บทที่ 74 ร่างชีพจรเทวะ

ในโลกเทวะนั้น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าสำนักเซียน หรือเป็นผู้อาวุโสแห่งดินแดนปีศาจร้าย พวกเขาส่วนใหญ่มักครอบครองผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคน ความจริงแล้ว การที่มีผู้หญิงไว้เยอะๆ ไม่ใช่เพื่อเสริมอำนาจบารมีหรือใช้ระบายความใคร่ แต่เพราะในโลกเทวะ หญิงสาวที่มีร่างการพิเศษเช่นนี้จะช่วยเพิ่มระดับวรยุทธ์ของพวกเขาให้เร็วยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่าง ร่างชีพจรเทวะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในร่างพิเศษชั้นยอดในโลกเทวะ มันไม่เพียงเพิ่มความเร็วในการฝึกวรยุทธ์ให้กับเจ้าของร่างเท่านั้น แม้แต่สามีของพวกเธอ ก็จะสามารถเพิ่มพูนระดับวรยุทธ์ได้เร็วขึ้นเช่นกัน

หญิงสาวที่ครอบครองร่างชีพจรเทวะ จะมีเส้นลมปราณอันราบรื่นและมีความยืดหยุ่นสูง พร้อมด้วยจุดชีพจรลมปราณซ่อนอยู่มากมายยิ่งกว่าคนทั่วไป จุดชีพจรลมปราณเหล่านี้จะเริ่มกักเก็บพลังงานวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่กำเนิด และเมื่อหญิงสาวเหล่านั้นเริ่มฝึกวรยุทธ์ตามวิธีเซียน จุดชีพจรลมปราณจะถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งปลดปล่อยพลังงานวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลงไปสู่จุดตันเถียนของพวกเธอ ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มพูนระดับวรยุทธ์มากกว่า 10 ปีในครั้งเดียว!

โดยกระบวนการนี้มีชื่อว่า “การเปิดจุดชีพจร”

ในโลกเทวะ มีเพียงชายที่ทรงพลังอย่างยิ่งเท่านั้นถึงสามารถคว้าหญิงสาวเหล่านั้นมาเป็นภรรยาได้ ไม่เช่นนั้น เขาจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่พวกเธอและถูกสังหารในที่สุด ยิ่งกว่านั้น ทั้งตระกูลจะพิการไปถึงเก้าชั่วโคตร!

“หนึ่ง,สอง,สาม,สี่,ห้า,หก และเจ็ด นี่มัน….จุดชีพจรลมปราณบนร่างเธอกลับมีถึงเจ็ดแห่ง! มากสุดที่เป็นไปได้คือเก้าแห่ง นี่มันน่าอัศจรรย์จริงๆ!”

เย่เฟิงนับจุดเหล่านี้ด้วยความตื่นเต้น

ด้วยจุดชีพจรลมปราณที่มีถึงเจ็ดจุด หากหลงหวางเอ๋อเริ่มฝึกวรยุทธ์วิถีเซียน ความเร็วในการฝึกฝนของหญิงสาวจะสูงกว่าคนทั่วไปถึง 70% ซึ่งมากพอจะกลายเป็นผู้ทรงอำนาจหรือผู้อาวุโสของโลกเทวะ

น่าเสียดายที่ไม่มีใครบนโลกใบนี้สามารถตรวจพบร่างชีพจรเทวะของเธอ หลงหวางเอ๋อจึงไม่อาจเปิดชีพจรได้ ความสามารถที่แท้จริงของหญิงสาวจึงยังคงถูกปิดผนึกไว้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายโดยแท้

เมื่อเขารับรู้ถึงจุดชีพจรลมปราณบนร่างของหญิงสาว ซึ่งได้กักเก็บพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เอาไว้มากมายมาตั้งแต่กำเนิด หากเวลานี้หลงหวางเอ๋อมีอายุ 20 ปี จุดทั้งเจ็ดคงมีพลังวิญญาณมหาศาลซึ่งมากพอจะเพิ่มระดับวรยุทธ์ของเธอขึ้นถึง 14 ปี ! จัดว่าอยู่ในระดับน่าเกรงขามเลยทีเดียว

หากวันใดที่หลงหวางเอ๋อเริ่มฝึกวรยุทธ์วิธีเซียน เธอก็สามารถดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเก็บมาเป็นเวลานานทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย และระดับวรยุทธ์ของหญิงสาวจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในช่วงสั้นๆ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของทั้งคู่ในปัจจุบันถือว่าเอื้ออำนวยต่อเย่เฟิงอย่างดี เขาสามารถดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากเขาสามารถดูดซับได้ทั้งหมด ระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงจะเพิ่มสูงขึ้นจนไปแตะระดับ 18 ปีเต็มในทีเดียว!

เพราะเวลานี้ พวกเขาทั้งคู่กำลังมีความสัมพันธ์อันแสนลึกซึ้งด้วยกัน……….

ถึงอย่างนั้น จะให้เขาฉวยโอกาสจากเรือนร่างของหญิงสาวเพื่อดูดซับพลังวิญญาณ จากนั้นก็ทิ้งเธอไว้แล้วคิดว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุอย่างนั้นหรือ?

เย่เฟิงเริ่มสองจิตสองใจ เพราะหากหลงหวางเอ๋อสูญเสียพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิไปทั้งหมดในทีเดียว เธอก็ไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่ได้นาน และจะตายในที่สุด หรือแม้จะดูดซับมาประมาณ 3 ถึง 5 ปี ก็จะทำให้เส้นลมปราณของหญิงสาวได้รับความเสียหาย และนำไปสู่การได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส จนเธอไม่สามารถใช้วรยุทธ์ได้อีกตลอดชีวิต

การเพิ่มระดับวรยุทธ์ขึ้นอย่างมหาศาลในช่วงสั้นๆถือเป็นสิ่งที่น่าดึงดูด แต่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าลำบากใจเกินไป และแม้เย่เฟิงจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวเช่นกัน

ถึงแม้หลงหวางเอ๋อจะมักระรานเขาไปทั่วตั้งแต่เริ่ม แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความผิดของเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนมาจากความเข้าใจผิด แล้วแบบนี้ จะให้เขาเอาชีวิตของหญิงสาวเพียงเพราะต้องการความแข็งแกร่งที่มากขึ้นอย่างนั้นหรือ?

เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่อาจลงมือกับเธอได้ นี่ยังไม่นับเรื่องที่หญิงสาวกลายเป็นผู้หญิงของเขาไปแล้ว

“สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้าย เราพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ยังมีร่างชีพจรเทวะ ในเมื่อตอนนี้เธอคือผู้หญิงของเราแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องลังเลอะไรอีกจริงไหม?”

ความจริง เย่เฟิงได้ตัดสินใจแล้ว เมื่อเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้ ชายหนุ่มก็ถือว่าหลงหวางเอ๋อเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ไม่เช่นนั้นจากนิสัยของชายหนุ่ม เขาคงจะคิดหนักว่าเขาควรมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับหญิงสาวดีหรือไม่ แต่แน่นอนว่าเขาไม่อาจละทิ้งโอกาสทองในการเพิ่มระดับวรยุทธ์ของตัวเองได้

ในเมื่อตอนนี้หลงหวางเอ๋อคือผู้หญิงของเขา เย่เฟิงก็จะไม่ทำอันตรายต่อเธอ หากญิงสาวถูกลิขิตให้เป็นของเขาแล้ว ชายหนุ่มก็มีเวลามากพอในการแก้ความเข้าใจผิด รวมทั้งเวลาและโอกาสในการดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากเธอ

แต่เวลานี้ เย่เฟิงไม่อาจให้หญิงสาวล่วงรู้ตัวตนของเขาได้

แล้วความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลมังกรกับตระกูลเย่ล่ะ? แน่นอนว่ามันต้องเป็นความสัมพันธ์ที่เลวร้าย คงเป็นตระกูลมังกรเองที่ทำลายตระกูลเย่ ไม่เช่นนั้น เย่เวิ่นเทียนคงไม่เตือนเขาอย่างจริงจังแบบนั้น

สำหรับตอนนี้ เขาเพียงแค่รอเวลา รอเวลาที่จะทำให้หลงหวางเอ๋อได้รู้ความจริง

หลังจากขบคิดทุกสิ่งอย่างถี่ถ้วน เย่เฟิงจึงเลิกลังเล และเริ่มลูบไล้ผิวพรรณที่ขาวเนียนดั่งไข่มุขของหญิงสาว จากนั้นจึงพลิกร่างของเธอมาอยู่ใต้ร่างของเขา ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็เริ่มดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆจากจุดชีพจรลมปราณบนร่างของเธอ

หากหลงหวางเอ๋อไม่เป็นฝ่ายเข้ามาหาชายหนุ่มเอง พลังวิญญาณอันแสนวิเศษนี้จะไม่ถูกใครพบเลยบนโลกใบนี้ และถ้าเย่เฟิงดูดซับพลังเพื่อเพิ่มพูนระดับวรยุทธ์ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะการดูดซับพลังวิญญาณจากหญิงสาวเพียงเล็กน้อย จะไม่ทำให้ร่างกายของเธอบาดเจ็บอันใด

“หากไม่มีเรื่องราวระหว่างตระกูล เราก็คง…….”

เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย เขากำลังคิดว่าหากพวกเขาทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนตลอด 15 วัน ชายหนุ่มมั่นใจว่าจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณจนเขามีวรยุทธ์ระดับ 18 ปีได้โดยไม่ทำให้หญิงสาวได้รับอันตรายแต่อย่างใด

สำหรับการฝึกวรยุทธ์ในวิธีเซียนของหลงหวางเอ๋อ เย่เฟิงไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะคนบนโลกใบนี้ไม่มีเมล็ดพันธุ์ในจุดตันเถียนของพวกเขา

แล้วถ้าแหวนดาบมังกรโบราณสามารถสร้างเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาได้อีกล่ะ?

