บทที่ 71: การบุกรุก (1)

 

 

 

“เราควรจะทำยังไง? ถ้าเราเคลื่อนไหวกระโตกกระตาก มันอาจจะสร้างการกระทบกระทั่งกับกิลด์อื่นๆ ได้”

มิเชลคิดถึงคำพูดของลุ่ยฮอง หัวหน้ากองกำลังช็อค

มันเป้นเวลากว่าสี่ปีแล้วตั้งแต่ที่เขามายังอีกโลก

เขาได้ผ่านพ้นหลายๆ สิ่งในที่แห่งนี้

เขาได้เหยียบย่ำพวกที่พยายามจะฆ่าเขา และใช้คนที่สามารถคนที่สามารถสร้างประโยชน์ให้เขาได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใด

เขาไม่รู้ว่าการกระทำของเขาถูกหรือผิด แต่หลังจากทำสิ่งคล้ายๆ กันไปสักพัก เขาก็รู้สึกว่าเขารับรู้บางอย่าง

ว่าเขาต้องการคนคนนั้นหรือไม่

ว่าคนคนนั้นเป็นคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้หรือไม่

ความรู้สึกบอกเขา

‘ฉันคิดว่าถ้าฉันขจัดพิษพวกนั้นออกไปได้ งั้นมันก็จะกลายเป็นเนื้ออันหอมหวาน’

เขาคงไม่ง่าย

เหมือนเช่นที่ปลาปักเป้าจะกลายเป็นวัตถุดิบที่เลิศรสอย่างมากเมื่อกำจัดพิษออก คังฮันซูก็จะโยนของที่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งแบบนี้ดรอปออกมาจำนวนมาก

“เอาตัวเขามา ฉันเองก็สงสัยว่าเขาได้รับอะไรจากข้างในเหมือนกัน”

ลุ่ยฮองผงกศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

หมอนั่นได้ดึงบางอย่างออกไปจากหัวใจ

ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นรางวัลในการฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ

ไม่สิ แม้ว่าจะไม่มีมัน หมอนั่นก็เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่รู้ถึงสภาพภายในของมัจฉาภัยพิบัติ

หมอนั่นเป็นใครบางคนที่พวกเขาต้องจับให้ได้ด้วยเหตุผลมากมาย

“จับเขาให้ได้ก่อนที่พวกนายจะปะทะกับกิลด์อื่น”

ลุ่ยฮองชะงักไปในระหว่างที่กำลังส่งพิราบสื่อสารสีฟ้าออกไปทุกทิศทุกทาง จากนั้นจึงพูดเสียงกลั้วหัวเราะ

“มันไม่ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถจับหมอนั่นได้ก่อนที่เขาจะข้ามไปที่เขตของกิลด์อื่น”

พวกเขาได้นำกองกำลังช็อคลงมา 5 หน่วย แต่ล่ะทีมมี 12 คน และทีมค้นหาอีก 10 ทีมโดยที่แต่ล่ะทีมมี 20 คน ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญสำหรับพวกเขา

พวกเขาไม่อาจนำคนมาได้มากเพื่อที่จะรักษาฐานกำลังข้างบนที่ปลายยอด แต่กิลด์อื่นๆ ก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน

ทีมค้นหาหนึ่งทีมสามารถจัดการคนธรรมดาส่วนมากได้

และหนึ่งในทีมค้นหาได้สะกดรอยตามฮันซูไปในขณะที่คนอื่นๆ ได้มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่พิราบสื่อสารสีฟ้าชี้ทาง

‘เวลาหนึ่งอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มาก’

พวกเขาบอกว่าหมอนั่นค่อนข้างแข็งแกร่งสำหรับเด็กใหม่

เมื่อเขาแข็งแกร่งพอที่จะตอบโต้เคาส์ โมเร็น

แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่สามารถจับหมอนั่นได้

แม้ว่าหมอนั่นจะฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ ถ้าไอ้ตัวแบบนั้นสามารถฆ่าได้ด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว งั้นหมอนั่นก็คงไม่ต้องวิ่งหนีเคาส์ โมเร็นไปในตอนแรก

แม้ว่าหมอนั่นจะได้รับของที่ยอดเยี่ยมบางอย่าง มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก

‘ฉันก็ควรจะไป’

ลุ่ยฮองรีบเคลื่อนไหวขณะที่เขาส่งพิราบสื่อสารสีฟ้าไปยังหัวหน้าหน่วยกองกำลังช็อคและทีมค้นหา

 

 

 

ตูมม!

‘ฮะอึ่ก!’

