บทที่ 78 แกจะไปรู้จักทักษะเซียนได้ไง

เย่เฟิงก้าวเท้าอยู่บนฝั่งริมน้ำขณะเงยหน้าขึ้นมองคนสองคนที่ยืนยู่ตรงหน้า แสงจากดวงดาวทำให้เห็นว่าพวกมันสวมชุดสีเท่าและหมวกฟางซึ่งทำให้เขารู้สึกตื่นตัว จากการประมาณระดับพลังคราวก่อน เย่เฟิงคิดว่าเขาสามารถปะมือกับพวกนั้นแบบตัวต่อตัวได้ หากแต่พวกมันเข้ามาพร้อมกันสองคน นี่นับว่าน่าหนักใจอย่างยิ่ง

เวลานี้ หนึ่งในนั้นซึ่งเป็นผู้ชายกำลังแสยะยิ้ม มันเลียริมฝีปากด้วยลิ้นอันยาวขณะมองอย่างมีเจตนาร้ายไปยังหลงหวางเอ๋อตั้งแต่หัวจรดเท้า มันมองเธอเหมือนเป็นเหยื่อของมัน

“แล้ว แกคือโม่จิ่วเกองั้นหรือ? …….ดูเหมือนว่าแกกับคุณหนูตระกูลมังกรกำลังมีช่วงเวลาดีๆด้วยกันอยู่นี่ ขอฉันเข้าไปร่วมด้วยคนได้ไหม?”

ตาที่เหมือนดั่งงูพิษของชายคนนั้นมองมายังเย่เฟิงอย่างนึกสนุก

“ไม่ดีหรือไงถ้าฉันและแกร่วมมือกันเพื่อเล่นสนุกกับสาวสวยคนนั้นน่ะ เอาไหมล่ะ?”

เย่เฟิงเดินมาอยู่หน้าหลงหวางเอ๋อเพื่อบดบังสายตาของฝ่ายตรงข้าม พร้อมกับจ้องมองพวกมันที่ยืนอยู่ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร

อีกคนที่ยืนอยู่ข้างชายหน้าตอบคนนั้นคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเย้ายวน ถึงแม้เครื่องแต่งกายของผู้หญิงคนนั้นจะดูเหมือนคนสมัยก่อน แต่มันกลับเปิดเผยเรือนร่างหลายแห่ง ปรากฏให้เห็นรูปร่างอันแสนเย้ายวน คล้ายกับผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวยั่วยวนล่อผู้ชาย

“งั้นหรอ นั่นคือคำตอบของแกสินะ”

ชายหน้าตอบคนนั้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะกล่าวพร้อมด้วยประกายตาอันน่ากลัว “งั้นพวกเราสี่คนมาเล่นเกมกัน เกมนี้น่าสนใจทีเดียว แต่ผลของมันได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว……”

“พวกมันเป็นใครกัน?”

เย่เฟิงกระซิบถามหลงหวางเอ๋อ

“ชายคนนั้นชื่อหลี่ฮวา ส่วนผู้หญิงชื่อไห่ถัง พวกมันทั้งคู่ถูกเรียกว่า‘คู่รักกระบี่สุขสันต์แห่งวังกระบี่สวรรค์……บอกตามตรงนะ พวกเราไม่ใช่คู่มือของพวกมันหรอก รีบหนีกันเถอะ!”

หญิงสาวพูดอย่างจริงจัง และแสดงออกถึงความกังวลในน้ำเสียงของเธอ

“เธอบินได้หรือไง? จะให้หนีไปทางไหนล่ะ?”

เย่เฟิงมองไปรอบๆ หุบเขาแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยหน้าผาอันสูงชันทั้งสามด้าน และทางออกทางเดียวก็ถูกขวางโดยคนพวกนั้น หากจะหลบหนีก็มีแต่ต้องวิ่งได้เร็วกว่าพวกมัน หรือไม่ก็บินหนีไปเท่านั้น

และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันทั้งคู่ถึงถูกเรียกด้วยชื่อแบบนั้น หลี่หัวเป็นคนออกคำสั่งไห่ถังงั้นหรือ?

