บทที่ 77: โรงงาน (3)

 

 

 

‘เพิ่งเคยเห็นพวกนี้เป็นครั้งแรก สกิลของพวกมันเป็นยังไงกัน?’

ร่างโคลน อัลฟ่า พึมพำขณะที่มองไปยังเหล่ามนุษย์ที่อยู่ห่างออกไป

มันมีราวๆ 150 คน

แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเผ่าพันธุ์นี้ มันก็ไม่ได้สำคัญมากนัก

ส่วนที่สำคัญคือพลังของพวกนั้น

อัลฟ่าได้ข้อสรุปหลังจากที่มองไปยังคลื่นมานาและการต่อสู้เหล่านั้น

คนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่อยู่ราวๆ ระดับหก

แต่พวกเขาอาจจะอยู่ที่ราวๆ 6.5 หากใช้อาวุธที่ได้มาจาก <ทหารเกราะหนึ่งพัน> ในคลังแสง

คนที่เหลืออยู่ที่ราวๆระดับ 4-5

‘เป็นแค่แมลง’

อัลฟ่าเลิกสนใจคนเหล่านั้น

จากนั้นสายตาของเขาจึงหันไปทางชายที่เขาเรียกมา

‘หมอนั่นที่วิ่งมาหาข้า… เขาอาจจะมีระดับความอันตรายอยู่ที่ระดับ9?’

เขาอาจอยู่ที่ระดับ 6 หากไม่มีรีลิค

แต่อีกฝ่ายมีรีลิคของกาลาเดรียง เอคิดรัง และฟาเบียนแห่งห้าแม่ทัพพยัคฆ์

อีกฝ่ายอาจจะอยู่ราวๆ ระดับ 9 เมื่อเขาสามารถใช้สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสามารถของรีลิคพวกนั้นยอดเยี่ยม

‘หมอนั่นยอดเยี่ยมมากจริงๆ’

ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถใช้มันได้แบบนั้น

กระทั่งคนที่ได้รับรีลิคสองชิ้นกับสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ยังต้องใช้การควบคุมมานาในหน่วยนาทีเพื่อที่จะทำให้ร่างของพวกเขาไม่ระเบิดออก

‘อย่างกับว่าหมอนั่นใช้มานามาเป็นสิบๆ ปีแล้วอย่างงั้นแหละ’

เพียงแค่การควบคุมมานาอย่างเดียว อีกฝ่ายก็ดูจะเทียบเท่าได้กับเขา

ถ้านับรวมว่าใครคือร่างต้นแบบของร่างโคลนนี้ การที่หมอนั่นอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเขานับว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ

แต่อัลฟ่าส่ายศีรษะ

‘… มีบางอย่างขาดไป เขามีมากกว่านั้น’

การที่จะฆ่ามัจฉาภัยพิบัติด้วยของแค่นั้น

เป็นไปไม่ได้

การฆ่ามัจฉาภัยพิบัติจากภายนอกแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ และแม้ว่าใครบางคนจะเข้าไปอาละวาดที่ภายในของมันแบบนี้ก็ยังคงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี

เมื่อการป้องกันภายในของมัจฉาภัยพิบัตินั้นอยู่ที่ระดับ 10 เป็นอย่างน้อย

และหมอนั่นยังได้ระเบิดโรงงานด้วยวิธีการบางอย่างด้วย

‘เราจะได้เห็นไพ่ที่หมอนั่นซ่อนไว้ไหม’

สมบัติของราชาที่เป็นเหมือนคลังแสงที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทหารของเขา <ทหารเกราะหนึ่งพัน>

มันคงไม่เป็นปัญหามากถึงเขาจะใช้ได้แค่หนึ่งในห้าของอาวุธทั้งหมดก็ตาม

เมื่อมันมีเพียงพอสำหรับทหารนับล้านนาย

‘ฉันเดาว่าฉันคงต้องยืมพลังของสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์’

อัลฟ่ายกกุญแจในมือของเขา ทหารเกราะหนึ่งพัน ขึ้น ก่อนจะแทงมันเข้าไปในอากาศและหมุนไปทางขวา

 

 

ฮันซูเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าตรงไปยังใจกลางของ <รากกลืนและคาย> สถานที่ที่สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ควรจะอยู่

ในตอนนั้นเอง ของจำนวนมากก็ได้เริ่มเทลงมาหาร่างของเขา

‘ไอ้เวรนี่… เล่นไม่รู้เรื่องหลังจากที่บอกว่าอยากเจอฉัน’