คูแกน หนึ่งในสมาชิกทีมค้นหาที่ติดตามฮันซูไปกัดฟันกรอดพร้อมกับล่าถอยเมื่อเขารู้สึกได้ว่าสกิลป้องกันของเขาถูกพังลง

‘ฉิบหายเอ้ย’

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทีมค้นหา พวกเขาก็ยังคงเป็นลูกกิลด์ของกิลด์อาคารแสง

พวกเขาสามารถต่อสู้กับคนที่มาจากกองกำลังช็อคแห่งสิบสองรากได้หนึ่งต่อหนึ่ง

พวกเขาได้สวมใส่สกิลที่เกี่ยวข้องกับการรอดชีวิตไว้เมื่อพวกเขามักจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

แต่ทุกครั้งที่ไอ้ดาบบ้านั่นตัดผ่านอากาศ สกิลของพวกเขาก็จะถูกทำลายแม้ว่าจะอยู่ห่างออกมาเป็นสิบๆ เมตร

“ฉิบหายเอ้ย! ปิดวงล้อม!”

และในวินาทีที่ถูกสะกิดด้วยดาบนั้น เลือดก็จะไหลออกมาไม่หยุด

พื้นที่ค้นหาของเฮคาเต้ กิลด์ศัตรู นั้นอยู่แถวๆ นี้

และพวกเขาไม่อาจได้รับบาดเจ็บในสถานที่แบบนั้นได้

เพราะหากพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ความเร็วในการปิดวงล้อมก็จะช้าลง

และสิ่งที่บดขยี้ศักดิ์ศรีของเขามากไปกว่านั้นคือหมอนั่นที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้หนีไปแม้ว่าจะรู้ตัวว่าถูกไล่ล่า

‘ไอ้เวรนั่น มันกำลังดูถูกพวกเราอยู่เหรอ?’

หมอนั่นผลุบๆ โผล่ๆ ไปทั่วทะเลสาบคุคูลจาแม้ว่าจะกำลังเหวี่ยงดาบไปรอบๆ

‘ดูสิว่านายจะหนีไปได้นานแค่ไหน’

พิราบสื่อสารสีฟ้าน่าจะไปถึงแล้วในตอนนี้

ซึ่งหมายความว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่นี่

เมื่อทีมค้นหาทีมอื่นๆ และกองกำลังช็อคมาที่นี่ งั้นมันก็จะเป็นจุดจบของหมอนี่ไม่ว่าเขาจะมีพรสวรรค์แค่ไหนก็ตาม

ฮันซูที่กำลังวนไปรอบๆ ทะเลสาบคุคูลจาและรวบรวมเมล็ดกวีฮีเดาะลิ้นใส่ผู้คนที่พุ่งเข้ามาหาเขา

‘พวกเหลือบไรน่ารำคาญ’

ข้อมูลที่ฮันซูได้รับมาระหว่างทาง

‘มันผ่านมา 3 วันแล้ว’

เขาต้องรวบรวมเมล็ดกวีฮีเพื่อที่จะไปภายใน <รากกลืนและคาย> แต่มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถรวบรวมจำนวนที่ต้องการได้หากเป็นเช่นนี้

มันมีดอกลิลลี่นับหมื่นที่มีเมล็ดกวีฮีลอยอยู่เหนือทะเลสาบข้างเขา แต่มันเป็นเรื่องยากอย่างมากเพราะพวกคนที่ตามมาด้านหลังอย่างกระชั้นชิด

ฮันซูส่ายศีรษะหลังจากมองพวกคนที่ไล่ตามเขามาจากด้านหลัง

‘มันไม่มีเวลาที่จะรวบรวมทั้งหมด ถ้าพวกนายชอบฉันขนาดนั้น งั้น… ฉันก็จะทำให้พวกนายสมหวัง’

ฮันซูหยุดวิ่งไปรอบๆ ทะเลสาบคุคูลจาและนำบางสิ่งออกมาจากถุงของเขา

หัวใจของลูกปลามัจฉาภัยพิบัติที่เขาได้รับมาก่อนหน้า

และใจกลางของมัน เมล็ด

เพราะแม้ว่าหัวใจของลูกมัจฉาภัยพิบัติจะใหญ่มาก ศูนย์กลางของมันก็ยังมีขนาดเทียบเท่ากับศีรษะของเขาหลังจากที่ตัดมันออกมา

ชายหนุ่มตัดชิ้นส่วนขนาดเท่าฝ่ามือออกจากสิ่งนั้น

จากนั้นจึงสลัดคนที่ไล่ตามเขาออกไปเล็กน้อย แล้วจึงเริ่มวิ่งไปรอบๆ ทะเลสาบอย่างบ้าคลั่งและรวบรวมวัสดุ

