บทที่ 76 เคล็ดวิชา เต่ามังกรกลั้นใจ

เมื่อทั่วทั้งร่างของหลงหวางเอ๋อจุ่มลงไปในน้ำที่เย็นของทะเลสาบ หญิงสาวรู้สึกปลอดโปร่งและค่อยๆหายใจออกด้วยความสบายตัว

หลังจากอาบน้ำจนสะอาดหมดจดแล้ว หญิงสาวจึงออกจากที่แห่งนี้ แต่ในใจของเธอยังคงคิดถึงชายสวมหน้ากากอยู่…….

เพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้มันทำให้หลงหวางเอ๋ออยากจะฆ่าตัวตายนัก แต่เธอยังตายไม่ได้หรอกจนกว่าจะเจอผู้ชายคนนั้นอีกรอบ

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะที่อีกด้านเวลานี้เย่เฟิงรู้สึกทรมาณราวกับอยู่ในนรกเลยทีเดียว

ตอนที่กระโปรงยาวสีขาวหลุดจากตัว ตามไปด้วยเสื้อสีชมพูดท่อนบนของเธอ หน้าอกที่ใหญ่แน่นและชูชันทำให้ตาของเย่เฟิงพร่าไปหมด เรือนร่างขาวๆของเธอทำให้หัวใจของชายหนุ่มรู้สึกราวกับโดนเหวี่ยงไปมาอย่างเดือนพล่าน

ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ว่ารูปร่างของหลงหวางเอ๋อมันสวยจนแทบจะหาใครเทียบไม่ได้จริงๆ แต่โดยปกติแล้วหญิงสาวมักจะใส่เสื้อผ้าที่หลวมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกว่าทำไม นอกจากนี้ตัวของเธอยังมีลักษณะที่เล็กหากเทียบกับเหล่านางแบบตามปกนิตยสาร

“ถ้าเธอได้ฝึกเคล็ดวิชาเซียน “เปิดจุดชีพจร”แล้วละก็ การฝึกฝนเช่นนี้จะขับสิ่งสกปรกในร่างกายออกมา เหลือไว้เพียงร่างกายที่มีผิวอันสวยงามซึ่งจะทำให้หญิงสาวงามล้ำมากกว่านี้อีก แต่น่าเสียดาย…… ”

เย่เฟิงคิดแบบนั้นแต่ตอนนี้เขายังไม่อยากรับความเสี่ยงใดๆจากการสอนทักษะเซียนให้กับเธอ

ยิ่งกว่านั้นหลงหวางเอ๋อยังเป็นหนึ่งในคนของตระกูลมังกร ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเย่เฟิงยังไม่สามารถไว้วางใจหญิงสาวได้อย่างสิ้นเชิงทีเดียว ถ้าชายหนุ่มสอนทักษะเซียนให้เธอแล้วเรื่องนี้มันหลุดไปถึงตระกูลมังกรล่ะ ใครจะรู้ว่าผลที่ตามมาจะเสียหายแค่ไหน?

ที่สำคัญที่สุด ความลับของเขาไม่สามารถเปิดเผยให้แก่ใครทั้งสิ้นยกเว้นคนที่เขาเชื่อใจเท่านั้น และอย่างน้อยตอนนี้หลงหวางเอ๋อก็ยังถือว่าเป็นศัตรูของเขาอยู่…

ตลอดช่วงเวลาที่ได้ยินเสียงน้ำถูกกวักขึ้นมาทำความสะอาดเรือนร่าง สร้างความเจ็บปวดอย่างเหลือแสนให้กับชายหนุ่ม อารมณ์ที่แปรปรวนอย่างไม่หยุดยั้งนี้ทรมาณเขา ตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เขาไม่ได้ลืมตาขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทำให้ไม่สามารถเห็นเรือนร่างของหญิงสาวที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากต้องมองดูอย่างทรมาณและทำอะไรไม่ได้ เย่เฟิงคิดว่าเขาเลือกที่จะปิดตาไปเสียจะดีซะกว่า

พูดกันตามตรงแล้วเย่เฟิงถือว่าเป็นคนที่ใส่ซื่อยิ่งนัก มีสาวสวยอาบน้ำอยู่ตรงหน้า แต่ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะไม่มองมัน ทันใดนั้นความทรงจำบางอย่างแล่นเข้ามาสู่สมองของเขา ตอนที่เย่เฟิงพึ่งมาถึงที่โลกแห่งนี้ถูกซูเหมิงหานเข้าใจผิดว่าเขา ‘เป็นพวกถ้ำมอง’ นี่ทำให้ชายหนุ่มแอบยิ้มออกมาเล็กน้อย

ตอนนี้เองที่เขาคิดถึงดาวโรงเรียนคนสวยซูเหมิงหาน ความรู้สึกสับสนบังเกิดขึ้นในใจอย่างบอกไม่ได้

“ดูเหมือนว่าความคิดที่เคยมีอยู่ในใจของเด็กคนนี้มีผลกับฉันเหมือนกันนะ…”

(เด็กคนนี้ในหมายถึงเย่เฟิงคนก่อน ก่อนที่เย่เฟิงจากโลกเทวะจะเข้ามาสิงในร่างแทน)

ชายหนุ่มอดคิดถึงเรื่องต่างๆไม่ได้

เย่เฟิงที่เติบโตขึ้นมาในโลกเทวะ ตั้งแต่เด็กเขาก็เฝ้าสังเกตผู้คนที่แข็งแกร่งในโลกของเขา ผู้คนเหล่านั้นมักจะมีภรรยาหลายคน การมีสามสี่ภรรยาถือว่าเป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายสามารถเลือกผู้หญิงได้ตามใจชอบหากพวกเขาคิดว่าหญิงสาวเหล่านั้นเหมาะสมกับตน ที่ร้ายกว่านั้นคือไม่มีใครเห็นว่ามันเป็นเรื่องแปลกเลย

แต่เจ้าของร่างนี้ที่เย่เฟิงได้มานั้นเติบโตในโลกสมัยใหม่อย่างมีการศึกษา การมีภรรยาเพียงคนเดียวถือเป็นเรื่องที่สมควร ความเชื่อของเย่เฟิงคนเก่าส่งผลกับเย่เฟิงคนปัจจุบันอย่างมากมาย มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดต่อซูเหมิงหาน

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ไม่สามารถทิ้งหลงหวางเอ๋อไปได้! เธอเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา ทั้งก่อนและหลังเขาจะเกิดใหม่ที่นี่

ยิ่งไปกว่านั้น หลงหวางเอ๋อยังมีร่างชีพจรเทวะ……..

จนกระทั่งเสียงน้ำที่ถูกชำระร่างกายหยุดลง เย่เฟิงก็ยังไม่เปิดตา แต่หลังจากที่เขาได้ยินเสียงใส่เสื้อผ้าอย่างเร่งรีบราวกับหลงหวางเอ๋อเสร็จธุระทุกอย่างเรียบร้อย

แต่หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เย่เฟิงได้ยินอะไรบางอย่างถูกฉีก “แคว๊ก”

หัวใจเขาถึงกับสะดุ้ง เย่เฟิงแหงนหน้าไปมองและเห็นเธอแต่งตัวเสร็จแล้ว แต่ปรากฎว่าเธอไม่มีความสุขเลย หลงหวางเอ๋อฉีกแผนที่สุสานโบราณออกเป็นชิ้น ๆ และโยนพวกมันลงพื้น กระจัดกระจายราวกับหิมะไปทุกที่

“อย่าทิ้งกันไปแบบนี้สิ”

“Don’t just go away like this.”

หลงหวางเอ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ เธอหันกลับไปยังทะเลสาบและมองไปยังน้ำที่ใสของมัน ทะเลสาบนี้เชือมต่อกับโลกภายนอก ในเมื่อเธอเลือกที่จะใช้เส้นทางใต้น้ำออกไปเธอจึงไม่จำเป็นต้องใช้แผนที่อีก แน่นอนว่าหญิงสาวมีแผนนี้ในใจตั้งแต่แรกแล้ว ว่ายน้ำออกไปทางก้นทะเลสาบนี้ไง!

