บทที่ 71 เข้าสู่สุสานโบราณ

เวลานี้ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว แสงอาทิตย์ที่เหลืออยู่กำลังจมลงไปใต้น้ำ ณ เมืองเหยียนจิง

คาบเรียนสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมปลายเหยียนได้จบลงในช่วงคาบบ่าย กลุ่มนักเรียนขนาดใหญ่ต่างยื้อแย่งกันออกไปนอกประตู ทุกคนต่างรีบกลับบ้านหรือออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน แต่ในหมู่นักเรียนเหล่านั้นกลับมีสิ่งที่เหมือนๆ กันอยู่ คือหัวข้อสนทนาของพวกเขา

“นายได้ยินเรื่องนั้นไหม ที่สาวสวยอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยเหยียนจิง มีความสัมพันธ์บางอย่างกับนักเรียนชายมัธยมปลายปีสามที่ชื่อว่าเย่เฟิงล่ะ!”

“เท่าที่ได้ยินมามันน่าสงสัยจริงๆว่าเย่เฟิงคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมคุณหนูตระกูลหลินถึงได้สนใจเขากันนะ?”

“ไม่ใช่หรอก ฉันเคยได้ยินว่าทางครอบครัวบังคับพวกเขา”

“นายไม่รู้ยังอะไร พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันล่ะ รู้ไหม?”

“ว้าว จริงหรือ ใช่แน่นะ?”

หัวข้อสนทนานี้เริ่มถูกบิดเบียนจากคนหนึ่งสู่อีกคน

เวลานี้ซูเหมิงหานกำลังเดินไปทางประตูโรงเรียน ใบหน้าและรูปร่างอันสวยงามดึงดูดสายตาของเหล่านักเรียนมากมาย สมกับเป็นดาวโรงเรียนที่อยู่ในใจของใครหลายคน ใบหน้าที่งดงามและบริสุทธิ์กับรูปร่างที่ดูดีเกินกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวเธอโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางนักเรียนที่อยู่บริเวณนั้น ราวกับเธอเป็นส่วนหนึ่งของภาพทิวทัศน์ที่งดงามของโรงเรียนนี้

“นี่ รู้สึกว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ ทำไมเธอไม่ลองไปถามผึ้งน้อยเรื่องนี้ดูล่ะ?”

อู๋บีที่วิ่งตามซูเหมิงหานมาหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า

“มันไม่จำเป็นหรอก ฉันเชื่อใจเย่เฟิง”

ซูเหมิงหาตอบด้วยรอบยิ้มบนใบหน้าราวกับเธอไม่ได้สนใจเรื่องข่าวลือที่กระจายไปทั่วโรงเรียน ณ ขณะนี้แม้แต่น้อย

“นี่เธอเชื่อง่ายเกินไปแล้ว! วันนี้มีพวกนักศึกษาจากมหาลัยเหยียนจิงมาหาตัวเย่เฟิงด้วยนะ พวกนั้นมามากกว่า 70 กลุ่มด้วยซ้ำ แถมแต่ละกลุ่มก็มีพวกผู้ชายมากกว่าร้อยคนอีก!”

อู๋บีแค่นเสียงพูดต่อไป “ให้ตายเถอะเจ้านั่น เก็บความลับไว้ขนาดนี้เชียวนะ ฉันว่าตอนนี้เย่เฟิงควรจะหลบให้ดีๆ ไปหลบที่ลี้ภัยเลยยิ่งดี! ลองดูรอบๆสิ เจ้าพวกบ้ากล้ามหลายคนนั่นที่มองหาเย่เฟิงดูน่ากลัวนะตาย นั่นก็ซูโม่โน่นก็นักมวย ไม่อยากคิดเลยถ้าเย่เฟิงเจอพวกนี้เล่นงานเข้าจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย…”

“มันไม่เป็นอย่างนั้นแน่”

ซูเหมิงหานยังคงใจแข็ง แววตาของเธอมีประกายแห่งความมั่นคง

“นี่เดี๋ยวสิ ฉันกำลังบอกว่า…”