“มาเถอะเจ้าหนู ถอดกางเกงแล้วมาให้ปู่ของแกตอนเป็นขันทีเสีย ฉันอาจจะไว้ชีวิตแกก็ได้นะ”

หลี่หัวแสยะยิ้มขณะพูด มันค่อยๆคลายผ้าใบกันน้ำที่สะพายอยู่ข้างหลัง ซึ่งเย่เฟิงรู้ดีว่าที่อยู่ภายในผ้าใบกันน้ำนั้นคือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง

“……………….”

เย่เฟิงยังคงเงียบอยู่ เจ้านี่ดูเหมือนพวกคนวิปริตขนานแท้ และไม่รู้ว่ามันยังวิปริตไปได้มากกว่านี้อีกไหม? หากสาวสวยอย่างหลงหวางเอ๋อตกไปอยู่ในกำมือมันละก็ เขาไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ส่วนทางอีกด้าน หลี่ฮวาเริ่มรำคาญ หากเวลานี้ไม่มีเย่เฟิงคอยมาขวางละก็ มันคงได้เล่นสนุกกับหลงหวางเอ๋อไปนานแล้ว

“เธอรีบหาวิธีส่งข่าวให้พ่อเธอมาถึงที่นี่ให้เร็วที่สุด จะใช้มือถือหรือส่งเสียงระยะไกลก็ได้ ฉันจะถ่วงเวลาพวกมันไว้เอง”

เย่เฟิงพูดโดยไม่หันไปมองหญิงสาว เขาควบแน่นเจินชี่ไว้ในมือ และทันใดนั้น คมกระบี่สีส้มก็โพล่ออกมา

กระบี่ในมือชายหนุ่มยาวถึงสามฟุตเจ็ดนิ้ว

มือถืองั้นหรอ? หลงหวางเอ๋อคิดได้ว่าเธอมีมือถืออยู่เครื่องหนึ่ง แต่มันพังเพราะโดดน้ำไปแล้ว ส่วนส่งเสียงระยะไกล ระดับวรยุทธ์ของเธอไม่สูงพอจะทำแบบนั้นหรอก

เมื่อเห็นกระบี่เจินชี่สีส้มที่ปรากฏขึ้นมาในมือเย่เฟิง ทั้งสามคนที่เหลือก็รู้สึกแปลกใจ ในที่สุดหลงหวางเอ๋อก็ได้รู้ว่าเย่เฟิงซ่อนกระบี่ยาวนี่ไว้ที่ไหน

“กลับไปทางเดิมกันเถอะ! ต่อให้ต้องจมน้ำตาย ก็ยังดีกว่าตายในมือพวกมัน……”

เมื่อพูดจบ หลงหวางเอ๋อดึงมือเย่เฟิงเพื่อจะกลับไปยังสุสาร

หากพวกเธอต้องเจอกับคนอื่น หญิงสาวล้วนไปแยแส แต่หากต้องเจอกับคนพวกนี้ สุดท้ายพวกเธอก็คงต้องตายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หากเธอต้องตายด้วยน้ำมือพวกมัน หลงหวางเอ๋อมั่นใจว่าชายคนนั้นไม่มีทางปล่อยร่างกายเธอไปเฉยๆแน่….

ดังนั้น หญิงสาวจึงอยากกลับเข้าไปในสุสาร ต่อให้มันจะพังทลายไปแล้ว และสุดท้ายเธอต้องจมน้ำตายอยู่ใต้ก้นทะเลสาบ มันก็ยังดีกว่าต้องตายเพราะคนพวกนั้น

“นี่ฟังนะ เธอสามารถรอดชีวิตได้ แค่เธอรีบหาทางส่งข้อความถึงพ่อของเธอให้มาที่นี่ให้เร็วที่สุด”

เย่เฟิงดุหลงหวางเอ๋อด้วยท่าทางเคร่งขรึม หญิงสาวคนนี้อุตสาห์มีร่างชีพจรเทวะอันงดงามแล้ว แต่ดันไม่มีความทะเยอทะยานเอาเสียเลย หากวิ่งหนีจากพวกมัน เธอก็ทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตรอดไปเสียแล้ว

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น เขากำกระบี่เจินชี่ในมือไว้แน่นขณะจ้องมองไปยังหลี่ฮวาและไห่ถัง และทันใดนั้นเอง เย่เฟิงก็ร้องตะโกนเสียงดัง “ฮ่า ฮ่า หวางเอ๋อ ไม่ต้องห่วง พ่อของเธอมาแล้ว…..”