ตอนที่เย่เฟิงมองไปยังดวงตาของเธอ ชายหนุ่มก็รู้ทันทีว่าเธอคิดจะทำอะไร เขารู้ว่าทางน้ำใต้ดินของทะเลสาบแห่งนี้ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก

แม้กระทั่งจูไป๋เหนี่ยวก็ยังไม่รู้ว่าทางน้ำใต้ดินนี้ไปสิ้นสุดที่จุดไหน! ถ้าหากมันยาวมากเกินไปจนไม่สามารถกลั้นหายใจได้ เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกัน?

ความคิดเหล่านี้ทำให้เย่เฟิงรู้สึกแตกตื่น ชายหนุ่มคิดว่าหลงหวางเอ๋อไม่น่าจะโง่ขนาดเลือกที่จะไปเสี่ยงตายใต้ทะเลสาบหรอกนะ!

แต่ก่อนที่เย่เฟิงจะได้ทันทำอะไร หลงหวางเอ๋อกลั้นหายใจ “ตูม” เสียงเธอกระโดดลงน้ำไปทันที รูปร่างอันสวยงามของเธอหายไปจากสายตาเสียแล้ว!

“ยัยบ้าเอ๊ย!!”

เย่เฟิงสบถเสียงดังและรีบวิ่งออกจากที่ซ่อนตัวตามหญิงสาวไปอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะจับตัวเธอขึ้นมา

ตอนนี้เองที่เขาพึ่งมองเห็นภาพเขียนที่โดดเด่นบนผนังของสุสานโบราณ ชายหนุ่มหยุดเท้าลง

ดวงดาวเจ็ดดวงที่เรียงกันอย่างเป็นรูปแบบและยังถูกสลักไว้ไม่นานมานี้

“ตราของสำนักสุสานดวงดาว” นี่ต้องเป็นเธอแน่!

ทันใดนั้นชายหนุ่มดีใจถึงขีดสุด!

‘สำนักสุสานดวงดาว’ อยู่ในโลกแห่งเทวะ เป็นที่ๆซูเฟยหยิ่งและเย่เฟิงเคยพำนักอาศัย อย่างไรก็ตามสำนักแห่งนี้ได้ล่มสลายไปนานแล้วเนื่องจากทุกคนต่างละทิ้งมันไป เหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น ดังนั้นตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ซูเฟยหยิ่งคอยสอนเย่เฟิงถึงวิธีการเขียนตราประจำสำนัก

ตราดวงดาวเจ็ดดวงนี้ไม่ใช่ของที่พบเห็นได้ทั่วไป ถ้าไม่ใช่ซูเฟยหยิ่งเป็นคนวาดมันจะมีใครที่ไหนอีก จะบอกว่าเรื่องบังเอิญงั้นหรือ?

ว่าแต่ว่า ตอนนี้ซูเฟยหยิ่งไปอยู่ที่ไหนกันแล้ว?

เธอยังอยู่ในสุสานโบราณอยู่รึเปล่า?

ขณะที่เย่เฟิงกำลังครุ่นคิดไม่ขยับไปไหน ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงการสั่นไหวเล็กน้อยบนพื้นและผนังของสุสานโบราณ

“ภาพลวงตางั้นเหรอ?”

เย่เฟิงเงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เขาตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า “ไม่ดีแล้ว สุสานกำลังจะถล่ม!”

ครืน!

เสียงหินก้อนใหญ่ตกลงสู่พื้นดินอย่างรุนแรง เศษฝุ่นและดินค่อยๆร่วงลงมาจากข้างบนหัวของเย่เฟิง แค่ชั่วพริบตาสถานที่แห่งนี้ทั้งหมดเริ่มสั่นราวกับจะถล่มลงมา

“อย่าบอกนะว่า……”

เย่เฟิงรีบวิ่งไปยังทะเลสาบใต้ดินแล้วมองไปยังก้นของมัน เป็นไปอย่างที่เขาคาดคิดไว้!