เย่เฟิงยังไม่ได้ลองทดสอบ และเขาก็ไม่กล้าผลีผลามทดลองกับร่างของหลงหวางเอ๋อเช่นกัน

เวลานี้ หลงหวางเอ๋อขยับร่างไปตามจังหวะของเย่เฟิงอย่างเป็นธรรมชาติ ขณะดิ้นรนเล็กน้อยอยู่ภายใต้ร่างของชายหนุ่ม นี่ทำให้เธอดูน่าเย้ายวนและมีเสน่ห์อย่างยิ่ง

ขณะที่โอบกอดเรือนร่างอันงดงาม นุ่มนวล และละเอียดอ่อนของหญิงสาว เย่เฟิงไม่กล้ารุนแรงมากนัก เพราะเขากลัวว่าจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด แต่ความจริงแล้ว หลงหวางเอ๋อกลับยิ่งปรารถนามากขึ้นไปอีก เธอไม่รู้เลยว่ายาที่ได้รับจากชายสองคนของสำนักหมัดเทพทวารานั้นมีความเข้มข้นอย่างยิ่ง

และไม่นาน ความปรารถนาของหลงหวางเอ๋อก็ถูกส่งต่อไปยังเย่เฟิง แต่ดวงตาของเธอกลับมีหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาเล็กน้อยซึ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดในใจ จิตใต้สำนึกของหญิงสาวคงรับรู้เหตุการณ์ในตอนนี้ทั้งหมด เพียงแต่เธอไม่อาจต่อต้านมันได้เท่านั้น

สี่ปีหกเดือน……

สี่ปีเก้าเดือน…….

ร่างกายของชายหนุ่มและหญิงสาวยังคงขยับไปพร้อมกันอย่างเป็นจังหวะและต่อเนื่อง ขณะที่เย่เฟิงยังคงดูดซับพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากฝ่ายตรงข้ามต่อไป ส่งผลให้ระดับวรยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

หลังจากผ่านไปช่วงหนึ่ง ความต้องการอันเร้าร้อนของหลงหว่างเอ๋อจึงค่อยสงบลง พร้อมทั้งบรรยากาศที่กลับคืนสู่ความเงียบงันและไร้ซึ่งสิ่งรบกวน

เวลานี้ ในที่สุดเย่เฟิงก็มีวรยุทธ์อยู่ที่ระดับ 5 ปีแล้ว!

ตอนนี้ ไม่ว่าทักษะย่างก้าวไร้เงา หรือดาบเจินชี่ของแหวนดาบมังกรโบราณ เขาก็สามารถใช้มันได้อย่างชำนาญและทรงประสิทธิภาพ ชายหนุ่มสามารถต่อกรกับผู้ฝึกวรยุทธ์ระดับ 10 ปีได้อย่างง่ายดาย

เย่เฟิงมีรู้สึกว่าหากเขาต้องเผชิญหน้ากับคนสองคนจากวังดาบสวรรค์ ถึงแม้จะลำบากเล็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ย่อมเป็นคู่มือกับคนพวกนั้นได้อย่างสู่สี
แน่นอน เย่เฟิงยอมรับว่าหากเขาต้องเจอกับผู้ฝึกวรยุทธ์ระดับสูงอย่างหวงเหล่าหรือหลงโม่หรัน เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนทั้งสอง หวงเหล่ามีระดับรยุทธ์ถึง 30 ปี ขณะที่หลงโม่หรันเป็นถึงผู้นำตระกูลมังกร การต่อกรกับพวกเขาย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว นี่ยังไม่รวมถึงเย่เวิ่นเทียน เฒ่าประหลาดที่ไม่อาจหยั่งถึงระดับวรยุทธ์ได้

เวลานี้ หลงหวางเอ๋อกำลังหลับไหลจากความเหนื่อล้าขณะที่หยาดน้ำตายังคงประดับอยู่บนใบหน้าอันละเอียดอ่อนของเธอ

หลังจากถูกดูดซับพลังไปหนึ่งปี แม้หญิงสาวจะไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด แต่มันก็ย่อมทำให้เธอเหนื่อยล้า ขณะที่ตอนนี้ เย่เฟิงพยายามสวมเสื้อใส่ผ้าให้หลงหวางเอ๋ออย่างงุ่มง่าม เพราะเพียงเขาสัมผัสกับผิวเนียนขาวอันนุ่มลื่นของเธอ ใจของเขาแทบจะกลับมารุ่มร้อนดั่งเปลวเพลิงอีกครั้ง

“ผู้หญิงคนนี้ เมื่อไหร่ที่ตื่นขึ้นมาเธอคงไม่คิดฆ่าตัวตายหรอกใช่ไหม? หรือเธออาจจะอยากฆ่าเราก่อนแล้วค่อยฆ่าตัวตายตามกัน?

เย่เฟิงรู้สึกเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องหาทางให้หลงหวางเอ๋อยอมรับสภาพในตอนนี้ให้ได้

……………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI