่นอน”

จ้าวอี้เปยพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องพูดมากน่าเปย นายรีบขับรถไปเลย เร็ว”

เย่เฟิงยิ้มบางๆ แล้วโบกมือ

ในระหว่างการเดินทางก่อนหน้านี้ เย่เฟิงได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของจ้าวอี้เปย ชายหน้าบากนั้นมีภรรยาคนหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน และจ้าวอี้เปยคือน้องชายของภรรยาเขา ซึ่งยังเด็กมากในเวลานั้น

แต่ในคืนนั้นเมื่อสิบปีก่อน ระหว่างการเข่นฆ่าที่โหดร้ายของมือกระบี่คนหนึ่ง ภรรยาของเขาต้องนอนจมกองเลือดที่นั่น ดังนั้น จ้าวอี้เปยจึงเติบโตมากับชายหน้าบากและหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมต้น จ้าวอี้เปยก็ไม่เรียนต่ออีก

สำหรับจ้าวอี้เปยแล้ว ชายหน้าบากนั้นเชื่อใจเขาเต็มร้อย ดังนั้น ชายหน้าบากจึงมอบหน้าที่คนขับรถของเย่เฟิงให้แก่อี้เปย และหวังว่าอี้เปยจะสามารถสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับเย่เฟิง เพื่ออนาคตของตัวเขาเอง

ส่วนในสายตาของเย่เฟิง จ้าวอี้เปยคนนี้คือชายหนุ่มที่สดใสร่าเริงซึ่งมีอายุใกล้เคียงกับเขา

รถHummer H2 ออกตัวด้วยเสียงคำรามลั่น และวิ่งไปตามถนนซีเมนต์ของหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งกลุ่มคนจากแก๊งเป่าชานที่ยังคงจ้องมองด้วยความว่างเปล่าเอาไว้เบื้องหลัง

ชายร่างอ้วนลงพุงพร้อมด้วยทรงผมอันแปลกประหลาดยังคงอยู่ในสภาพเหงื่อแตกไปทั้งตัว ขณะจ้องไปยังเบื้องหลังของรถ Hummer สุดท้าย มันจึงค่อยโล่งใจ

ชายร่างอ้วนค่อยๆลุกขึ้นยืนและหันมองไปยังวัยรุ่นทั้งสี่ที่ยังคงไร้สติซึ่งนอนอยู่บนพื้น ทันใดนั้น อารมณ์แห่งความโกรธเกลียดก็พลันปะทุขึ้นมาในใจของมัน บัดซบ! ไอ้เวรพวกนี้ไม่ดูให้ดีก่อนจะหาเรื่องหรือไงว่ะ?

การที่เย่เฟิงจับคอเสื้อของมันไว้ทำให้มันรู้สึกโมโหและไม่พอใจ ชายร่างอ้วนคิดในใจว่ามันไม่มีทางยอมปล่อยเย่เฟิงไปอย่างนี้แน่ มันต้องไปยังที่ๆหนึ่ง!

เมื่อมองไปยังรถ Hummer ที่พุ่งออกไป และค่อยๆลับสายตาไปเรื่อยๆ ตาของมันพลันมองไปที่ป้ายทะเบียนซึ่งระบุว่าคนพวกนี้มาจากเมืองเหยียนจิง ทันใดนั้น ชายร่างอ้วนตัดสินใจจะไปยังเมืองเหยียนจิงให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

……………..

รถยนต์ออฟโรดคันนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตามสิ่งที่รถระดับไฮคลาสควรจะมีให้

ตลอดทางจากหมู่บ้านหนานก่างไปยังหลินเจียง หากนี่เป็นการเดินทางโดยรถธรรมดาทั่วไป คนที่อยู่ในรถคงได้รับประสบการณ์อันเลวร้ายจากการโคลงเคลงไปมาของรถจนรู้สึกอยากตาย แต่โชคดีสำหรับเย่เฟิงที่รถคันนี้นุ่มสบายอย่างยิ่ง

ขณะเดินทางไปเมืองหลินเจียง เย่เฟิงนึกถึงหญิงสาวที่ถูกบังคับจากชายตระกูลมังกรให้โดดตึก เขาจึงสอบถามชายหน้าบาก

และก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ ด้วยอิทธิพลของตระกูลมังกรนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่อง“จิ๊บจ้อย”มาก เวลานั้น หลงเสี่ยนถูกจับเข้าคุกเพียงไม่กี่นาที จากนั้นก็ได้รับการปล่อยตัว อย่างไรก็ตาม เพื่อนของแฟนหนุ่มของหญิงสาวคนนั้นสืบหาเรื่องราวจากที่เกิดเหตุ

แต่ถึงอย่างนั้น สำนักข่าวทุกสำนักล้วนไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ และดูเหมือนว่าทุกคนจะพยายามเก็บข่าวนี้เป็นความลับ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นต่างก็ถูกปิดปาก ชัดเจนว่าอิทธิพลของตระกูลมังกรนั้นสูงยิ่ง

“หึ เจ้าหลงเสี่ยนั่นสมควรตายแล้วจริงๆ”

เย่เฟิงนึกไปถึงตอนที่อยู่เขาฉางไป่ เขาคิดถูกแล้วจริงๆที่ตัดสินใจไม่ไว้ชีวิตมัน

ในที่สุดรถ Hummerคันนี้ก็ได้กลับจากเมืองหลินเจียง ทริปภูเขาฉางไป่ถือว่าสิ้นสุดแล้วสำหรับเย่เฟิง เขามองไปรอบๆแล้วรู้สึกแล้วรู้สึกกังวลเกี่ยวกับหลงหวางเอ๋อเล็กน้อย สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของหญิงสาวเลย เธอจะเป็นไงบ้างนะตอนนี้?

เมื่อเขาคิดถึงเรื่องของหลงหวางเอ๋อ ก็พลันนึกถึงพ่อของหญิงสาวด้วยเช่นกัน ชายคนนั้นเป็นคนสังหารพ่อของเย่เฟิงในโลกใบนี้ อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงต้องไม่พูดเรื่องของตระกูลหลงออกไปเด็ดขาด หากเย่เวิ่นเทียนรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับคุณหนูตระกูลมังกรเข้าละก็ เขาคงใช้ชีวิตในโลกนี้ได้ยากขึ้น

เย่เฟิงส่ายหัว และตัดสินใจไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก เขาเพียงแค่รอให้ถึงเวลาอันสมควร ซึ่งคือเมื่อเขามีความแข็งแกร่งมากพอจะจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง และเมื่อถึงเวลานั้น จะมีใครหน้าไหนมาหยุดเขาได้?

รถ Hummer วิ่งไปบนถนนด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงเวลาประมาณบ่ายสามโมง มันก็มาถึงทางแยกซึ่งห่างจากเมืองเหยียนจิงประมาณ 30 กิโลเมตร

เมื่อมาถึงที่นี่ สีหน้าของชายหน้าบากรวมทั้งจ้าวอี้เปยพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พวกเขารู้ว่าตอนนี้มาถึงจุดตรวจทางแยกซึ่งมีตำรวจมากมายที่ได้รับมอบมายให้มาตรวจสอบ ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องปกติสามัญมากซึ่งไม่มีอะไรน่าแปลกใจ แต่คำถามคือ ทำไมโหมวจิ้นเฉียงถึงอยู่ที่นี่ด้วย?

สถานการณ์ตอนนี้จึงพลันตึงเครียดขึ้นมาทันที

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนในชุดตำรวจพร้อมด้วยเหรียญตรามากมาย เย่เฟิงก็พลันคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นที่ภัตตาคารจิงเฉิง ซึ่งโหมวจิ้นเฉียงไปที่นั่นด้วยความหยิงผยองพร้อมด้วยกลุ่มตำรวจฝ่ายปราบปรามอาชญากรรมมากมาย

โหมวจิ้นเฉียงมีสายสัมพันธ์อันดีกับตระกูลมังกร ถึงแม้ว่าหลงหวางเอ๋อจออกคำสั่งกับเขาได้ แต่มันชัดเจนว่าเขาเลือกจะฟังคำสั่งจากหลงโม่หรันเป็นที่สุด

และชายคนนี้ก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเย่เฟิงเช่นกัน

เมื่อรถ Hummer มาหยุดอยู่ที่ด่านตรวจ สายตาของโหมวจิ้นเฉียงก็พลันถูกดึงดูดจากคนสามคนที่นั่งอยู่บนรถ ประกายตาของเขาแสดงออกถึงคำว่า“ในที่สุดก็มาเสียที” จากนั่นชายวัยกลางคนจึงโบกมือให้พวกตำรวจฝ่ายปราบปรามอาชญากรรมหลายคนเข้าไปตรวจรถคันนั้น

…………

ขณะที่เย่เฟิงรวมทั้งอีกสองคนที่หยุดอยู่ที่ทางแยก ในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่ได้รับรู้เลยว่าในสถานที่ที่ห่างออกไปหลายไมล์ ชายวัยกลางคนๆหนึ่งกำลังอยู่ในอารมณ์เดือดดาลอย่างถึงที่สุด ณ ถ้ำหวังวู

โลกยุทธภพทุกวันนี้ ความแข็งแกร่งของตระกูลมังกรถือว่าไม่เป็นสองรองใคร และถ้ำหวังวูซึ่งถูกซ่อนอยู่ภายนอกโลกยุทธภพคือหนึ่งในสิบถ้ำฝึกตนที่ดีที่สุดและถูกครอบครองโดยตระกูลมังกร ถ้ำแห่งนั้นเป็นที่ที่มีพลังจิตวิญญาณหนาแน่นมาก ซึ่งคนของตระกูลมังกรได้รับผลประโยชน์มากมายจากที่แห่งนั้น

วันนี้ หลงโม่หรันเดือดดาลเพราะลูกสาวของเขา หลงวางเอ๋อซึ่งถูกกักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งปีได้หนีออกไป

ส่วนเรื่องที่หญิงสาวตั้งใจจะหนีไปที่ไหน นั่นไม่จำเป็นต้องถาม

ชัดเจนว่าเธอไปหนีไปยังเมืองเหยียนจิงเพื่อหาชายสวมหน้ากาก

“หลงจื่อ หลงชิง รีบไปพายัยลูกไม่รักดีคนนี้กลับมาหาฉัน ถ้ามันไม่ยอมกลับมา ก็ไม่ต้องคิดว่ามันเป็นลูกของฉันอีก!”

หลงโม่หรันออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง

“ได้ครับ ท่านหัวหน้าใหญ่”

มีชายสองคนจากตระกูลมังกรยืนนิ่งรอรับคำสั่งอยู่ที่นั่น พวกเขาดูเหมือนมีอายุประมาณ 27-28 ปี และกลิ่นอายของพวกเขาทำให้รู้ชัดเจนว่าคนทั้งคู่แข็งแกร่งยิ่งกว่า หลี่ฮวาและไห่ถังจากวังกระบี่สวรรค์

เมื่อเห็นชายทั้งสองหันหลังจากไป นั่นก็ยังไม่พอจะกำจัดความโมโหในใจของหลงโม่หรันออกไปได้ ตอนนี้เขากำลังคิดบางอย่างในใจ “เย่เฟิง เมื่อไหร่ที่มันกลับมาจากภูเขาฉางไป่ ฉันจะตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามันมีความสัมพันธ์ยังไงกับเจ้าหน้ากากนั่น…..”

หลงโม่หรันได้จัดคนตรวจสอบไว้ที่หลินเจียงแล้ว เมื่อรถ Hummer ออกจากเมืองหลินเจียง ข่าวนี้ย่อมรู้มาถึงหูเขา นอกเหนือจากเรื่องตามจับหลงหวางเอ๋อ หลงจื่อและหลงชิงจะหาทางตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฟิงกับเจ้าหน้ากากคนนั้นด้วย

สำหรับหลงโม่หรันแล้ว เขายังมีเรื่องสำคัญอย่างอื่นที่ต้องจัดการอีก

ตอนนี้มีข่าวลือกระจายออกไปทั่วประเทศว่าเมื่อเร็วๆนี้ เทพธิดานางหนึ่งได้ปรากฏตัวออกมาที่ทะเลจีนตะวันออกราวกับหญิงสาวลึกลับ ซึ่งมีความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ งามล้ำยิ่งกว่าผู้หญิงคนใดบนโลกใบนี้!

ตั้งแต่ที่หลงโม่หรันได้กุดหัวภรรยาของเขาเอง ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้แต่งงานอีกเลยตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาโง่เง่าหรือไร้ความสามารถ แต่เป็นพราะเขารู้สึกว่าไม่มีผู้หญิงคนใดในโลกนี้เลยที่คู่ควรกับเขา

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเทพธิดาคนนั้นซึ่งปรากฏตัวออกมาทางทะเลจีนตะวันออกซึ่งงดงามอย่างเหลือแสนตามข่าวลือแล้วละก็ บางทีเขาอาจจะตัดสินใจแต่งงานอีกครั้ง…….

…………………………

แปลโดยทีมงาน GSI