บทที่ 77 วิกฤตมาถึง

ในทะเลสาบที่เย็นเยือกดั่งน้ำแข็ง ด้วยลักษณะหลังที่บวมและใหญ่นั้น ช่วยให้เย่เฟิงว่ายตัดผ่านกระแสน้ำไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการแวกว่ายของปลา

ในขณะที่แสงสลัวที่อยู่ข้างหน้าของเย่เฟิงเริ่มเด่นชัดขึ้น เย่เฟิงเริ่มเข้าใกล้หลงหวางเอ๋อและได้เห็นรูปร่างที่สวยงามอันน่าหลงใหลของเธอยามที่อยู่น้ำ แม้ว่าความเร็วของเธอจะด้อยกว่าของเขา แต่ความยึดหยุ่นของร่างกายนั้นเทียบเท่ากับเย่เฟิงเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ที่ก้นทะเลสาบนั้นไม่มีอะไรนอกจากน้ำ โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีฟองอากาศแม้แต่น้อยที่จะใช้หายใจ พวกเขากำลังว่ายไปตามเส้นทางที่มีความยาวและคดเคียวมาก ใครจะรู้เหล่าว่าจะต้องว่ายไปอีกนานแค่ไหน

ด้วยการกลั้นหายใจของเธอ หลงหวางเอ๋อว่ายน้ำไปอย่างรวดเร็ว เพราะมันเป็นเรื่องค่อนข้างยากสำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์ในโลกนี้ที่จะกลั้นหายใจเป็นเวลานาน

หลังจากว่ายมาได้ระยะหนึ่ง เย่เฟิงได้ยินเสียงจากด้านหลังเหมือนฟ้าถล่มดินถลายลงมา มันเป็นสัญญาณบอกว่าทั่วทั้งสุสานโบราณทรุดตัวลงแล้ว บนผิวน้ำก็คงเต็มไปด้วยเศษอิฐเศษหินที่ล่วงลงมายังทะเลสาบในขณะนี้

ถ้าซูเฟยหยิ่งอยู่ข้างในล่ะ …..

เย่เฟิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย

ด้วยที่ซูเฟยหยิ่งมีระดับวรยุทธ์ถึง 100 ปี และประกอบกับการใช้ทักษะเทวะสายฟ้า เธอสามารถที่จะระเบิดภูเขาให้เป็นจุลได้ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ หรือแม้แต่การทำลายที่แสนยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณสุสาน แต่นั่นกลับไม่สามารถทำอะไรเธอได้เลยแม้แต่ปลายผม นับประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้

สิ่งที่ชายหนุ่มกลัวคือถ้าซูเฟยหยิ่งต้องประสบพบเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันกับเขา แล้ว…..

(Lastvoice : เหตุการณ์ในที่นี่หมายถึง ‘การกลับมาเกิดใหม่’ ซึ่งได้พรากเอาวรยุทธ์ของเย่เฟิงไปทั้งหมดในต้นเรื่อง)

ขณะที่ความคิดนี้แล่นอยู่ในหัว ชายหนุ่มเร่งความเร็วในการว่ายให้เร็วขึ้น และรีบตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่ายังไง เขาต้องพาหลงหวางเอ๋อออกจากทะเลสาปอย่างปลอดภัยเป็นอย่างแรก แล้วจากนั้นก็ค่อยกลับมาตามหาอาจารย์ ทั้งสองสิ่งนี้คือวัตถุประสงค์ของเขาในตอนนี้

ในเวลานั้นเอง เย่เฟิงก็รู้สึกเกร็งไปทั้งร่างในทันที เขารับรู้ได้ถึงภัยอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้และมันตรงมายังข้างหน้าเขาแล้ว !

เงามืดขนาดยักษ์ได้ปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้าของหลงหวางเอ๋อ ภายใต้แสงสลัวๆของมุกที่ส่องสว่าง หากมองลงไปจะสามารถเห็นได้ถึงคมเขี้ยวที่ดูโหดร้ายอย่างหาที่เปรียบมิได้ มันดูดุร้าย ร่างกายดูแปลกประหลาดเหมือนปลาขนาดใหญ่มีขนาดเท่าตัวคน ซึ่งอยู่ตรงหัวของเธอ ด้วยความเร็วของมัน มันก็อ้าปากของมันขึ้น เพื่อจะกัดลงไปที่หัวของเธอ!

