บทที่ 73 พายบนท้องฟ้า

เวลานี้ที่ดวงจันทร์และดวงดาวต่างส่องแสงระยิบระยับแข่งกันบนท้องฟ้า ที่ตีนภูเขาเต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์มากมายไม่ว่าจากตระกูลมังกรหรือผู้อาวุโสจากหมัดเทพทวารา เวลาต่อมาตามด้วยคู่ชายหญิงวิปริตจากวังดาบสวรรค์และหวงเหล่า ทั้งหมดล้วนกระวยวายและตื่นเต้นกันแทบแย่ ใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

ผู้หญิงใบหน้ากลมใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วที่ปรากฎตัวมาก่อนหน้านี้พูดอย่างโศกเศร้า ใบหน้าฉายความเสียใจอย่างชัดเจน

“ผู้ชายที่ใส่หน้ากากถือดาบสีแดงโผล่ขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้! แล้วเค้าก็ฆ่าสังหารหลี่จวิ้นหลงและจูไป๋เหนี่ยวอย่างโหดเหี้ยม แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นหญ้าสื่อจิตก็ถูกชิงไปด้วย!”

“ใส่หน้ากากงั้นหรือ?”

แทบจะเวลาเดียวกันบางคนเริ่มจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นได้ ชายหนุ่มที่จับตัวหลงหวางเอ๋อแล้ววิ่งผ่านตีนภูเขาไปผ่านสายตาทุกผู้คน ตอนนั้นเองสายตาทุกคนหันไปมองชายคนหนึ่งแห่งตระกูลมังกร

ชายที่ใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวหลงโม่หรันนั่นเอง พลังชี่ของเขาสั่นไหวทันทีด้วยความโกรธ

ความจริงแล้ววันนี้เขาต้องการซื้อหญ้าสื่อจิตเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่หลงหวางเอ๋อ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ชิงมันไปกว่าจะเป็นคนใส่หน้ากากคนเดียวกับที่จับหลงหวางเอ๋อไป ทำให้หลงโม่หรันรู้สึกถึงความไร้ความสามารถของตนเองราวกับตะกร้าไม้ไผ่ที่นำมาใส่น้ำ!

ไม่ใช่แค่นั้น ตอนที่เขาติดตามชายสวมหน้ากากที่จับตัวหลงหวางเอ๋อไป หลงโม่หลันไปถึงบริเวณปากหน้าผาแล้ว แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงอานาเขตที่เต็มไปด้วยหมอกและสายลมจนมองไม่เห็นก้นบึ้งของหุบเหว

เจ้านั่น ไม่ใช่ว่ามันกระโดดลงไปข้างล่างพร้อมกับหลงหวางเอ๋อหรอกนะ? ยิ่งคิดถึงอันตรายที่อาจจะเกิดกับลูกสาวขึ้นมายิ่งทำให้เขาโมโหจนทนแทบไม่ได้ แต่น่าเสียดายที่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีทางออกเลย

“ตอนนี้ลูกศิษย์ของฉันทั้งสองคน หลัวลี่และหลัวเล่ยก็ยังไม่กลับมาเช่นกัน หลงโม่หรัน เจ้าหนุ่มรูปหล่อของตระกูลนายก็ยังไม่มาที่นี่ใช่หรือไม่?”

ผู้อาวุโสของหมัดเทพทวาราถามอย่างเคร่งขรึม ก่อนหน้านี้เขายังมีโอกาสถากถางหลงโม่หลันได้ แต่ขณะนี้เขาไม่มีอารมณ์เช่นนั้นเสียแล้ว

ไม่ใช่เพียงแค่มาที่นี่อย่างเสียเปล่า แต่กระทั่งหญ้าสื่อจิตก็ถูกขโมยไปด้วย มากกว่านั้นยังไม่มีร่องรอยของสองคนนั้นเลย เพื่อลองคำนวณดูแล้วหลงโม่หลันไม่เพียงแค่เสียหายทางการเงินอย่างมหาศาลแต่เด็กในตระกูลสองคนก็หายไปด้วย ตอนนี้เขาแทบอยากจะสั่งให้คนพลิกภูเขาขึ้นมาเพื่อหาตัวลูกสาวของเขาและชายสวมหน้ากากคนนั้น