‘ถุงหอมอรัมคัล… ฉันรวบรวมแก่นของอารอนไปเมื่อกี้ ฉันต้องการเขาของกอน’

<นี่ค่อนข้างอันตราย แต่มันเป็นวิธีสำหรับเวลาที่นายไม่อาจที่จะรวบรวมเมล็ดทั้งหมดได้ทันเวลา แต่ใช้มันแค่ตอนที่สถานการณ์มันวิกฤตเท่านั้น>

‘ตื่นขึ้นมาหลังจากหมดสติไปสามวันนับว่าเป็นสถานการณ์วิกฤต’

ฮันซูเหวี่ยงดาบของเขาไปด้านหลังสองสามครั้ง จากนั้นจึงเริ่มมุ่งตรงไปยังที่อยู่ของกอนใกล้ๆ ทะเลสาบ

กร๊าซซซซ!

ในตอนนั้นเองที่บางอย่างพุ่งออกมาจากพื้นและโจมตีชายหนุ่ม

กอนที่มีรูปร่างคล้ายกิ้งก่าพร้อมด้วยเขาสามเขาพลันปรากฏตัวขึ้นจากพื้นดิน พยายามกัดฮันซูด้วยกรามวขนาดใหญ่ของมัน

แม้ว่ามันจะมีความเร็วต่ำ มันก็เคลื่อนไหวใต้ดินและลอบโจมตีคนที่อยู่เหนือพื้นดินด้วยความเร็วแสง บดขยี้พวกเขาด้วยกรามของพวกมัน

ฮันซูชะงักเมื่อเห็นกอนพุ่งพรวดออกจากพื้นดิน

‘…สาม?’

ปลายรากนั้นไม่ใช่สถานที่ที่กอนสามเขาจะออกมา

อย่างมากก็แค่สองเขา

พวกสามเขานั้นเป็นตัวที่ใหญ่กว่ามากและออกมาที่กลางรากที่อยู่ห่างออกไปมาก

และเพราะแบบนั้น ชายหนุ่มจึงรู้ในทันที

‘มันเกือบจะถึงที่นี่แล้ว’

การที่บางสิ่งที่ควรจะอยู่ด้านบนได้อยู่ด้านล่างนี่หมายความว่ารากกลืนและคายได้มุ่งหน้าลงไปยังที่ที่พวกมันอยู่เรื่อยๆ

ฮันซูรวมดาบไร้ลักษณ์ที่เขาได้ยืดออกไปก่อนหน้ากลับมา จากนั้นจึงแทงอีกฝ่ายลงไประหว่างกรามและลำคอที่ไม่ได้ถูกปกคลุมไปด้วยกระดูก

ฉึกกก

ดาบไร้ลักษณ์ที่แทงลงไประหว่างช่องว่างได้กระจายออกภายในลำคอของมัน จากนั้นจึงตัดเส้นเลือดและเส้นประสาททั้งหมด

ฉัวะ

ฮันซูที่ได้ทำให้ศัตรูไร้พลังไปในเสี้ยววินาทีตัดเขาของมันออก จากนั้นจึงมุ่นคิ้วเล็กๆ

‘ถ้ามันเป็นสามเขา งั้นประสิทธิภาพของมันอาจจะมากกว่าที่ฉันคาดไว้หน่อย…’

แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะมากังวลอะไรกับเรื่องเช่นนี้

ชายหนุ่มบดเศษหัวใจของลูกปลามัจฉาภัยพิบัติ ขยี้จนเละ จากนั้นจึงผสมมันรวมกับเขาของกอนและวัตถุดิบอื่นๆ

สิ่งที่อยู่ในมือของฮันซูได้กลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็วตามเวลาที่ผ่านไป

แต่มันกลับส่งกลิ่นหอมออกไปทั่วทุกทิศทางไม่เหมือนกับสีของมัน

จากนั้นฮันซูที่ได้กลิ่นแรงๆ นั้นก็รีบโยนมันลงไปในบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว

วินาทีที่สิ่งนั้นหล่นลงไปในน้ำ มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

ในตอนนั้นเอง บางอย่างก็ได้พุ่งตรงมายังศีรษะของเขาด้วยความเร็วสูง

‘<ดาบแห่งแสง> สกิลแบบนี้…’

ชายหนุ่มมุ่นคิ้วไปยังดาบที่ฟาดลงมายังเขาจากบนฟ้า จากนั้นจึงเหวี่ยงดาบของเขาผ่าดาบโปร่งแสงบนฟ้าจนกลายเป็นสองส่วน