อู๋บีต้องการให้เธอเข้าใจถึงสถานการณ์ตอนนี้ แต่ทันทีที่เขากำลังจะเข้าไปใกล้กลับถูกขวางไว้ด้วยคนสี่คนจากแก๊งอสรพิษสวรรค์ อู๋บีได้แต่มองซูเหมิงหานเดินจากไปเช่นนั้นอย่างทำอะไรไม่ได้

ซูเหมิงหานไม่ได้หันกลับมา เธอเดินตรงเข้าไปในรถของแก๊งอสรพิษสวรรค์ที่ถูกนำมารับเธอ จากนั้นรถก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กสาวไม่เคยคบค้าสมาคมกับพวกผู้ชายในโรงเรียนมาก่อน ไม่เคยแม้แต่จะยิ้มให้ด้วย แต่เพราะว่าเย่เฟิงเป็นเพื่อนรักกับอู๋บีเธอจึงคุยกับเขาเล็กน้อย นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่หายากมากทีเดียว

แต่ในสายตาของอู๋บี เขาคิดว่าซูเหมิงหานทำใจแข็งเกินไปหรือเปล่า? ด้วยเรื่องใหญ่ขนาดนี้ที่กระหึ่มไปทั่วมหาวิทยาลัย แต่เธอก็ยังเลือกเชื่อใจเย่เฟิงอย่างไม่สั่นคลอนเลย นี่มันบ้าไปแล้ว!

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ดาวมหาวิทยาลัยเหยียนจิง หลินชื่อฉิงงั้นหรอ…..อ้าาาาา………..

ผู้หญิงระดับนั้น มีคนนับหน้าถือตาขนาดนั้น แถมยังความสวยแบบที่หาใครเทียบไม่ได้ เธอชอบเย่เฟิงจริงๆหรือ?

อู๋มีสันนิฐาน นอกจากว่าเย่เฟิงเป็นจอมยุทธ์ในตำนานแห่งยุทธภพนั่นแหละมันถึงจะเป็นไปได้ แต่โลกนี้กับยุทธภพไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนัก มันเป็นไปได้เหรอว่าจะมีการคลุมถุงกันระหว่างตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นกับผู้ชายธรรมดาๆที่ไม่ได้เป็นวรยุทธ์อะไรเลย?

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเย่เฟิงอีกครั้ง หากแต่ได้ยินเสียงเดิมๆที่บอกว่าไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ อู๋บีได้แต่เดินกลับบ้านไปอย่างคอตก

…………….

เวลาเดียวกันอีกฝากหนึ่ง เย่เฟิงที่อุ้มร่างอันอ่อนแอของหลงหวางเอ๋อยังคงวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

แผนที่ของจูไป๋เหนี่ยวยังคงถูกผูกติดไว้ตรงไหล่ของชายหนุ่ม ทางที่เขาเข้ามาเริ่มห่างไกลผู้คนมากไปเรื่อยๆ สุดท้ายชายหนุ่มก็มาถึงที่หมายทางเข้าของสุสานโบราณ

“รีบ…รีบปล่อยฉัน ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว…”

หลงหวางเอ๋อที่แนบอิงอกของเย่เฟิงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง มือคู่งามโอมรัดเย่เฟิงเบาๆ หญิงสาวรู้สึกถึงพิษยาที่เธอยังกดทับมันไว้ ไม่เช่นนั้นเมื่อมันระเบิดออกมาคงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นทีจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“พ่อของเธอตามหลังเรามาอยู่ ถ้าปล่อยเธอไปฉันก็ตายน่ะสิ”

เย่เฟิงขำเล็กน้อยและไม่สนใจเธออีก

การกระทำของศิษย์สองคนแห่งหมัดเทพทวาราทำให้เย่เฟิงรู้สึกรังเกียจพวกเขาอย่างมาก เพียงเพราะต้องการได้หลงหวางเอ๋อคนนี้ ถึงกับใช้วิธีที่สกปรกได้ลง ตอนนี้หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเย่เฟิงทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงความต้องการในตัวเธอขึ้นมาอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องอะไรพิเศษ ใครก็ตามที่ได้จับต้องเรือนร่างที่งดงามของหลงหวางเอ๋อก็ย่อมหลงเสน่ห์เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นที่เย่เฟิงจะรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร จริงไหม?

ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในโลกเทวะ ชายหนุ่มตามติดอาจารย์เขาตลอดเวลา ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่มีโอกาสได้เข้าหาผู้หญิงมากนัก อย่างไรก็ตามเมื่อเขากลับมาเกิดใหม่ ณ โลกปัจจุบันนี้ เขาได้ทั้งใกล้ชิดซูเหมิงหานและหลงหวางเอ๋อ และได้มีโอกาสหาความสุขเล็กน้อยจากสาวงามทั้งสองคนนี้

ก่อนหน้านี้ตอนที่เย่เฟิงเจอซูเหมิงหานครั้งแรก ชายหนุ่มชอบในความเป็นคนตรงๆ ความใจดีและหัวใจที่บริสุทธ์ของเธอ แต่ตอนนี้ที่เขาอยู่กับหลงหวางเธอเย่เฟิงไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น

ถึงอย่างนั้นการที่เขาโอบกอดเรือนร่างที่บอบบางและหอมหวนของหญิงสาว มันเริ่มทำให้เขาเกิดความคิดแปลกขึ้นมาแล้ว…

ย่างก้าวไร้เงาของเย่เฟิงยังถูกใช้ออกมาย่อเนื่องตลอดทางมีเพียงเงาภาพติดตาปรากฎขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่หนึ่งนาทีเย่เฟิงสามารถไปได้ไกลกว่าสองกิโลเมตร จนกระทั่วเจินชี่เขาหมดลงชายหนุ่มจึงเริ่มกลับมาก้าวเดินช้าๆ

ทั้งร่างกายของหลงหวางเอ๋อร้อนและแห้งผากไปหมด ใจของเธอเต็มไปด้วยความปราถนาและตัณหาอย่างแปลกประหลาด เพียงแค่คิดว่าเย่เฟิงกำลังวิ่งไปพร้อมกับเธอก็ทำให้แก้มเธอแดงเปล่งปลั่ง หญิงสาวไม่ได้สังเกตุเลยว่าความเร็วของเย่เฟิงนั้นไวอย่างเหลือเชื่อ มิฉะนั้นเธอคงประหลาดใจแทบตายแล้ว

เพียงแค่นาทีเดียวด้วยความเร็วของเย่เฟิงถึงกับทิ้งห่างพ่อของเธออย่างลิบลิ่ว

ในที่สุดหน้าผาเล็กๆก็ปรากฎขึ้นมาตรงหน้าเย่เฟิง สร้างความดีใจเล็กน้อยให้กับเขา นี่ไม่ใช่ทางเข้าสุสานโบราณที่จูไป๋เหนี่ยวพูดถึงหรอกงั้นหรือ?

เย่เฟิงโอบเอวบางของหลงหวางเอ๋อไว้ด้วยมือข้างเดียวและวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างว่องไว ชายหนุ่มใช้เถาวัลย์ที่แข็งแรงและหนาเพียงพอในการผูกติดตนเองกับหญิงสาวเข้าด้วยกันแล้วจึงค่อยๆไต่ลงตามหินที่จูไป๋เหนี่ยวบอกไว้

ถึงแม้ว่าจะมีคนถึงสองคนแต่ตัวของหลงหวางเอ๋อไม่ได้หนักอะไร เถาวัลย์จึงสามารถแบกรับน้ำหนักพวกเขาได้สบายๆ

เมื่อไต่ลงมาหลายเมตรแล้วเย่เฟิงตัดสินใจหยุดลงที่หินก้อนใหญ่ก้อนนึงแล้วคลายเถาวัลย์ออก