แม้ว่าไอ้หมอนั่นจะวางแผนไว้ เขาก็ยังคงต้องตรงไปข้างหน้าหากเขาไม่ต้องการเสียสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ไป

ฮันซูเทมานาทั้งหมดจากสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบๆ ลงไปในรีลิคของฟาเบียน

คว้างงงง

ลูกแก้วจำนวนมหาศาลเริ่มที่จะกระแทกลงไปยังเกราะไร้ลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นรอบกายเขา

มันมีจำนวนมาก แต่มีขนาดเล็กกว่ารีลิคของเอคิดรัง ลูกแก้วพวกนั้นล้อมรอบร่างของฮันซูและเริ่มพยายามบดขยี้ร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง

ฮันซูตรวจสอบรอบกายเขาอย่างเร่งรีบในขณะที่เกราะไร้ลักษณ์ของฟาเบียนกำลังพังทลายลงเรื่อยๆ

‘ร่างหลัก ฉันต้องหาร่างหลัก’

ในตอนนั้นเองที่บางอย่างได้เขามาในสายตาของชายหนุ่ม

ร่างที่เลือนรางใจกลางเมฆหมอกสีเงิน

ฮันซูเหวี่ยงรีลิคของกาลาเดรียงอย่างรุนแรงไปยังทิศทางนั้น

แคร่ก

สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ถ่ายเทพลังงานจำนวนมากออกมา

วินาทีที่แสงสีทองได้ยืดยาวออกไปจากดาบ ลูกแก้วที่อยู่ในอากาศก็ได้เคลื่อนไหวและป้องกันดาบนั้น

เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง

แม้ว่าลูกแก้วแต่ล่ะลูกจะอ่อนแอกว่าของเอคิดรังจนกระทั่งแหลกสลายไปทันทีที่เข้าปะทะกับดาบ แต่เมื่อพวกมันนับหมื่นลูกขวางทางดาบ แสงนั้นจึงสูญเสียพลังและจางหายไปในที่สุด

‘ชิ’

เขาคาดเอาไว้แล้ว

ฮันซูที่เห็นว่ามันคงไม่ได้จบง่ายๆ อยู่ก่อนแล้วได้เพิ่มมานาในร่างของเขาและพยายามพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาจำเป็นต้องจัดการคู่ต่อสู้ของเขาก่อนที่ร่างของเขาจะแหลกสลายจากเมฆหมอกสีเงินที่ถาโถมเข้ามา

‘ถ้าทุกอย่างล้มเหลว… ใช้มานาโค้ด!’

แต่เมฆหมอกที่ดูเหมือนกำลังจะโจมฮันซูในทุกๆ วินาทีกลับทำเพียงลอยอย่างสงบเงียบอยู่กลางอากาศหลังจากโจมตีและป้องกันไปแล้วครั้งหนึ่ง

ราวกับว่ามันเห็นทุกอย่างที่มันต้องการแล้ว

‘มันคือการทดสอบหรืออะไรแบบนั้นเหรอ?’

ขณะที่ฮันซูเดินผ่านเมฆลูกแก้วสีเงิน เอลวินไฮลม์ตนหนึ่งได้เฝ้ารอชายหนุ่มอยู่ก่อนแล้ว อีกฝ่ายทักทายเขาทันทีที่เห็น

“สวัสดี ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่เรียกนายมาเพราะฉันสนใจ”

ชายคนนั้นมองมายังเขาด้วยสีหน้าสบายอารมณ์ ราวกับว่าเขากำลังกระทั่งผ่อนคลายมากกว่าก่อนหน้า

ฮันซูตระหนักถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้ในทันทีที่พบหน้า

เขาได้ยินเรื่องราวจำนวนมากจากเอลวินไฮลม์ที่เขาพบในอบิส

แน่นอน เขาก็ได้ยินเกี่ยวกับ <ผู้ร่วงหล่น> ที่สร้างภัยพิบัติขึ้นในโลกใบนี้ด้วย

มันชัดเจนที่อีกฝ่ายคือร่างโคลน ในเมื่อมันไม่มีทางที่คนคนนั้นจะอยู่ที่นี่

‘รากกลืนและคาย… ดูเหมือนว่ามันจะทำให้ตัวเองประหลาดใจแล้ว’