แน่นอนว่าเทียบกับสถานการณ์ของตระกูลมังกรแล้ว ฝั่งหมัดเทพทวารายังดีกว่ามากโข

ไม่ใช่แค่หลงเสี่ยนที่อาจเกิดสถานการณ์เลวร้ายอะไรขึ้นก็ได้ แต่ยังมีคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของตระกูลมังกรรุ่นเยาว์หลงหวางเอ๋อถูกจับไปเป็นตัวประกันอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นหญิงสาวก็ยังโดนวางยาบางอย่างเช่นกัน เวลาผ่านไปเรื่อยๆแต่ยังไม่มีข่าวความคืบหน้าของพวกเขาเลย สถานการณ์ความเป็นไปที่ได้ที่จะเกิดขึ้นเริ่มค่อนข้างชัดเจน

ตามปกติของโลกยุทธภพแล้ว เมื่อใครคนหนึ่งหายไปและตามตัวไม่ได้ก็มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือเขาได้ตายไปแล้ว

สีหน้าของหลงโม่หรันซีดลง ถ้าชายสวมหน้ากากปรากฎขึ้นมาอีกครั้งตรงหน้าเขา เขาจะใช้ดาบที่ดีที่สุดเล่มนี้ฆ่าและตัดหัวมันซะในดาบเดียว เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนที่เขาฆ่าผู้นำตระกูลเย่ด้วยการตัดหัว!

“รายงานกลับไปที่บ้านใหญ่ว่าเรายังไม่เจอตัวคุณหนู!”

ทันใดนั้นผู้นำตระกูลมังกรร้อนรนจนเหงื่อตกและสั่งต่อ

“หาตัวพวกเขาต่อไป!”

หลงโม่หลันโบกมือสั่งการ ชุดยาวสีขาวของเขาโบกไปมาท่ามกลางแสงจันทร์ อย่างไรก็ตามตัวเขากลับเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นหมอง วันนี้ จนกว่าเขาจะพบร่องรอยอะไรสักอย่างของลูกสาวเขา เขาจะไม่มีวันกลับไปอย่างเด็ดขาด

“รับทราบ”

ขณะอีกฝั่งหนึ่งบริเวณด้านสลัวของตีนภูเขา ชายหญิงคู่วิปริตขากวังดาบสวรรค์มองหน้ากันและยิ้มอย่างชั่วร้าย

พวกเขามาที่นี่ช้าไปเล็กน้อย หลงหวางเอ๋อที่ถูกวางยาคนนั้นกลับถูกจับตัวไปอย่างไม่คาดฝัน แต่คนของตระกูลมังกรก็ทำอะไรไมได้เช่นกัน ลองคิดดูว่าสาวที่น่ารักคนนั้นถูกจับไปโดยชายสวมหน้ากาก อะไรจะเกิดขึ้น…

แน่นอนว่าชายจากวังดาบสวรรค์ไม่ได้สนใจว่าเขาจะต้องเป็นคนแรกที่ได้ตัวหลงหวางเอ๋อ ตราบใดที่เขาได้หาความสนุกกับหญิงสาวบ้าง การมาที่นี่ก็ไม่เสียเปล่าแล้ว

พวกเขาไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่มองไปยังหวงเหล่าที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นจึงก้าวกระโดดออกจากที่แห่งนี้ไป ชายหญิงวิปริคคู่นี้ปฏิญาณไว้แล้วว่าจนกว่าจะได้พบหลงหวางเอ๋อจะไม่พักอย่างเด็กขาด พวกเขาไม่ได้พูดอะไรถึงหญ้าสื่อจิตเลยในคราวนี้ อย่างไรก็ตามหญ้าใบทองจากครั้งก่อนยังเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมัน!

หวงเหล่าชำเลืองมองสองคนนั้นและหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงเคลื่อนตัวจากไป คนที่เขาต้องการหาไม่ใช่หลงหวางเอ๋อแต่เป็นชายสวมหน้ากากคนนั้นต่างหาก หวงเหล่าแค่ต้องการหาร่องรอยของชายผู้นั้น

“ถ้าคาดเดาไม่ผิด ชายคนนี้ไม่เพียงแค่ฆ่าดาบหมาป่าแต่ยังฆ่าศิษย์สองคนจากหมัดเทพทวาราอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นเขาไม่ได้จบแค่นี้ เขายังกำจัดหลี่จวิ้นหลงแห่งกองกำลังเทวะลี้ลับไปและจับตัวหลงหวางเอ๋อไว้เป็นตัวประกัน ความบ้าบิ่นและปัญญาของเขาไม่ธรรมดาเลย! น่าเสียดายที่ฉันไม่มีโอกาสได้รับเขาเป็นลูกศิษย์…”

เงาของตีนภูเขาพลันเบาบางลง ใต้แสงจันทร์ที่ส่องสกาว ใบหน้าที่ซีดเผือดราวกับคนตายของตู้เจวียนปรากฎขึ้น

ในเมื่อหลี่จวิ้นหลงตายไปแล้ว เธอควรจะกลับไปที่สำนักของเธอ ‘กองกำลังเทวะลี้ลับ’ เพื่ออธิบายถึงการตายของเขาดีหรือไม่?

เขาเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของกองกำลังเทวะเล้นลับที่ได้ฝึกเคล็ดวิชาลับในรุ่นเยาว์! จนถึงตอนนี้สมองของเธอก็ยังคงลบภาพหัวของหลี่จวิ้นจงที่หลุดลอยจากคอไม่ได้เสียที รวมไปถึงเสียงหัวเราะเยาะของชายสวมหน้ากากคนนั้น สิ่งเหล่านี้ตามหลอกหลอนเธอไม่มีสิ้นสุด…

………………………

ขณะที่ด้านนอกเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เครียดและขมุกขมัว สิ่งที่งดงามอย่างน่าทึ่งกำลังเกิดขึ้นด้านในสุสาน

ภายในสุสาน หลงหวางเอ๋อที่ได้เตะเข้าใส่เย่เฟิง แล้วชิงแผ่นที่ไป อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง ผลของยาในร่างของเธอได้ปะทุขึ้นอีกครั้งส่งผลให้หญิงสาวไม่อาจต่อต้านมันได้อีก ด้วยการนำทางของแผนที่ ทำให้เธอวิ่งมาถึงยังทะเลสาปใต้ดิน แต่สุดท้าย สติของหลงหวางเอ๋อก็ค่อยๆเลือนลางลงเรื่อยๆ กลับกัน ความปรารถในใจของหญิงสาวกลับมากขึ้นส่งผลให้ร่างของเธอร้อนรุ่มดั่งเปลวเพลิง

ระหว่างนั้น เมื่อหลงหวางเอ๋อเห็นเย่เฟิงปรากฏตัวขึ้น มีหรือที่เธอจะต้านทานความต้องการในใจได้? ทันใดนั้นเอง หญิงสาวได้โถมร่างของเธอเข้าหาเย่เฟิงทันที

“เห้ย!”

เย่เฟิงถูกผลักให้ล้มลงกับพื้นอย่างโง่งมโดยหลงหวางเอ๋อ ซึ่งเขาไม่อาจขัดขืนอะไรได้

หญิงสาวมีระดับวรยุทธ์ถึง 10 ปี แม้เย่เฟิงจะสามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ให้สูงขึ้นในช่วงสั้นๆได้โดยการดูดซับหญ้าวิญญาณประดับฟ้า ระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงก็ยังมีเพียง 4 ปี และต่อให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนในโลกใบนี้สองเท่า ก็ถือว่าเขามีระดับอยู่ที่ 8 ปีเท่านั้น