อะไรนะ? หลงโม่หรันงั้นหรอ?

สีหน้าของทั้งสามคนพลันเปลี่ยนไปอย่างพร้อมเพรียงกันในทันใด และรีบหันไปมองยังทางเข้าของหุบเขาแห่งนี้ แต่กลับเห็นเพียงต้นไม้ที่หักโค่น ไม่มีเงาของคนเลยแม้แต่น้อย?

“บัดซบ”

หลี่ฮวา และไห่ถังรีบหันกลับมาทันที

เคล้ง!

หลี่ฮวารีบใช้กระบี่ในมือฟันออกไปในแนวขนานกับหัวและรับการจู่โจมอันรวดเร็วของเย่เฟิง กระบี่ทั้งคู่เข้าประทะกันภายใต้แสงสลัวของหมู่ดาว

อย่างไรก็ตาม กระบี่ของเย่เฟิงไม่อาจตัดผ่านกระบี่ของหลี่ฮวาไปได้ เพราะกระบี่เล่มนั้นในมือชายวิปริตจัดว่าอยู่ในระดับอาวุธสวรรค์!

“คิก คิก เจ้าหนุ่มนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ ถึงกับกล้าลอบโจมตีใส่พวกเรา”

หลี่ฮวายิ้มขึ้นอย่างน่าขนลุก ถึงแม้การแสดงออกของมันจะดูเหมือนไม่แยแสกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กลับปรากฏหยาดเหงื่อขึ้นบนหน้าผากของชายหน้าตอบเช่นกัน ถ้าการตอบสนองของมันช้าไปกว่านี้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว กระบี่ในมือเย่เฟิงคงได้กุดหัวมันไปแล้ว

“เจ้าโง่!”

หลงหวางเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเธอเห็นเย่เฟิงลอบจู่โจมใส่พวกนั้น หญิงสาวจึงตำหนิเขาเสียงดัง หมอนี่มีระดับวรยุทธ์แค่ 5 ปี อาศัยเพียงแค่กระบี่ยาวระดับสูงนั้น เขาจะไปต่อกรกับหลี่ฮวาและไห่ถังได้อย่างไร ระดับวรยุทธ์ของคนพวกนั้นมันสูงถึง 15 ปี เชียวนะ

แน่นอนว่าหญิงสาวไม่รู้ว่าระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิง อยู่ในระดับ 10 ปีเมื่อเทียบกับคนบนโลกนี้ ช่องว่างของระดับพลังจึงไม่ต่างกันเกินไปเหมือนดั่งที่เธอคิด

“คุณมันบ้าไปแล้ว! ฉันไม่ไปกับคุณหรอก เจ้าคนโง่……”

หลงหวางเอ๋อกัดฟันขณะพูด จากนั้นจึงหันหลังกลับ แล้วเตรียมกระโดดลงในแอ่งน้ำ หญิงสาวคิดไว้แล้วว่า หากต้องตาย สู้ให้เธอจมน้ำตายยังดีกว่าต้องตายด้วยน้ำมือของคนวิปริตพวกนั้น ในความคิดของหญิงสาว ในเมื่อเย่เฟิงเข้าปะทะกับคนพวกนั้นแล้ว อีกไม่นานเขาคงโดนคนพวกนั้นกุดหัว และเธอก็ไม่ใจกล้าพอจะเห็นชายคนนั้นถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ภาพนั้นมันน่ากลัวเกินกว่าที่หญิงสาวจะรับได้………….