อย่างเห็นได้ชัด หลงหวางเอ๋อก็รู้ตัวว่าว่าปลาร่างประหลาดเข้ามาใกล้ทุกที ดังนั้นเธอจึงรีบเพ่งสมาธิส่งพลังชี่ไปยังขา และในทันทีที่ปลานั้นเข้ามาอยู่ในระยะ ขาเรียวยาวก็ฟาดออกไปในทันที ด้วยความรุนแรงของการเตะเข้าที่ขากรรไกร ทำให้มันกระเด็นออกไปอีกทางหนึ่ง

ในสถานการณ์ที่เหมือนจะดีขึ้นนั้นเอง ก็แว่วเสียงครวญครางผ่านเข้าไปยังหูของเย่เฟิง เขาก็คาดเอาไว้แล้ว ว่าการที่หญิงสาวเตะออกไปอย่างรุนแรงนั้น จะส่งผลกระทบกลับมายังตัวเธอเช่นเดียวกัน

เสียงนี้ทำให้เขาได้สติ และรีบว่ายตรงไปยังหญิงสาวทันที โชคไม่ดีนักที่เขาไม่สามารถใช้ย่างก้าวไร้เงาในน้ำได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ต้องเปลืองแรงตัวเองขนาดนี้

ในโลกเทวะ สัตว์ที่ทั้งดุร้ายแล้วหิวกระหายจะกระจายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง บางตัวพวกมันนับว่าน่ากลัวถีงขีดสุด แม้แต่ผู้ที่มีการฝึกวรยุทธ์ขั้น 100 ปี ก็ยังตกเป็นอาหารแก่พวกมันได้ พวกมันนับเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างแท้จริง !

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเจ้าปลาหน้าตาประหลาดนี่ แต่เขาก็เห็นว่ามันเป็นพวกถนัดในการใช้กำลัง ถ้าหลงหวางเอ๋อพยายามที่จะเผชิญหน้ากับด้วยตัวคนเดียว เธอก็คงไม่พ้นต้องไปนอนอยู่ในท้องมันอย่างแน่นอน

เย่เฟิงหยุดอยู่ห่างจากหลงหวางเอ๋อประมาณ 100 เมตร เขาไม่อยากให้หญิงสาวรู้ตัวว่าเขาตามเธอมาจึงหยุดดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ แต่ทันใดนั้น แสงอันเรืองรองของไขมุกก็เริ่มปะปนนกับประกายสีแดงเล็กๆ

เธอได้รับบาดเจ็บ !

ตอนนี้หญิงสาวไม่สามารถที่จะดิ้นรนเอาตัวรอดในสภาพบาดเจ็บแบบนี้ได้ ในขณะที่อีกด้าน เจ้าปลาประหลาดอันบ้าคลั่งได้เพิ่มความดุร้ายในตัวของมันขึ้นอีกขั้น ดูเหมือนว่ามันต้องการที่จะฉีกกระชากเธอเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะจัดการกินเธอเข้าไป

“ไอ้สัตว์ประหลาด รนหาที่ตาย!”

เย่เฟิงตะโกนออกไปอย่างเสียงดัง และรีบว่ายตรงไปหาหลงหวางเอ๋อ ทันทีที่เขาเข้าใกล้เธอในช่วงเวลาวิกฤต ชายหนุ่มรวบรวมพลังเจินชี่ลงในแหวนกระบี่มังกรโบราณ จากนั้นจึงปรากฏคมกระบี่ที่ก่อกำเนิดจากการควบแน่นของเจินชี่ และเกิดประกายแสงใต้น้ำ!

เจ้าปลาประหลาดนั้นสนใจแต่เพียงที่จะงาบหัวของหลงหวางเอ๋อเท่านั้น จนทันทีที่เกิดประกายแสงสีส้มขึ้นในน้ำ ร่างกับหัวของปลาประหลาดก็แยกออกจากกันเป็นสองส่วน เลือดสีดำของปลาประหลาดแพร่กระจายปะปนไปกับผิวน้ำเหมือนดั่งน้ำหมึก

“เลือดมันเป็นพิษ!”
เย่เฟิงหันไปหาหลงหวางเอ๋ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าเอวบางของเธอมาไว้ในอ้อมกอด แล้วรีบพาหญิงสาวออกจากบริเวณนี้ในทันที มุกเรืองแสงที่อยู่กับเธอนั้น นอกจากจะคอยให้แสงสว่างแล้ว มันยังเป็นต้นเหตุของอันตรายจนหญิงสาวได้รับบาดเจ็บหลายแห่งตามแขนกับขา ร่างอันบอบบางของเธอดูไร้เรี่ยวแรงเต็มทน

“คุณ…..”

นาทีนั้นเองที่หลงหวางเอ๋อเห็นชายสวมหน้ากากกำลังกอดไว้เธออยู่ หญิงสาวไม่สามารถที่จะขัดขืนได้ เธอทำได้เพียงเปิดดวงตาคู่งามขึ้นและจ้องมองชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เธอเปิดริมฝีปากขึ้นเพื่อจะพูดอะไรสักอย่างกับเขา น้ำก็ไหลเข้าไปในปากทันที นี่ทำให้หญิงสาวเริ่มสำลัก เนื่องจากน้ำในทะเลสาปที่ทั้งหนาวและเย็นนี้กำลังเข้าไปในปากและปอด

ในสถานการณ์ที่เกือบถึงตายนี้ มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายและได้ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนๆนั้นกลับเป็นชายสวมหน้ากาก คนที่เธอปราถนาจะสับเขาออกเป็นชิ้นๆ แค่คิดยังคิดไม่ออกเลยว่าเธอควรทำตัวยังไงตอนนี้!

ใจจริงหญิงสาวอยากจะฆ่าเขาโดยไม่ว่าสนว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ก่อนจะฆ่าตัวตายเสียหลังเรื่องราวทั้งหมด แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงมากพอที่จะทำแบบนั้นได้

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ ฉันจะพาเธอออกไปเอง”

เย่เฟิงกล่าวอย่างนุ่มนวลในขณะที่แขนของเขาโอบไว้รอบๆร่างบางที่เปียกไปทั้งตัว ก่อนจะพาร่างทั้งคู่ว่ายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มีปลามากมายหลากหลายพรรณกำลังว่ายวนอยู่รอบๆเขาในทะเลสาปแห่งนี้ แต่โชคดีที่ไม่พบปลาประหลาดชนิดนั้นอีกเลย

เย่เฟิงจำได้ว่าก่อนหน้านี้ กระบี่ของเขาที่ถูกเรียกออกมาจากแหวนกระบี่มังกรโบราณซึ่งเดิมทีนั้นมีสีแดง แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสีส้ม? ทำให้เขาสันนิษฐานว่ากระบี่นี้ได้เปลี่ยนตัวมันเองตามระดับการฝึกฝนวรยุทธ์ของผู้ใช้ อาจจะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนสีที่ค่อนข้างตายตัวด้วยเช่นจากสีแดงเป็นส้ม จากนั้นก็สีเหลือง เขียว ฟ้า ม่วง แล้วก็อื่นๆ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าความแข็งแกร่งของกระบี่นั้นสามารถที่จะเติบโตได้อย่างไม่มีที่สุดเลยงั้นสิ?

เขาไม่ได้คิดเลยว่าได้ใช้มันมานานแค่ไหนแล้ว แต่ตราบใดก็ตามที่พลังของกระบี่มังกรโบราณนั้นได้เพิ่มขึ้น มันก็จะส่งผลดีต่อตัวเขาอยู่ดี

ช่วงระยะเวลาไม่นานนั้นเอง แก้มของหลงหวางเอ๋อก็ขึ้นสีแดงระเรื่อน้อยๆ เพราะหญิงสาวเริ่มหายใจได้ลำบากขึ้น

เย่เฟิงรับรู้ได้ทันทีเกี่ยวกับสภาพของเธอ ด้วยเหตุนี้เขาเลยใช้มือข้างนึงดึงหน้ากากขึ้น เปิดให้เห็นจมูกกับปาก และในทันทีโดยปราศจากความคิดใดๆ ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น และเริ่มส่งอากาศผ่านเข้าไปในปากของหญิงสาว

ขนตาของตาคู่งามของหลงหวางเอ๋อเบิกกว้างขึ้นในทันที หากเป็นยามปกติเธอต้องหลบเลี่ยงแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การกระทำของชายหนุ่มมันเร็วเสียจนหญิงสาวไม่ทันจะทำอะไรได้ หลงหวางเอ๋อรู้สึกได้ว่าริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเธอ กำลังถูกจูบอย่างแผ่วเบาโดยเย่เฟิง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง อากาศบริสุทธิ์ก็ไหลผ่านเข้ามาในปาก ทำให้ลมหายใจของหญิงสาวกลับมาเป็นปกติในที่สุด

ภายใต้ผืนน้ำอันมืดมิด แสงไฟสลัวๆของไข่มุกอันเรืองรองทำให้หมู่ปลาตกใจแว่กว่ายหลบไปตามพืชที่ลอยอยู่

เวลานี้ ชายหญิงสองคนกำลังโอบกอดกันอย่างแนบแน่นขณะเคลื่อนตัวไปข้างในน้ำที่เย็นเยียบดั่งน้ำแข็งช้าๆ