เมื่อเทียบกับหลงหวางเอ๋อแล้ว ยังถือว่าต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

ภายใต้แสงสีขาวที่สลัวๆจากไข่มุขเรืองแสงในตำนาน เสื้อผ้าแพรไหมของหญิงสาวค่อยๆหลุดร่วงออกจากร่างอย่างช้าๆ เผยให้เห็นผิวขาวเนียนดั่งไข่มุขต่อหน้าชายหนุ่ม ภาพที่เห็นนี้แทบทำให้วิญญาณของเย่เฟิงสั่นสะท้าน มันสะกดสายตาเขาไว้จนไม่อาจละไปมองที่อื่นได้ราวกับว่ามันคือศิลปะที่สวยงามที่สุดบนโลกใบนี้

ถึงแม้เย่เฟิงจะเคยเห็นความสวยงามอันน่าทึ่งของหญิงสาวมาแล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เรือนร่างของเธอดูส่องสว่างดั่งแสงจันทร์ ชายหนุ่มรู้สึกว่าเลือดในร่างเดือนพล่านไปทั้งตัว

และแม้ชายหนุ่มจะพยายามขัดขืน แต่ตอนนี้ หญิงสาวไม่ยินยอม!

“อย่าขยับ……ฉัน…..ต้องการ……”

หลงหวางเอ๋อใช้มือที่ขาวเนียนของเธอกดหน้าอกของเย่เฟิงไว้ ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวแสดงออกถึงความยั่วยวน ขณะที่เธอก้มลงและฉีกเสื้อผ้าของเขาออก พร้อมกับโยนมันไปไว้อีกด้านหนึ่ง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเย่เฟิงต้องการขัดขืนจริงๆ มีเพียงทางเดียวคือต้องสังหารเธอเสีย แน่นอนว่าเขาไม่อาจทำอย่างนั้นได้ มันเหมือนดังสุภาษิตที่ว่า ‘ดอกไม้งาม หากไม่เด็ดสุดท้ายย่อมร่วงหล่น’ หากเย่เฟิงเป็นชายแท้ มีหรือจะรังเกียจเรื่องแบบนี้?

ดังนั้น ชายหนุ่มจึงยอมแพ้ และกางมือทั้งคู่ออก……..

ภายในทะเลสาบ เสียงแวกว่ายของฝูงปลาที่เงียบลงกลับช่วยเป็นใจให้กับบรรยากาศของพวกเขาทั้งคู่ ความเป็นใจนี้แปรเปลี่ยนที่นี่ให้เหมือนดั่งสรวงสวรรค์

เรือนผมที่ยาวสลวยของหญิงสาวค่อยๆไหลลงมาบนใบหน้าของชายหนุ่มพร้อมด้วยกลิ่นหอมละเอียดอ่อนที่ชวนให้ใจเต้นรัว

“บ้าชิบ!”

เย่เฟิงถึงกับร้องออกมาในสถานการณ์เช่นนี้

น้ำเสียงของเขา ถึงแม้จะดูไม่เข้ากับบรรยากาศในปัจจุบัน แต่ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาเพราะเขาเกือบจะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

ชายหนุ่มตกใจขึ้นมาอย่างรุนแรงราวกับเขาถูกเสียบแทงไปที่ความรู้สึกข้างใน เย่เฟิงจึงอุทานขึ้นมา

เมื่อพวกเขาทั้งคู่ใกล้ชิดกัน เย่เฟิงกลับพบว่าร่างกายของหญิงสาวตระกูลมังกรคนนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกเทวะ ซึ่งมันถูกเรียกว่า “ร่างชีพจรเทวะ”

จะเก็บขุมทรัพย์!

หรือส่งเธอกลับบ้าน!

สิ่งที่ผู้คนเรียกว่า ‘พายบนท้องฟ้า’ มันเป็นอย่างนี้เองหรือ?

ร่างกายอันแสนพิเศษของหญิงสาวเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในโลกเทวะ เย่เฟิงไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้มาพบที่โลกใบนี้!

………………………….

แปลโดยทีมงาน GSI