ชายหนุ่มออกแรงดึงเถาวัลย์ออกมาป้องกันไม่ให้พ่อของหลงหวางเอ๋อติดตามมาได้ การเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เรื่องตลกเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่มองดูชายวัยกลางคนที่ดูสุภาพนั่นเย่เฟิงก็รู้เลยว่าเขาต้องมีระดับพลังหลายสิบปีอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังมีเคล็ดวิชาแปลกๆอยู่มาก หากฝั่งตรงข้ามชักดาบออกมาเมื่อไหร่เย่เฟิงคงไม่อาจเป็นคู่มือให้ได้แล้ว

ชายหนุ่มหยิบแผนที่ออกมาสำรวจดูทางที่จะไปต่อข้างหน้า

หลงหวางเอ๋อที่ขดตัวอย่างเชื่อฟังในอ้อมกอดชายหนุ่มใช้โอกาสนี้ในการสำรวจรอบๆเช่นกัน ที่ๆเธออยู่กับเย่เฟิงตอนนี้เป็นรอบแยกแคบๆดูท่าทางไว้ใช้ผ่านเข้าไปข้างในผา

หญิงสาวเหลือบมองไปรอบตัวหัวสังเกตว่ามีแต่หมอกและสายลมเอื่อยเฉื่อยพัดไปมา กระโดดลงไปจากผาตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

หญิงสาวมองไปข้างบนก็พบเห็นแต่สิ่งเดิม หมอกและสายลมที่อยู่รายล้อมทำให้หลงหวางเอ๋อผิดหวังและเศร้าหมอง ความคิดแล้วทางที่มืดสนิทเช่นนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย ถ้าเธอเลือกใช้ทางนี้ในการหลบหนีพ่อของเธอคงไม่มีวันมาช่วยเธอได้ใช่ไหมนะ?

อีกอย่างเธอไม่รู้ด้วยว่าชายสวมหน้ากากคนนี้พาเธอมาที่เนี่ยเพื่อจะทำอะไรกับเธอหรือเปล่า…

ตอนนั้นเองที่หลงหวางเอ๋อสังเกตุถึงแผนที่ที่เย่เฟิงกำลังจับจ้องอยู่ในมือของเขา ใจของเธอตื่นเต้นขึ้นมา

ปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้ ตอนนี้แหละ!

ทันใดนั้นพลังชี่สิบปีของหลงหวางเอ๋อระเบิดขึ้นมาอย่างฉันพลัน หญิงวางบิดตัวกระโดดออกมาจากวงแขนของเย่เฟิง เมื่อเธอตั้งหลักได้จึงใช้มือฉวยเอาแผนที่ของชายหนุ่มออกมาจากนั้นใช้กระบวนท่า ‘มังกรสะบัดหาง’ เล็งเตะไปที่หน้าอกของเย่เฟิง!

การจู่โจมอย่างฉับพลันของหลงหวางเอ๋อทำให้เย่เฟิงตื่นตกใจอย่างมาก แต่โชคดีที่ชายหนุ่มตื่นตัวระวังอยู่ตลอดเวลา เขาตอบสนองด้วยพลังเจินชี่เฮือกสุดท้ายใช้ย่างเก้าไร้เงาหลบท่าเตะอย่างรุนแรงของหลงหวางเอ๋อ!
ผู้หญิงอะไรจะเท้าหนักได้ขนาดนี้! ถ้าถูกเตะเข้าเมื่อกี้เขาคงต้องลอยตกหน้าผาตายไปแล้ว ชะตากรรมคงไม่ต่างจากหลัวลี่และหลัวเล่ยพวกนั้น

เมื่อเย่เฟิงตั้งหลักได้เขากลับพบว่าร่างบอบบางสวยสง่าของเธอได้หายไปแล้ว เมื่อนั้นชายหนุ่มสังเกตเห็นเธอตรงเข้าไปในรอยแยกเล็กๆของสุสานโบราณ

แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้คิดอะไรมากนัก เขารีบติดตามเธอไปทันที

แต่ด้านในของรอยแยกนี้กลับเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เย่เฟิงที่เข้ามาเพียงแปปเดียวเขากลับมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วทั้งห้าของตนเองเสียแล้ว…

…………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI