บทที่ 70 พ่อของหลงหวางเอ๋อ

ตอนนั้นเองที่หลัวเล่ยได้ถูกจัดการไปโดยเย่เฟิงแล้ว สติของหลงเสี่ยนก็เริ่มกลับมา เขาได้ยินเย่เฟิงพูดว่า “ตอนนี้มันถึงตามันแล้ว” ทำให้ชายหนุ่มกลัวแทบตายจนใบหน้าเริ่มซีดราวกับศพ

“พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว!”

หลงเสี่ยนทำหน้าอ้อนวอนขอความเห็นใจ แม้เขาจะเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว แต่ก็ไม่ได้โง่งมนัก เมื่อชายหนุ่มเห็นแล้วว่าคนทั้งสองจากหมัดเทพทวาราได้หายตัวไป เขาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้น

“แกผิดตรงไหน?”

เย่เฟิงเดินเข้ามาใกล้ และถามอย่างเย็นชา

“ผมไม่ควรจะวางยาหวางเอ๋อหรือหลอกให้เธอไปที่นั่นคนเดียว……..ผมไม่คิดจริง ๆ ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของยอดนักดาบอย่างคุณ”

หลงเสี่ยนเหงื่อออกเย็นเฉียบ เขามองอย่างอ้อนวอนไปยังหลงหวางเอ๋อที่กำลังกอดแขนเย่เฟิง เขากำลังยัดเยียดเธอให้เป็นผู้หญิงของชายสวมหน้ากากคนนี้

เมื่อหลงหวางเอ๋อได้ยินดังนั้น ก็ทำให้หญิงสาวโกรธมากขึ้น เธออยากจะกระโดดออกจากแขนเย่เฟิงและซัดหลงเสี่ยนสักร้อยหมัด ใครเป็นผู้หญิงของชายสวมหน้ากากคนนี้กัน? น่าเสียดายที่สภาพของเธอตอนนี้ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ หากเธอเลิกใช้พลังกดพิษของยาเมื่อไหร่เธอคงทนฤทธิ์ของมันไม่ไหวและเปิดโอกาสให้เย่เฟิงทำอะไรตามใจชอบ

จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าหลัวเล่ยและหลัวลี่เอายาชนิดนี้มาจากไหน ฤทธิ์ของมันเข้มข้นรุนแรงมากจนเธอสาบส่งสองคนนั้นในใจไปหลายรอบ แน่นอนว่าสองคนนั้นตายไปแล้วแต่เธอก็ยังไม่เลิกแช่งพวกมันอย่างไร้ประโยชน์เสียที

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ร่างกายของเธออ่อนแรงและไม่สามารถทำอะไรได้ เธอได้แต่ยอมให้เย่เฟิงฉวยโอกาสจากเธอ ในความจริงหญิงสาวกำลังรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อใช้โอกาสหนีไปอย่างแยบยลจากปีศาจบ้ากามตัวนี้…………

“งั้นเหรอ? งั้นแกฟังฉันให้ดีๆนะ”

เย่เฟิงยิ้มเยาะ “วันนี้ตอนเช้าที่เมืองหลินอัน ผู้หญิงคนนึงถูกบังคับให้ต้องกระโดดตึกตาย แกยังจำได้อยู่ไหม?”

“ม.. ไม่นะ”

หลงเสียนที่ได้ยินดังนั้นก็พลันตัวแข็งถืออยู่บนพื้น ชายสวมหน้ากากคนนี้รู้เรื่องได้อย่างไร?

ทันใดนั้นใบหน้าของหลงหวางเอ๋อแสดงถึงความรังเกียจและขยะแขยงออกมา หลงเสี่ยนคนนี้กล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? แถมยังเป็นกับคนนอกยุทธภพอีกด้วย

“วันนี้ฉันในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง จะเป็นผู้ลงมือล้างบาปให้เอง!”

เจินฉีของเย่เฟิงปะทุขึ้นมาก่อให้เกิดดาบเจินฉีสีแดงจากมือของชายหนุ่มจ่อไปยังหลงเสี่ยนที่นอนอยู่ห่างออกไป!

“ไม่นะ… ได้โปรดท่านนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ เมตตาด้วย! หวางเอ๋อ ช่วยฉันด้วย!”

ดวงตาของหลงเสี่ยนมองไปยังดาบสีแดง เลือดของเขาแห้งเหือดด้วยความกลัว ทันใดนั้นก็มีน้ำออกมาจากหว่างขาของเขา!

“ที่โรงแรมนั่น ตอนที่หญิงสาวขอร้องให้แกไว้ชีวิตเธอ แกยอมทำตามไหมล่ะ?”

เย่เฟิงยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
อย่างที่คนเคยกล่าวไว้ “อะไรก็ตามที่คุณไม่ชอบ คุณก็ต้องไม่ทำสิ่งนั้นต่อผู้อื่น” หลงเสี่ยนคนนี้เมินเฉยต่อผู้อื่นเวลาพวกเขาร้องขอความเมตตา เย่เฟิงก็อยากให้เขารับรู้รสเช่นนี้เหมือนกัน รสชาติแห่งความสิ้นหวัง

เย่เฟิงไม่ได้กล่าวอะไรอีกต่อ เขาตวัดมือเพียงหนึ่งครั้ง แสงสีแดงอาบไปทั่วบริเวณ!