ผู้หญิงคนนั้น หลงหวางเอ๋อเอาไข่มุกเรืองแสงในตำนานที่ถูกฝังไว้ก้นทะเลสาบไป จากนั้นว่ายน้ำไปอย่างรวดเร็วตรงทางน้ำที่เชื่อมต่อ

เมื่อไข่มุกถูกนำไปแล้วทำให้ทั้งสุสานโบราณนี้พร้อมที่จะถล่มลงมาทุกเมื่อ!

จูไป๋เหนี่ยวรู้เรื่องทุกอย่างดีตั้งแต่แรก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่หยิบไข่มุกออกมาด้วย ไม่เช่นนั้นไข่มุกที่ส่องประกายแวววาวและล้ำค่ายิ่งกว่าของทุกอย่างในสุสานนี้คงถูกนำไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตามหลงหวางเอ๋อไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เธอหยิบไข่มุกเรืองแสงในตำนานไปอย่างไม่เกรงกลัว หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือเธอจะใช้แสงของมันส่องทางไประหว่างแหวกว่ายไปข้างหน้า

เธอคิดว่าบางทีหลังจากนำไข่มุกออกไปแล้ว ถ้าสุสานถล่มลงมาแล้วชายสวมหน้ากากยังไม่จากไป เขาต้องถูกหินถล่มลงมาทับตายแน่ และถึงแม้เธออาจจะตายก็ได้หากว่ายต่อไปยังทางที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดนี้ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว……

“เคล็ดวิชา เต่ามังกรกลั้นใจ”

เย่เฟิงไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป ชายหนุ่มรีบใช้ทักษะเซียนของเขากลั้นหายใจเฮือกใหญ่ พลันมวลอากาศจำนวนมากไหล่ผ่านสู่แผ่นหลังของเย่เฟิงและวิ่งเข้าสู่เส้นลมปราณกักเก็บไว้ที่ด้านหลัง!

หลังของชายหนุ่มบวมเปล่งขึ้นมา มันดูเทอะทะและแข็งราวกับกระดองเต่า ไม่เพียงแค่มันสามารถกักเก็บอากาศไว้พอสำหรับหายใจใต้น้ำได้ แต่ด้วยรูปร่างนี้ทำให้เย่เฟิงสามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว

ระดับพลังยุทธ์ห้าปีเป็นขั้นที่เหมาะสมพอดีสำหรับการใช้เคล็ดวิชานี้ อากาศที่ถูกกักเก็บมากพอที่จะทำให้เขาอยู่ใต้น้ำได้มากกว่าห้าชั่วโมง

นี้เป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งของเคล็ดวิชาเซียน

เย่เฟิงเชื่อว่าวิชาที่อัศจรรย์เช่นนี้ คงทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ของโลกนี้ต้องตาค้างตกใจจนเลยคำว่าตะลึงไปแล้ว

“ตูม” เสียงน้ำกระเซ็นดังขึ้นทันทีที่เย่เฟิงกระโดดลงไป หลังจากที่ไข่มุกเรืองแสงถูกนำไปแล้วสถานที่แห่งนี้กลับมืดสนิทขึ้นอีกครั้ง เศษหินทั้งก้อนเล็กก่อนน้อยและก้อนใหญ่ค่อยๆร่วงหล่นลงมา ความเร็วของการถล่มทลายของสุสานโบราณราชวงศ์ชาง มากขึ้นไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามเย่เฟิงไม่ได้เสียเวลาคิดอะไรถึงเรื่องนั้น เขารีบว่ายไปยังก้นของทะเลสาบเห็นทางน้ำเชื่อมออกไป ร่างของหลงหวางเอ๋อยังคงปรากฎอยู่ไกลออกไปพร้อมกับแสงสว่างของไข่มุกเรืองแสงในตำนาน หญิงสาวว่ายน้ำห่างออกไปเรื่อยๆทำให้แสงของไข่มุกในตำนานค่อยๆหรี่ลง

……………………….

แปลโดยทีมงาน GSI