แต่ก่อนที่หลงหวางเอ๋อจะกระโดดลงไป เธอลังเลเล็กน้อย

เมื่อหญิงสาวหันหลังกลับไปมองเย่เฟิง เธอก็พบกับฉากที่น่าหวาดเสียวของชายหนุ่มขณะที่เขาพยายามหลบหลีกการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม เมื่อเห็นดังนั้น หลงหวางเอ๋ออดไม่ได้ที่จะร้องในลำคอ

“ร…เร็วมาก…..”

หลังจากพบกับการโจมตีแรก เย่เฟิงพยายามหลบหลีกการโจมตีครั้งต่อๆมาของฝ่ายตรงข้ามอย่างกระอักกระอวน สีหน้าของเขายังคงแสดงออกถึงความสงบและเคร่งขรึม แต่ทันใดนั้นเอง ความเร็วของฝ่ายตรงข้ามกลับเพิ่มสูงขึ้นจนเกินกว่าความเร็วของเย่เฟิง ชายหนุ่มเพิ่งหลบคมดาบที่เกือบจะกุดหัวเขาอยู่แล้ว

ย่างก้าวไร้เงา!

เย่เฟิงรีบใช้ทักษะนี้ทันที ภาพติดตาของเขาปรากฏขึ้นและหายไป สลับไปสลับมารอบๆตัวพวกมัน ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

“ช้าไปเจ้าหนู”

ผู้หญิงคนนั้นส่งรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ พร้อมกับคว้าด้ามกระบี่ที่ห่อด้วยผ้าใบกันน้ำซึ่งสะพายอยู่ข้างหลัง และทันใดที่คมกระบี่ปรากฏออกมา เธอวาดกระบี่ในมือจู่โจมใส่ร่างของเย่เฟิงที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาหมายจะสับร่างของชายหนุ่ม ความรวดเร็วและคมกระบี่เล่มนั้นเหมือนดังพญามัจจุราชที่กำลังใกล้เข้ามา!

ถึงแม้จะมีร่างเงาของเย่เฟิงปรากฏออกมามากมาย แต่ผู้หญิงคนนี้มีวรยุทธ์ในระดับสูงยิ่ง ประสาทสัมผัสของเธอจึงว่องไว และรับรู้ถึงตำแหน่งที่แท้จริงของเย่เฟิง ดังนั้น เธอจึงฟาดกระบี่ออกไปหมายจะฟันร่างของชายหนุ่มให้ขาดเป็นสองส่วนในทีเดียว

“หยุดนะ!!!”

หลงหวางเอ๋อซึ่งยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ริมแอ่งน้ำ เธอร้องตะโกนพร้อมทั้งหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าชายคนนี้‘โม่จิ่วเกอ’กำลังจะถูกสังหาร

มุมปากของไห่ถังโค้งขึ้น จะให้เธอหยุดงั้นหรอ? หึ ฝันไปเถอะ!  แต่ในเวลาต่อมา ไห่ถังก็ถึงกับขวัญหาย เพราะคมกระบี่ที่ฟันออกไปด้วยความมั่นใจกลับพบเพียงความว่างเปล่า!

ทักษะเซียน ‘อำพราง’!

ขณะที่เย่เฟิงใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาเพื่อสร้างความสับสนแก่ฝ่ายตรงข้าม เขาได้ใช้ทักษะอำพรางที่ทำให้ร่างของเขาจางหายไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แต่มันก็มากพอจะทำให้ฝ่ายนั้นมึนงงและสับสน

“พวกแกจะไปเข้าใจทักษะเซียนได้ไง”

ทันใดนั้น ร่างจริงของเย่เฟิงปรากฏออกมาด้านหลังของไห่ถังพร้อมทั้งมุมปากที่โค้งขึ้น เขาชูมือขึ้นเพื่อควบแน่นเจินชี่ลงไปในกระบี่ จากนั้น จึงกวาดมือออกไป

ฉั๊วะ!

เลือดสดๆทะลักออกมา กระบี่สองคมของเย่เฟิงแทงทะลุหัวใจของไห่ถังทันที!

………………………….

แปลโดยทีมงาน GSI