บทที่ 76: โรงงาน (2)
กรอดดด
คนจำนวนมากกว่าร้อยเล็กน้อยขบฟันแน่นภายใต้กระแสน้ำทะเลพิษที่กราดเกรี้ยว
‘เวรเอ้ย มันรุนแรงมาก’
ถึงแม้ว่าอุโมงค์ด้านในที่พวกเขาใช้เดินทางนั้นจะใหญ่ แต่อุโมงค์ด้านนอกที่ดูดน้ำทะเลพิษนั้นกระทั่งใหญ่กว่า
เหล่ามนุษย์ที่รู้สึกราวกับว่ากำลังจะถูกกวาดไปพร้อมกับน้ำป่าที่รุนแรงจับมือกันแน่นเพื่อที่จะไม่พลัดหลงกับคนอื่น
‘เราอาจจะตายถ้าเราหลงกับคนอื่น!’
คนเหล่านี้ใช้สกิลทุกสกิลที่มีเพื่อที่จะมีชีวิตรอด และใช้พลังที่อยู่ในเขตสีแดงในการจับเกาะกับคนอื่นไว้แน่น
และในระหว่างพวกเขา ลูกแก้วเจ็ดลูกได้ลอยไปมาอย่างต่อเนื่อง โอบล้อมพวกเขาไว้ด้วยกันและป้องกันไม่ให้พวกเขากระแทกเข้ากับกำแพงด้วยการเปลี่ยนแปลงทิศทางเล็กๆ น้อยๆ
‘เวรเอ้ย ฉันไม่มั่นใจว่าเราจะตายกันหมดรึเปล่า’
ในขณะที่ไมเคิลสบถอยู่ในใจ แสงก็ได้ปรากฏขึ้นห่างออกไป
แสงที่เกิดขึ้นจากปลายอุโมงค์ยักษ์
‘เรามาถึงแล้ว’
ฮันซูควบคุมลูกแก้ว รีลิคของเอคิดรัง ให้พุ่งออกไปยังกำแพงอย่างรวดเร็ว
หากพวกเขาถูกกวาดลงไปที่โรงงาน งั้นพวกเขาก็จะถูกหลอมละลายกันทั้งหมดด้วยกระบวนการของโรงงาน
เขาต้องสร้างรูเพื่อที่จะหลบหนีไปก่อนหน้านั้น
กี๊ซซซ
ดาบสีทองในมือของฮันซูระเบิดออกอย่างรุนแรง
ชายหนุ่มแทงดาบที่ขยายออกเป็นนับสิบเมตรลงไปยังกำแพง
ครึ่กกก
‘อึ่กกก’
มันให้ความรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อที่มือของเขากำลังจะระเบิดออก
ดาบที่ถูกสร้างขึ้นจากรีลิคของกาลาเดรียงนั้นแข็งแกร่ง ทว่าอุโมงค์ใกล้กับร่างหลักนั้นหนาและแข็งกว่าด้านต้น และในตอนนี้มันก็แข็งแกร่งอย่างมาก
ฮันซูกำรีลิคของกาลาเดรียงแน่นเพื่อที่จะไม่เสียมันไปพร้อมกับใช้รีลิคของเอคิดรังในการทรงร่างของเขาให้อยู่นิ่งๆ
กี้ดดดด
ความพยายามของชายหนุ่มไม่สูญเปล่าเมื่อความเร็วนั้นลดลงอย่างรวดเร็วแม้ว่าจะยังอยู่ในน้ำ
และในจุดที่ชายหนุ่มผ่านก็ได้ปรากฏรอยตัดใหญ่นับสิบเมตรทิ้งไว้
<!!!!!!!!!!!!!!!!!>
<รากกลืนและคาย> ที่ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างมากกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
เมื่อมันเป็นไปไม่ได้กระทั่งสำหรับมันในการที่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อรากที่ทำหน้าที่เหมือนเส้นเลือดถูกกรีดเช่นนั้น