ตูมมม

ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็กระโดดลงไปยังบ่อกวีฮีใกล้ๆ กับทะเลสาบคุคูลจา

ฮันซูที่ยืนอยู่ใจกลางดอกไม้ที่คล้ายลิลลี่นับหมื่นเอ่ยไปยังผู้คนที่ลงมาทีล่ะคนสองคน

“ทำไมพวกนายถึงไล่ตามฉันนัก ยังไงในอนาคตเราก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว”

ใครบางคนได้เอ่ยตอบคำถามนั้น

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่นายจะตัดสินใจ ฉันมีคำถามเยอะมาก”

มิเชลที่มาถึงพร้อมกับลุ่ยฮองที่คอยป้องกันเขาหัวเราะขณะที่มองไปยังฮันซูที่อยู่ห่างออกไป

มันไม่เหตุผลที่เขาจำเป็นต้องมา แต่เขาได้มาที่นี่เพราะเขาสงสัย

‘ถ้านายฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ งั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันมาพบนาย’

มันไม่ได้มีแค่อย่างหรือสองอย่างที่เขาสงสัย

หมอนั่นฆ่ามัจฉาภัยพิบัติได้ยังไง

หมอนั่นมีชีวิตรอดภายในร่างของมัจฉาภัยพิบัติได้ยังไง

อะไรที่หมอนั่นได้รับหลังจากฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ

และที่สำคัญที่สุด

<มันมีความเป็นไปได้ไหมที่จะฆ่าภัยพิบัติที่เหลือ>

ถ้าหมอนั่นสามารถฆ่าภัยพิบัติตัวที่เหลือได้ หรือกระทั่งรู้จุดอ่อนของพวกมัน งั้นรูปแบบการปกครองของเขตสีแดงก็จะเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง

‘มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะสร้างชื่อของฉันไว้ก่อนที่จะขึ้นไป’

มิเชลหัวเราะเมื่อคิดจบ

“ทำไมนายถึงพยายามทำเรื่องยากๆ แบบนั้นด้วยตัวเองล่ะ มันจะง่ายขึ้นมากถ้าพวกเราช่วยนาย นายฆ่าตัวอื่นๆ ได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”

แน่นอนว่าคนที่ฆ่าไอ้ตัวพวกนั้นจะเปลี่ยนไปถ้าเขาล่าพร้อมกับฮันซู และสัดส่วนรางวัลก็จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย หรือกระทั่งมาก แต่มันจะเป็นอะไรที่วิน-วินสำหรับทั้งสองฝ่าย

ดีสำหรับเขาและดีสำหรับหมอนั่น

‘เขาจะพูดใช่ไหม’

เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น มันก็ไม่มีเหตุผลให้เก็บหมอนั่นไว้

ข่าวลือได้แพร่กระจายออกไปแล้ว

ว่าอาคารแสงได้รับความเสียหายอย่างมากจากเด็กใหม่คนหนึ่งราวกับพวกปัญญาอ่อนกลุ่มหนึ่ง

แน่นอนว่าคนจากกิลด์อื่นๆ ก็เข้าไปเช่นกัน แต่ความจริงที่ว่าเคาส์ โมเร็นนำพวกนั้นเข้าไปเป็นเรื่องที่น่าอับอายด้วยตัวมันเอง

ถ้าหมอนั่นไม่รู้วิธีในการต่อกรกับภัยพิบัติอื่นๆ งั้นมันก็จะดีกว่าในการที่จะนำของที่หมอนั่นได้รับจากภายในร่างของมัจฉาภัยพิบัติไปและฆ่าหมอนั่นทิ้ง

ในตอนนั้นเองที่แรงสั่นสะเทือนเล็กๆ ได้ปรากฏขึ้นที่ใต้พื้นดิน

ครืนนน ครืนนนน

“…?”

‘หรือโครงสร้างของรากอ่อนแอลงเพราะสึนามิที่มัจฉาภัยพิบัติสร้าง?’

ถ้าไม่เพราะแบบนั้น มันคงไม่มีอะไรแบบแผ่นกินไหวเกินขึ้นแถวๆ นี้

ในขณะที่ผู้คนกำลังแสดงสีหน้างุนงงและพยายามที่จะใช้สกิลค้นหาของพวกเขา ฮันซูก็เอ่ยตอบคำถามของมิเชล

“แน่นอนว่าฉันสามารถฆ่าตัวอื่นๆ ได้”

“!”

“ฉันกำลังจะไปที่นั่น ในเมื่อพวกนายจะช่วยฉัน ฉันขอขอบคุณ งั้นก็ไปพร้อมกันเลยแล้วกัน”

ตูมมมม!