และในเวลาต่อมา ศพที่สามก็ถูกโยนร่วงไปจากหน้าผา

……………

“ฉันขอพูดตรงๆเลยนะ ทำตัวเป็นตัวประกันที่ดีซะ ตรงตีนภูเขาข้างหน้านั่นมีคนของตระกูลเธออยู่ใช่ไหม?”

หลังจากจัดการเรื่องของหลงเสี่ยนเสร็จ เย่เฟิงเดินทางกลับเข้าสู่เส้นทางเดิมแล้วตรงดิ่งไปยังตีนภูเขา ชายหนุ่มใช้มือกุมไว้รอบคอของเธอขณะถาม

“แค่กๆ.. มีสิ…”

ลำคอของหลงหวางเอ๋อที่อยู่ในกำมือของเย่เฟิงทำให้เธอหายใจอย่างติดขัด หญิงสาวใช้เวลาไม่นานก็ทำความเข้าใจว่าเย่เฟิงไม่ได้ช่วยเธอเพราะความเสน่ห์หาหรอก แต่เป็นเพราะต้องการจับเธอไว้เป็นตัวประกันต่างหาก

ว่าแต่ว่า อะไรคือเป้าหมายที่จับเธอไว้เป็นตัวประกันกันแน่นะ?

แน่นอนว่าเธอไม่รู้เลยเรื่องที่เย่เฟิงต้องการใช้เส้นทางผ่านไปทางตีนภูเขาเพื่อที่จะเข้าไปยังสุสานโบราณ ไม่ว่าจะด้วยสถานะของชายสวมหน้ากากหรือเย่เฟิงก็ตามที ไม่ว่านะฐานะใดเมื่อเขาไปปรากฎตรงหน้าคนของตระกูลมังกร พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มผ่านไปแน่ ดังนั้นหญิงสาวในกำมือของเขาเป็นเพียงตัวเลือกเดียวที่จะช่วยให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้น

“ดีมาก”

เย่เฟิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขายังคงมุ่งต่อไปข้างหน้าพร้อมกับหลงหวางเอ๋อในอ้อมแขน

สภาพของหลงหวางเอ๋อตอนนี้ค่อนข้างน่าสงสารทีเดียว ทั้งร่างกายของเธอตกอยู่ภายใต้พิษของยา แก้มเธอแดงระเรื่อ หญิงสาวที่ถูกจับกุมไว้โดยเย่เฟิงเริ่มรู้สึกเบาสบายและดีอย่างไม่คาดคิด มันทำให้เธอรู้สึกละอายใจต่อตนเองจนแทบอยากจะฆ่าตัวตายนัก

ปกติแล้วเย่เฟิงก็ไม่ปฎิบัติต่อผู้หญิงอย่างนุมนวลนัก โดยเฉพาะคุณหนูตระกูลมังกรคนนี้ก็ไม่ใช่ผู้หญิงของเขาอยู่แล้วด้วย แถมยังเป็นศัตรูกันอีกต่างหาก ดังนั้นเขาจึงไม่เปิดเผยด้านอ่อนโยนต่อเธอเลยแม้แต่น้อย

เมื่อพวกเขาเริ่มเข้าใกล้บริเวณตีนภูเขามากขึ้น เขาเริ่มเป็นจุดสนใจต่อคนของตระกูลมังกร

มีผู้คนอยู่ราวๆ 17-18 คนบริเวณนี้ แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยสองถึงสามคนกำลังสนทนาอะไรบางอย่างกันอยู่ เพียงแค่มองปราดเดียวเย่เฟิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้เป็นพวกจอมยุทธ์ทั้งนั้น เมื่อสายตาของพวกเขามองมายังเย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อที่ถูกจับตัวอยู่ ใบหน้าของ 5-6 คนในนั้นซีดลงทันที

“หวางเอ๋อ!”

หนึ่งในคนจำนวนนั้นมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง คิ้วตรงชี้ขึ้นด้านบนและกำลังขมวดคิ้ว เขาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นมาหาเย่เฟิง!

เย่เฟิงมองไปยังชายวัยกลางคนตรงหน้าและประเมิณ เขาดูอายุราวสามสิบปี ใส่เสื้อผ้าสีขาวยาว มีฝักดาบเหน็บติดไว้ที่เอว ตั้งแต่หัวจรดเท้าให้ความรู้สึกที่ดูปราณีตและสุภาพแต่ก็ดูหลอกลวงในคราวเดียวกัน จากรูปลักษณ์ภายนอกทำให้เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะคิดว่าชายคนนี้เป็นคนที่มาจากโลกเทวะ

“พ่อ…”

หลงหวางเอ๋อพยายามพูดออกมาอย่างยากลำบาก เธอพยายามส่งสายตาไปยังชายวัยกลางคนผู้นั้น

ชายวัยกลางคนที่ดูปราณีตและสุภาพเนี่ยนะ พ่อของเธอ?