ในวินานทีนั้น แรงระเบิดรุนแรงก็ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา
ไมเคิลและลูกกิลด์ที่อยู่ด้านหลังฮันซู ใช้พลังทั้งหมดในการส่งสกิลของพวกเขาออกมา
แม้ว่ามันจะยากในการที่คนนับร้อยคนจะใช้สกิลออกมาพร้อมกัน แต่พวกเขาทำได้ในครั้งแรกเมื่อพวกเขาส่งการโจมตีที่ทรงพลังไปยังทิศทางหนึ่ง
พวกเขาใช้แรงระเบิดนั้นผลักตัวเองออกจากน้ำทะเลพิษขณะที่พวกเขาออกไปยังด้านนอกของราก
ซ่า
“คะอั่ก… แค่ก”
“แฮ่ก….แฮ่ก”
แม้ว่ารากที่เป็นทางไหลของน้ำทะเลพิษจะลอยขึ้นไปบนอากาศนับสิบเมตร มันก็ไม่มีใครที่จะตายด้วยการตกจากที่สูงแค่นั้น
เหล่ามนุษย์ที่ออกมาจากน้ำทะเลพิษกระโดดลงบนพื้น จากนั้นจึงกัดฟันกรอดพร้อมกับหอบหายใจ
“เวรเอ้ย ไม่เอาอีกแล้ว”
ไม่เหมือนลูกกิลด์เหล่านั้น ไมเคิลรีบมองไปยังรอบกายของเขา
สถานที่เปิดขนาดใหญ่
รากสองแบบที่แตกต่างกันปรากฏอยู่เหนือพวกเขา
รากยักษ์ของต้นไม้โลกที่พวกเขาคุ้นเคย
กับรากที่พวกเขาออกมา ที่ติดอยู่ใต้รากของต้นไม้โลกราวกับปรสิต
สายตาของเขาย่อมไปหยุดลงที่สถานที่ที่รากนั้นแพร่ออกไป
และสิ่งที่ตั้งอยู่ที่สุดปลายนั้น
“มันใหญ่…”
ใต้รากของต้นไม้โลก สิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ได้ตั้งอยู่
แม้ว่าพวกเขาจะตรวจสอบมันด้วยสกิลก่อนหน้า การเห็นมันด้วยตาของตนเองแบบนี้นั้นต่างออกไปมาก
“การที่อะไรแบบนี้อยู่ใต้ต้นไม้โลก…”
ในเวลาเดียวกัน สิ่งอื่นๆ เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในสายตาของพวกเขา
สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบสิ่งก่อสร้างนั้นไว้
สัตว์อสูรค่อยๆ ปรากฏตัวออกจากรอบสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายจะเป็นร่างหลักที่พวกเขาอยู่จนถึงบัดนี้
ฮันซูเริ่มที่จะเตรียมมานาภายในร่างกายของเขาหลังจากเห็นสิ่งนั้น
เป้าหมายนั้นเหมือนก่อนหน้า
เขาต้องดึงสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ออกมาก่อนที่โรงงานจะฟื้นฟูอย่างเต็มที่
“ผ่านมันไปให้ไว เกาะติดฉันให้ดีๆ”
“ฉิบหายเอ้ย ถึงนายจะบอกแบบนั้น…”
ไมเคิลขบฟันแน่นเมื่อเขาเห็นสัตว์อสูรที่ไหลทะลักมาทางพวกเขาห่างออกไป
ในเวลานั้น รีลิคที่อยู่รอบกายของฮันซูก็ลอยออกไปราวพายุ กระแทกเข้าที่ศีรษะของสิ่งมีชีวิตยักษ์นั้น
ตูม!
รีลิคที่ได้กลืนกินพลังงานจำนวนมหาศาลจากสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์กระแทกหัวของสิ่งมีชีวิตนั้นจนแตกก่อนที่จะย้อนกลับมาข้างกายชายหนุ่ม
“มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ฉันบอกว่าฉันจะทำตามที่นายหวัง ในการฆ่าไอ้สิ่งนี้”
“… ฉันจะไม่ขออะไรสั่วๆ อีกนับแต่นี้ต่อไป”
ไมเคิลผู้ที่ไม่เคยเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงพบกับพระเจ้าที่เขาไม่ได้มองหามากว่าสองปีอีกครั้งในสมองของเขาขณะที่เขาเตรียมกองทัพของเขาพร้อมกับมองไปยังสัตว์อสูรที่ถาโถมเข้ามา
กึก กึก
ชายที่ลุกขึ้นจากสารอาหารเหลวมองไปยังรอบด้าน
ชายที่มีรูปลักษณ์ของเอลวินไฮลม์
ทว่าไม่เหมือนกับเอลวินไฮลม์ทั่วไป เขามีออร่าที่แปลกประหลาดปรากฏออกมา
<!!!!!…..!>
ในวินาทีนั้นเองที่เสียงเสียงหนึ่งได้มุ่งเข้าสู่สมองของเขาจากด้านบน
ให้เขาออกไปและจัดการผู้บุกรุก
ชายผู้นั้นมองขึ้นไปด้านบน
สิ่งที่แผ่ขยายรากใหญ่ยักษ์ของมันไปทุกทิศทาง
สิ่งนั้นที่อยู่ในความทรงจำของเขาอย่างแน่นอน
‘รากกลืนและคาย… มันเป็นบางอย่างที่ฉันมอบพลังให้เหมือนกัน’
และเพราะแบบนั้น ชายผู้นั้นจึงเริ่มโกรธเกรี้ยวขึ้น
ไอ้สิ่งนี้มันกล้าดียังไงมาสั่งเขา
ร่างหลักของ <รากกลืนและคาย> กระพริบตาราวกับว่าท่าทีของชายคนนั้นได้สร้างความไม่สบายใจให้กับมัน
<…>
แม้ว่าชายผู้นั้นจะเป็นร่างโคลนที่ถูกสร้างขึ้นจากเซลล์ของผู้สร้างเป็นพื้นฐาน ความสามารถของมันก็ไม่อาจเทียบเท่ากับเขาได้
แต่ในการที่ไอ้ตัวแบบนั้นแสดงท่าทีอวดดีแบบนี้
สิ่งที่ทำให้มันแย่ลงคือการที่มันไม่อาจสั่งอีกฝ่ายได้เพราะอีกฝ่ายถูกสร้างขึ้นด้วยเซลล์ของผู้สร้างเป็นพื้นฐาน
รากกลืนและคายได้สร้างร่างโคลนขึ้นทันเวลา ทว่ามันไม่รู้ว่าสิ่งที่มันสร้างขึ้นจกระทำสิ่งใดเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ถูกผูกมัดให้รับคำสั่งจากมัน
มันคือเหตุผลให้มันไม่สร้างอีกฝ่ายขึ้นจนถึงบัดนี้
<…>
“…”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังก่อกวนกันอยู่นั้น ฝ่ายที่พูดขึ้นก่อนก็คือชายคนนั้น
“เจ้ามี… กุญแจสู่ <คลังแสง> ที่นี่ใช่ไหม? ส่งมันมาให้ข้า”
หนึ่งในสองสมบัติแห่งเอลวินไฮลม์ <คลังแสง>
จากความทรงจำของร่างโคลน เขาได้มอบมันให้กับไอ้ตัวนี้เพื่อเก็บไว้
<…>
“ข้ามอบหมายให้เจ้าควบคุมโรงงานก่อนหน้า ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่นี่”
<…>
ขณะที่รากกลืนและคายยังคงส่งกระแสความไม่พอใจอย่างต่อเนื่อง ชายผู้นั้นก็กัดฟันกรอด
“ไอ้เวรนี่ ข้าต้องการมันในการป้องกันไอ้คนข้างนอกนั่น รีบๆ ส่งมันมาให้ข้า”
ชายผู้นั้นตระหนักได้ว่าสถานการณ์ด้านนอกไม่สู้ดีนัก
ดูเหมือนว่าโรงงานจะทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะได้รับความเสียหายบางอย่าง
มันหมายความว่าสถานการณ์นั้นแย่เสียงจนกระทั่งมันไม่อาจมุ่งความสนใจไปยังการฟื้นฟูโรงงานและต้องเค้นสัตว์อสูรออกไป
และสัตว์อสูรที่ถูกสร้างขึ้นก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะได้เปรียบเช่นกัน
เมื่อเสียงกรีดร้องดังลั่นของสัตว์อสูรได้ดังขึ้นจากด้านนอกพร้อมด้วยเสียงตูมตาม
‘มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง… ไอ้พวกนี้มีระดับความอันตรายอยู่ที่ 12 พวกเขามาเพื่อฆ่ามัน?’
สัตว์อสูรที่อันตรายที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นจากโรงงานคือระดับ 7
แต่ในทางกลับกัน ตัวอื่นๆ รวมทั้งมัจฉาภัยพิบัตินั้นอยู่ในระดับ 12
ระดับ 12 นั้นอันตรายเพียงพอที่จะคุกคามทั้งเผ่าพันธุ์ให้สูญพันธ์ได้
และมันได้ทำไปแล้ว
ชายผู้นั้นมุ่นคิ้วราวกับกำลังหงุดหงิด
จากนั้นร่างหลักที่จตรวจรับข้อมูลจากภายนอกด้วยรากที่ทำหน้าที่เหมือนเสาอากาศก็เริ่มที่จะเปิดปากที่คล้ายคลึงกับปลาหมึกออกภายในร่างของมัน ราวกับว่ามันไม่อาจทนได้อีกต่อไป
พรวด พรวดด
เมื่อปากขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางนับร้อยเมตรเปิดออก รากที่คล้ายหนวดนับร้อยก็พุ่งลงไป
และในจุดที่รากทั้งสองซ้อนทับกัน มีของสองสิ่งอยู่ที่นั่น
หนึ่งคือสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องแสงสว่างจ้าขณะที่มันเติมเต็มพลังงานที่ต้องการให้กับร่างหลัก
อีกสิ่งหนึ่งคือกุญแจหน้าตาแปลกประหลาดที่มีขนาดเท่านิ้วหนึ่งนิ้ว
ร่างหลักใช้หนึ่งในรากนับร้อยเป็นมือ คว้ากุญแจสีเงินนั้นขึ้นมา
จากนั้นจึงส่งมันไปยังชายเบื้องล่าง มอบมันให้แก่เขา
“หืมมม ดี จะยังไงก็ตาม ไอ้เวรอวดดีนี่…”
ชายคนนั้นหมุนกุญแจในมือ จากนั้นจึงหัวเราะอย่างเย็นเยียบขณะที่มองไปยังศิลาศักดิ์สิทธิ์เหนือร่างของเขา
<…>
ในขณะที่ <รากกลืนและคาย> ส่งเสียงแปลกประหลาดออกมาราวกับว่ามันรู้สึกไม่ดีหลังจากเห็นรอยยิ้มของชายคนนั้น เอลวินไฮลม์ก็ได้แทงกุญแจเข้าไปในอากาศเหนือร่างเขา จากนั้นจึงหมุนไปทางซ้าย
ตูม!
ฮันซูป้องกันหนึ่งในรากจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยรีลิคของเอคิดรัง
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
แม้ว่ารากนับสิบจะพุ่งเข้ามาหาเขา เขาก็ยังสามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของพวกมันบางส่วนได้
ฮันซูป้องกันรากเหล่านั้นขณะที่คิดอยู่ในใจ
‘อย่างที่คิด ระบบป้องกันของมันอ่อนแอกว่ามัจฉาภัยพิบัติ’
รากบางๆ ของรากกลืนและคายนั้นดูคล้ายกับหนวดภายในร่างของมัจฉาภัยพิบัติหากมองผ่านๆ แต่พลังของมันแตกต่างกันอย่างมาก
แม้ว่ามันจะยังคงเหลือปัญหาใหญ่มากๆ อีกหนึ่งอย่าง
มันมีเหตุผลที่ทำให้ระบบป้องกันอ่อนแอขนาดนี้
มันอ่อนแอเพราะว่ามันไม่จำเป็น
โกววววว!
ออร์คที่มีขนาดเทียบเท่าตึกสามชั้นฟาดกระบองที่ยาวนับสิบเมตรของมันลงบนพื้น
ตูมมมม!
แรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่กระจายออกไปทุกทิศทาง พื้นดินเคลื่อนขึ้นลง
ลูกแก้วเจ็ดลูกกำลังวุ่นวายกับป้องกันรากที่พุ่งลงมาจากฟ้า
เขาต้องเผชิญหน้ากับมันตรงๆ
ดาบสีทองของชายหนุ่มยืดยาวขึ้น
ตูม!
ฮันซูโจมตีกระบองที่เหวี่ยงวาดไปทุกทิศ
ฉัวะ
กระบองถูกตัดครึ่งพร้อมกับลอยออกไปตกอยู่อีกที่
กูววว
ออร์คยักษ์แสดงสีหน้าหงุดหงิด จากนั้นจึงเผยสีหน้าโหดเหี้ยมและพยายามเหวี่ยงกระบองของมันอีกครั้ง ราวกับว่ามันกำลังพยายามบี้มดที่อยู่ในสายตาของมัน
แม้ว่ามันจะไม่ได้สำคัญมากนัก
ฉับ
ณ เวลาที่ฮันซูเหวี่ยงดาบของเขา กระบองและลำคอของออร์คที่อยู่ในระยะดาบ ได้ถูกตัดออกนานแล้ว
ตุบ
จากนั้นมันจึงล้มลงบนพื้น
ไมเคิลที่ต่อสู้อยู่ไกลๆ เห็นสัตว์อสูรนั้น เพ่งมอง ก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“เราชนะได้! เราเกือบจะไปถึงแล้ว!”
จากนั้นพวกเขาจึงมองไปยังสิ่งที่ส่องสว่างเจิดจ้าอยู่ไกลๆ
แสงสว่างที่นำทางพวกเขาราวกับประภาคาร
สิ่งเดียวกับที่ฮันซูมีอยู่
‘เราจะชนะถ้าเราดึงมันออกมาใช่ไหม’
ฮันซูได้บอกพวกเขา
สิ่งที่ได้เติมเต็มพลังงานให้กับร่างใหญ่ยักษ์นั่นคือสิ่งนั้น
ทุกสิ่งจะถูกแก้ไขถ้าพวกเขาไปที่นั่นและดึงมันออก
ในตอนนั้นเองที่ไมเคิลชะงัด
‘แล้วโรงงานก็จะหยุดทำงาน?’
งั้นแล้วนักผจญภัยคนอื่นๆ จะล่าอะไรเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นล่ะ
แต่ในตอนนั้นเอง การเปลี่ยนแปลงก็ได้เกิดขึ้น
กร๊าซซซซ!
“หือ?”
คลื่นกระแทกรุนแรงเกิดขึ้นจากยางแห่งภายในสถานที่ที่สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างพร้อมด้วยเสียงระเบิดดังลั่น
และไม่นานหลังจากเกิดเสียงนั้น แสงของโรงงานก็เริ่มดับมืดลง
ในเวลาเดียวกัน รากนับร้อยที่กำลังโจมตีพวกเขาก็ได้เหี่ยวแห้งลงราวกับสูญเสียพลังไป
‘นี่…’
ฮันซูขมวดคิ้ว
เขาเคยเห็นมันมาก่อน
ที่หัวใจของมัจฉาภัยพิบัติ
มันหมายความว่ามีใครบางคนดึงสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากภายในร่างรากกลืนและคายแล้ว
‘ใคร?’
ในตอนนั้นเองที่เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นในสมองของเขา
<เราจะเจอกันหน่อยหลังจากทิ้งขยะพวกนั้นไว้ด้านหลังได้ไหม? ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าคือใคร และทำไมเจ้าจึงใช้กุญแจได้อย่างเชี่ยวชาญนัก>
‘กุญแจ? เขารู้ชื่อนั่น?’
การที่เรียกรีลิคว่ากุญแจ
แน่นอนว่าชื่อเดิมของรีลิคเหล่านี้คือกุญแจทั้งห้า ดังนั้นแล้ว <กุญแจ> จึงเป็นชื่อเรียกที่ถูกต้อง
แต่ว่ามันไม่ควรมีใครนอกจากเขาที่รู้จักมันที่นี่
ในเมื่อคนเพียงคนเดียวที่เรียกมันแบบนั้นคือเอลวินไฮลม์ และมีเพียงพวกระดับสูงเท่านั้น
“อยู่นี่”
“หือ? เฮ้?”
ฮันซูทิ้งเสียงตะโกนของไมเคิลไว้ด้านหลังจากที่เขาเคลื่อนไหวออกไปด้านหน้า
TL: ว้ายยย เรียกปู่ไปคุยกันสองต่อสองด้วยอ๊ะ//บิดตัวเขินอาย