อุ่นจัง……

ด้วยสติอันเรืองราง หลงหวางเอ๋อได้ยืนมือคู่งามออกไป เธอคว้าร่างชายหนุ่มมากอดไว้อย่างแนบแน่น ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม

ในใจของเย่เฟิงล้วนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า หากหลงหวางเอ๋อรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา เธอจะทำอย่างไรกันนะ? ต่อให้หญิงสาวยอมรับเขาในตัวตนของ ‘โม่จิ่วเกอ’ได้ แต่ชายหนุ่มหวั่นใจว่าเธออาจไม่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ เพราะตระกูลเย่ของเขา และตระกูลมังกรของเธอ เป็นศัตรูกัน รวมทั้งความเกลียดชังอันมากยิ่งในใจของคนทั้งสองตระกูล

ถึงแม้ชายหญิงทั้งคู่จะใกล้ชิดกันเพียงช่วงสั้นๆ แต่มันกลับรู้สึกยาวนานกว่าสิ่งใดทั้งปวง และในที่สุด ก็ปรากฏแสงสีน้ำเงินขึ้นเหนือหัวของพวกเขาทั้งสอง ส่องลงมายังใต้ผืนน้ำ

นี่คือแสงของหมู่ดาวงั้นหรอ? หรือเป็นแสงจันทร์กัน?

ไม่ว่าเป็นแสงจากอะไร นี่ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าพวกเขาได้มาถึงทางออกแล้ว

ตู้ม!

ในที่สุด เย่เฟิงก็ได้กระโดดขึ้นจากผืนน้ำขึ้นสู่ริมตลิ่งขณะโอบกอดร่างบางอันนุ่มนวลของหลงหวางเอ๋อไว้

“แค่กๆ”เสียงไอดังขึ้น

หญิงสาวผละตัวออกจากร่างของชายหนุ่มอย่างไม่รีรอ ขณะไออย่างหนักด้วยอาการสำลักน้ำ

เย่เฟิงไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาเดินตรงไปและเริ่มสำรวจไปรอบๆ ชายหนุ่มพบว่าที่นี่คือแอ่งน้ำซึ่งอยู่ภายในหุบเขา และมีหน้าผาอันสูงชันปรากฏอยู่ทั้งสามด้าน โดยมีอีกด้านที่เป็นทางออกนำไปสู่ภายนอก ทางออกนี้ปกคลุมไปพืชพันธุ์และต้นไม้อันสูงใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะเข้ามาถึงที่นี่ได้ยากเพราะความมืดมิดของป่าที่เหลือเพียงแสงจันทร์ซึ่งส่องผ่านลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“เฮ้ เธอเป็นอะไรไหม?”

เย่เฟิงก้มลงมองหลงหวางเอ๋อ เขาพบว่าร่างของเธอเปียกโชกและเสื้อผ้าบางๆล้วนแนบชิดไปกับตัวของหญิงสาวซึ่งทำให้เธอดูงดงามเหลือใจ นอกจากนี้ เรือนผมที่เปียกโชกยังห้อยลงมาตามผิวพรรณที่ขาวเนียน สภาพที่น่าหลงไหลของหญิงสาวช่างดึงดูดใจของเย่เฟิงอย่างยิ่ง!

น่าเสียดายที่หลงหวางเอ๋อไม่ได้แนบชิดกับตัวเขานานนัก เมื่อถึงฝั่ง หญิงสาวได้ผละตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มทันที

เย่เฟิงเดินทำหลงหวางเอ๋อไปก่อนเพื่อต้องการจะลาก‘หลงโม่หรัน’พ่อของเธอมาที่นี่ จากนั้น เขาจะได้กลับไปยังสุสารเพื่อหาร่องรอยของซูเฟยหยิ่งอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็พลันเปลี่ยนไปทันที แย่แล้ว!

“คิก คิก คิก พวกมันอยู่ที่นี่จริงๆด้วย”

เสียงแหบแห้งราวซากศพดังมาจากทางเข้าเพียงทางเดียวของหุบเขาแห่งนี้ จากนั้นจึงตามมาด้วยคนสองคนในสุดสีเทาพร้อมด้วยหมวกฟาง พวกมันพุ่งทะลุป่าเข้ามาหยุดอยู่หน้าริมน้ำในพริบตา ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากคู่ชายหญิงวิปริตจากวังกระบี่สวรรค์!

เมื่อเห็นดังนั้น ใจของหลงหวางเอ๋อก็ล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

……………………………….

แปลโดยทีมงาน GSI

Solar Spark: ขอเปลี่ยนพวกดาบทั้งหลายเป็นกระบี่นะฮะ ขอขอบคุณ คุณพู่กันเทพฝึกหัด ที่แนะนำเข้ามาด้วยครับ