ใจของเย่เฟิงเริ่มเกิดความตื่นตัวและระวังต่อสถานการณ์มากขึ้น เขากล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ถอยไปให้หมด ไม่งั้นผมจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตายคามือซะ! ผมแค่ต้องการผ่านตรงนี้ไปเท่านั้น หลังจากนั้นผมจะปล่อยลูกสาวคุณไปเอง”

“เจ้าหนู มันจะกล้าดีเกินไปแล้ว!”

แววตาของงชายวัยกลางคนเริ่มฉายแววเย็นเยียบออกมา คิ้วที่ตรงของเขาเริ่มชี้ตรงขึ้นไปอีก มือเอื้อมไปที่ฝักดาบเตรียมพร้อมจะฟาดฟันทุกเมื่อ

“โม่หลัน ช้าก่อน”

ด้านหลังของเขามีชายแก่ผู้หนึ่งกำลังมองสถานกาณณ์อย่างรอบคอบ เขารีบตรงเข้ามาหาและกระซิบต่อชายวัยกลางคนผู้นั้น

เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เย่เฟิงได้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวด ถ้าระดับพลังของเขามีอย่างต่ำสักสิบปี เขาคงจะสามารถได้ยินทุกสิ่งอย่างที่อีกฝ่ายกำลังพูด น่าเสียดายมันไม่เป็นเช่นนั้น

“แกคือโม่จิ่วเกองั้นหรือ?”

หลังจากที่พ่อของหลงหวางเอ๋อฟังชายแก่ผู้จบ เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปมองเย่เฟิงแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถ้าแกกล้าทำให้ลูกสาวของฉันเจ็บละก็ คนของตระกูลมังกรเราจะตามล่าฆ่าแกจนสุดขอบโลก!”

“ใจเย็นก่อน”

เย่เฟิงฉีกยิ้มขณะเอามือกุมคอของหลงหวางเอ๋ออยู่ เขาก้าวเดินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้ามาในระยะห้าเมตรจากพ่อของหลงหวางเอ๋อแล้ว ทันใดนั้นเย่เฟิงเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงสุด!

ชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้แน่นในอ้อมอกแล้วใช้วิชาย่างเก้าไร้เงาด้วยความเร็วที่สูงที่สุดจนกระทั่งทิ้งไว้เพียงเงาภาพติดตา ชั่วกระพริบตาเย่เฟิงที่จับกุมหลงหวางเอ่อไว้ข้ามผ่านตีนภูเขามุ่งหน้าไปยังป่าในทิศตรงกันข้ามทันที

เหตุการณ์ตรงหน้าที่ฉับพลันเกินไปทิ้งไว้ให้หลงโม่หลันและคนตระกูลมังกรคนอื่นๆได้แต่ตกตะลึง เจ้าเด็กมีความเร็วนาดนี้ได้อย่างไรกัน? พวกเขาไม่ทันจะได้ตอบโต้เย่เฟิงก็หายลับไปสุดสายตาเสียแล้ว พร้อมกับหลงหวางเอ๋อ

“ฮ่าๆๆ โม่หลันไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่นายต้องรับความพ่ายแแพ้เช่นนี้ได้”

เสียงหัวเราะที่ดังตามมาด้วยประโยคเสียดสีผ่านมาจากอีกทาง ในความเป็นจริงตระกูลมังกรและผู้อาวุโสแห่งหมัดเทพทวาราไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนัก ดังนั้นเขาจึงถากถางหลินโม่หลันตามใจ อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้หลัวลี่และหลัวเล่ยได้พยายามที่จะจับหลงหวางเอ๋อ และถูกสังหารโดยเย่เฟิงเรียบร้อย มิฉะนั้น การที่เขาอยู่ที่นี่คงทำให้ความโกรธของหลงโม่หลันระเบิด จนเขาต้องรีบหนีไปให้ไกลเพราะการกระทำของเจ้าศิษย์ชั่วทั้งคู่แล้ว

“เหอะ”

หลงโม่หลันแค่นเสียงเบาๆอย่างไม่ใส่ใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาขมวดคิ้วและกล่าว “พวกนายลงไปด้านล่างดูซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กหลงเสี่ยน ส่วนฉันจะไปตามหาหลงหวางเอ๋อเอง”

เมื่อสิ้นเสียง เขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วกระโดดตามทิศที่เย่เฟิงและหลงหวางเอ๋อหายไป หลงโม่หลันรู้สภาพของหลงหวางเอ๋ออย่างชัดเจน แก้มที่แดงเรื่อเช้นนั้นเธอต้องตกอยู่ในพิษอะไรสักอย่างอยู่ หากเธอตกไปอยู่ในมือของคนชั่วร้ายชีวิตของเธอคงจะต้องถูกทำลายตลอดไปแน่…

…………………………..

แปลโดยทีมงานGSI