แน่นอนว่ามันย่อมมีข้อมูลยีนส์ของผู้สร้างของพวกมัน ผู้ร่วงหล่น

แต่การที่สร้างร่างโคลนของคนคนนั้นขึ้นมาแม้ว่ามันจะคาดเดาได้บ้างว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้

‘นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้นายถูกกำจัด’

ฮันซูจ้องมองไปยังร่างโคลนที่หมุนกุญแจไปรอบๆ อย่างเย็นชา

ร่างโคลนมีสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ขนาดยักษ์อยู่ที่มือขวา และกุญแจเล็กๆ ที่มือซ้าย

ฮันวูพึมพำอยู่ภายในใจหลังจากมองพวกมัน

‘การควบคุมสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้ขนาดนั้นโดยที่ไม่มีรีลิค…’

เขารู้ เพราะเขาเองก็ใช้สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์กับรีลิค

เขาเข้าใจว่าหมอนั่นควบคุมสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้ดีขนาดไหน

แน่นอนว่าหมอนั่นไม่ได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกมา แต่หากนับรวมถึงพลังงานที่สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์มีนั้น แค่นั้นก็ยังคงน่ากลัวอยู่ดี

หมอนั่นกำลังนำพลังงานจำนวนมากออกมาและส่งไปยังที่แห่งหนึ่งอย่างเชี่ยวชาญ

และฮันซูรู้ว่าพลังงานจำนวนมากนั้นถูกส่งไปที่ไหน

ลูกแก้วจำนวนมหาศาลกำลังลอยอยู่เบื้องหลังเขา

แม้ว่าพวกมันจะเล็กกว่ารีลิคของเอคิดรังที่ชายหนุ่มมี จำนวนของพวกมันก็เป็นหมื่น

ฮันซูขมวดคิ้วขณะที่เขามองลูกแก้วที่ลอยอยู่และสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ในมือของร่างโคลน

‘… นั่นคือคลังแสงที่ฉันเคยได้ยินมารึเปล่า?’

ลูกแก้วที่คล้ายกับรีลิคของเอคิดรังกำลังถูกปล่อยออกมาจากพื้นที่เปิดเบื้องหลังร่างโคลน

มันคือ <ลูกแก้วเจ็ดดารา> ที่มอบให้กับทหารทั่วไปใช้

เมื่อมันมีจำนวนมากพอในการมอบให้กับคนนับล้าน จำนวนมันจึงมหาศาลนัก

‘และจากที่ฉันจำได้… คลังแสงได้ถูกยึดไว้กระทั่งก่อนที่จะมอบให้กับทหารซะอีก’

<ดาบที่ถูกลืม> ที่กองทัพของกาลาเดรียง ฟาเบียน และเอคิดรังมีนั้นได้ถูกแบ่งให้กับทุกคน แต่บางอย่างเช่น <ลูกแก้วเจ็ดดารา> หรือ <เกราะไร้ลักษณ์> นั้นล้วนอยู่ในคลังแสง ราวกับว่ามันไม่ได้อยู่ในระหว่างช่วงเวลาสงคราม

เหตุผลที่ทำให้เอลวินไฮลม์พ่ายแพ้ต่อมัจฉาภัยพิบัตินั้นคือคลังแสงของพวกเขาได้ถูกยึดก่อนที่ทหารจะได้รับของอีกสี่ชิ้น นอกจากดาบ

‘ฉันไม่แม้แจะรู้ว่าอะไรที่หมอนั่นเชื่อ’

ฮันซูหยุดความคิดของเขาลงขณะที่มองไปยังร่างโคลน

“นายคิดอะไรอยู่?”

ทำไมชายที่ได้รับสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ถึงเรียกเขามา

ร่างโคลนยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น

“จะมีอะไรอีกล่ะ ตอนนี้ข้าต้องทำสิ่งที่ข้าต้องทำให้เสร็จ แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ถึงมันก็ตาม”

อัลฟ่ามองไปยังรีลิคที่ลอยอยู่รอบกายฮันซูหลังจากเอ่ยจบ

เขาไม่โง่

เขารู้ว่าตัวเขาเป็นเพียงร่างโคลน

แต่มันไม่สำคัญ

เป้าหมายของเขาสามารถทำให้สำเร็จได้ตราบเท่าที่ความสามารถและความทรงจำของเขายังเหมือนเดิม

‘ข้าต้องการมันเพื่อสิ่งนี้’

เขาจะสามารถสร้างพื้นฐานได้ด้วยของเหล่านั้น สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์อันที่สองที่เขามีและกุญแจ <ทหารพันเกราะ> ในมือของเขา

“ข้าก็แค่สงสัยว่าเจ้าจะมอบของที่เจ้ามีให้ข้าได้ไหม? ข้าเพิ่งจะเกิด ดังนั้นเลยไม่ค่อยอยากสู้เท่าไหร่”

ฮันซูไม่แม้แต่จะตอบขณะที่เขาเริ่มหมุนวนมานาในร่างกายของเขา

อัลฟ่าแสยะยิ้มหลังจากเห็นเช่นนั้น ราวกับว่ามันได้คาดการผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว จากนั้นจึงตวัดกุญแจในมือของมัน ทำให้ลูกแก้วจำนวนมากกว่าเดิมเริ่มพุ่งไปยังร่างของอีกฝ่าย

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ

‘พลังของมันกระทั่งสามารถทำลายพวกระดับสิบกว่าได้’

พลังที่เขาเห็นก่อนหน้าคือระดับ 9

ด้วยพลังเท่านี้ก็สามารถลบหมอนั่นออกไปได้โดยไร้ซึ่งร่องรอย

อัลฟ่าที่กำลังถ่ายเทคลื่นมานาที่สร้างขึ้นจากสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ไปยังลูกแก้วจำนวนนับไม่ถ้วนได้ส่งมานาโค้ดเฉพาะ สั่งให้พวกมันโจมตีฮันซูโดยใช้กุญแจในมือของเขา

เหตุผลที่ทำให้ <ทหารพันเกราะ> เป็นสมบัติของราชา

ทหารทั่วไปสามารถใช้อุปกรณ์ทั้งห้าชิ้นอย่างเกราะไร้ลักษณ์ และลูกแก้วเจ็ดดาราได้ก็ต่อเมื่อราชาอนุญาต

หากกุญแจทั้งห้าที่ห้าแม่ทัพครอบครอง <กุญแจ> นั้นสื่อถึงต้นไม้โลก ถ้าอย่างนั้นกุญแจที่ราชามี <ทหารพันเกราะ> ก็มีพลังเหนือกว่าอุปกรณ์เลียนแบบของรีลิคทั้งห้า

ถ้าทหารพันเกราะไม่อนุญาตให้อุปกรณ์ทั้งห้าทำงาน พวกมันทั้งหมดก็จะหยุดทำงาน

เหตุผลที่เขาไม่สนใจเกี่ยวกับพวกแมลงที่อยู่ห่างออกไปพร้อมกับรีลิคนั้นเป็นเพราะเรื่องนี้

เมื่อเขาสามารถหยุดพวกมันได้อย่างที่เขาต้องการ

ในตอนที่ร่างโคลนบ้าคลั่งไป

เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง

“หือ?”

บางอย่างได้พุ่งฝ่าลูกแก้วเจ็ดดาราที่ถูกควบคุมโดยคลื่นมานาของเขาอย่างรวดเร็ว

พูดให้แม่นยำก็คือลูกแก้วที่ถูกควบคุมโดยคลื่นมานาของเขาได้สูญเสียการควบคุมจากเขาไป และเริ่มที่จะเอนเอียงทันทีที่พวกมันเข้าไปยังคลื่นมานาของรีลิคและสะเก็ดของอีกฝ่าย

และแน่นอนว่าเมื่อลูกแก้วสีเงินอ่อนกำลังลง ฮันซูก็ได้เหวี่ยงดาบสีทองของเขาพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาเขา

ร่างโคลนสบถเสียงลั่นอย่างไม่ตั้งใจด้วยความหงุดหงิด

“เวรอะไรเนี่ย! เจ้ารู้มานาโค้ดได้ยังไง!”

มานาโค้ดได้ถูกจารึกไว้ที่ทหารพันเกราะที่ควบคุมอุปกรณ์ทั้งห้าได้ไหลไปตามคลื่นมานาของฮันซูเมื่อมันได้ทำลายการไหลของมานาภายในลูกแก้วเจ็ดดาราไปแล้ว

และเพราะแบบนั้น เขาจึงไม่อาจควบคุมพวกมันได้ดังใจ

ฮันซูที่ได้ยินเสียงตะโกนที่ราวกับกรีดร้องนั้นคิดถึงบทสนทนาของเขากับเอลวินไฮลม์ที่เขาได้พบที่อบิส

<ถ้าเจ้าเจอคลังแสงที่เราล้มเหลวที่จะครอบครองนั่น… เอามานาของนายใส่ลงไป แล้วนายจะสามารถดึงอุปกรณ์จากภายในออกมาและใส่ให้คนอื่นๆ ได้>

‘ไม่ยักกะรู้ว่าฉันต้องใช้มันแบบนี้’

เขาไม่ได้คาดหวังมากในเมื่อเอลวินไฮลม์ไม่รู้ว่าคลังแสงอยู่ที่ไหนเช่นกัน

แต่การที่เจอมันแบบนี้

‘งั้นทั้งหมดนี่ก็จะกลายเป็นของฉันถ้าฉันตัดคอนายใช่ไหม?’

แล้วแผนในอนาคตของเขาก็จะง่ายขึ้นมาก

เขาอาจจะถูกบดขยี้ไปแล้วถ้าไม่รู้โค้ด แต่มันไม่ได้ยากที่จะเข้าใกล้อีกฝ่ายในเมื่อเขารู้โค้ด

ฮันซูที่แย้มยิ้มเย็นเยียบมองไปยังร่างโคลนที่กราดเกรี้ยว จากนั้นจึงฟาดดาบของเขาลงไปยังร่างของอีกฝ่าย

ฟ้าววววว

ดาบสีทองตัดผ่านอากาศ ตรงไปยังร่างโคลนอย่างรวดเร็ว

ในตอนนั้นเองที่ร่างโคลนกัดฟันกรอด แทงกุญแจเข้าไปในอากาศอีกครั้ง จากนั้นจึงหมุนไปอีกทางหนึ่ง

หากหมุนไปทางขวา คลังแสงจะเปิดขึ้นพร้อมกับอุปกรณ์จำนวนมหาศาลภายใน

แต่หากหมุนไปทางซ้าย บางอย่างที่แตกต่างออกไปจะเกิดขึ้น

ฟุ่บ

วินาทีที่กุญแจหมุนใจกลางอากาศ อากาศรอบๆ ก็พลิกกลับพร้อมกับสร้างระลอกคลื่นสีเงินขึ้น

ระลอกคลื่นนี้ถูกสร้างขึ้นจากมือของร่างโคลนที่ถือกุญแจ มันเริ่มที่จะคืบคลานขึ้นไปบนแขนและครอบคลุมไปทั่วทั้งร่าง

ตูม!!!!

ดาบสีทองฟาดลงไปยังเกราะสีเงิน แต่ว่ามันแข็งเสียจนกระทั่งรอยขีดข่วนยังไม่เกิดขึ้น

ฮันซูแทบจะเสียสติไปเมื่อเห็นเกราะที่ดูคุ้นเคยอย่างมาก

“เฮ้ย! นักกินอาวุธ!”

นักกินอาวุธ

หมายเลขเดี่ยว 6

เกราะล่องหนที่เติบโตได้โดยการกลืนกินอุปกรณ์อื่นๆ

ฮันซูตื่นตะลึงจากการปรากฏตัวขึ้นของเกราะที่สามารถพบได้ที่เขตที่สูงกว่า

‘ชิ้นส่วนที่สมบูรณ์อยู่ที่นี่! ส่วนสมบูรณ์ของนักกินอาวุธ!’

อาร์ติแฟคที่เลียนแบบของส่วนมากที่มีอยู่ในบางพื้นที่บนโลก

เมื่อมันเป็นเพียงสิ่งที่ถูกใช้เป็นเหมือนเครื่องก๊อปปี้รางวัลจากแฟรี่

เหตุผลที่สิ่งของจำนวนมากที่เหมือนกันได้ปรากฏขึ้นเป็นเพราะสิ่งนี้

และเมื่อสถานที่ที่นักกินอาวุธเลียนแบบปรากฏขึ้นไม่ใช่ที่นี่ มันหมายความว่าสิ่งที่อยู่ที่นี่คือค้นแบบ

แม้ว่าเขาจะได้ยินเรื่องรูปแบบกุญแจของคลังแสง และเกราะพิเศษที่ราชาซ้อนมันไว้ แต่เขาไม่รู้ว่าเกราะนั้นจะเป็นนักกินอาวุธต้นแบบ

‘อีกเหตุผลให้ฉันฆ่าเขา’

ดวงตาของฮันซูลุกโชนกับการค้นพบที่คาดไม่ถึง

 


TL: ฟันมัน ฆ่ามัน แล้วลูทของมัน!!