ในตอนนั้นเองที่พื้นดินได้แตกออกพร้อมกับที่บางสิ่งได้พุ่งออกมาจากผิวทะเลสาบคุคูลจา

รากขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนรากไม้เมื่อมองจากมุมหนึ่ง แต่มันกำลังเคลื่อนไหวในลักษณะที่พืชไม่อาจทำได้

ปากนับสิบได้เปิดออกที่ปลายรากพร้อมกับฟันนับพันที่มีขนาดเท่ามนุษย์คนหนึ่งได้เปิดๆ ปิดๆ ยามที่มันกินน้ำทะเลพิษ

มิเชลขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นเช่นนั้น

“… ปากปีศาจ? ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่?”

<ปากปีศาจ>

มันเป็นสิ่งที่อยู่ภายในส่วนลึกของดันเจี้ยนภายในรากของต้นไม้โลก

สิ่งที่ถูกคาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ <รากกลืนและคาย>

ความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่า <รากกลืนและคาย> นั้นหน้าตาเป็นเช่นไร

เมื่อมันไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่มีคนรอดออกมาหลังจากเข้าไปในปากนั่น

ผิวหนังของไอ้รากเส็งเคร็งนั่นแข็งอย่างมากเสียจนไม่มีใครสามารถสร้างความเสียหายให้ได้

เมื่อไม่มีใครสามารถค้นพบร่างจริงของมันได้ หนึ่งในสี่ภัยพิบัติจึงได้ถูกรู้จักกันในนามของ <ปากปีศาจ> แทนที่จะเป็น <รากกลืนและคาย>

แต่มันมักจะดูดน้ำพิษของต้นไม้โลกเงียบๆ ทำไมมันถึงได้ออกมาที่นี่กัน

และเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าไอ้สิ่งนั้นจะเหวี่ยงไปมาอย่างบ้าคลั่งแบบนั้น

“ว๊ากกกก!”

“อ๊ากกก! ขึ้นไปด้านบนแล้วหลบมัน!”

“เวรเอ้ย! นายจะให้ฉันหลบไอ้นี่ยังไง!”

ปากของรากที่ออกจากพื้นเพียงอันเดียวก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางนับสิบเมตร

พวกมันนับสิบกำลังทะลวงออกจากพื้น

มิเชลรีบส่งข้อความไปยังทีมค้นหาที่เขาได้สั่งให้ไปค้นหาที่บริเวณอื่นอย่างรวดเร็ว

จากนั้นจึงขมวดคิ้วแน่น

‘เวรเอ้ย ที่อื่นไม่เป็นแบบนี้ ทำไมที่นี่ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!’

รากที่ปรากฏออกมากำลังกินน้ำทะเลพิษของทะเลสาบคุคูลจาราวกับว่ามันกำลังกระหาย และน้ำในทะเลสาบคุคูลจาขนาดใหญ่ก็ได้ลดลงด้วยความเร็วสูงราวกับว่าจุกปิดท่อได้ถูกดึงออก

แต่ปัญหานั้นคือพื้นที่รอบๆ กำลังถูกทำลายและพวกเขากำลังถูกดูดเข้าไปในปากนั้นด้วยความเร็วสูง

พวกเขาจะสามารถหลบมันได้ยังไงเมื่อพื้นดินใต้ร่างพวกเขากำลังร่วงหล่น

คนนับร้อยที่ได้มาที่นี่กำลังถูกดูดเข้าไปในปากด้านล่าง

ฮันซูหัวเราะเสียงเย็นเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘มันมาถึงเร็วกว่าที่ฉันคาด ดี’

รากและปากที่พุ่งเข้ามาหลังจากถูกดึงดูดด้วยกลิ่นของลูกปลามัจฉาภัยพิบัติกำลังดื่มน้ำทะเลพิษ ในขณะที่ดอกกวีฮีและเมล็ดของพวกมันจำนวนมากได้ถูกดูดเข้าไปพร้อมกับน้ำ

แม้ว่าทุกสิ่งจะเป็นไปตามแผนของเขา แต่มันก็อันตรายกว่าเพราะแบบนี้

ชายหนุ่มเกร็งร่างของเขาขึ้น

<รากกลืนและคาย>

สิ่งที่ขโมยน้ำพิษที่ไหลอยู่ที่ชั้นในของรากต้นไม้โลก

เมื่อมันดูดน้ำทะเลพิษของต้นไม้โลกที่เป็นเหมือนเครื่องกรอง เปลี่ยนน้ำทะเลพิษให้กลายเป็นน้ำแร่ธาตุ  เพียงเท่านั้นก็เพียงพอที่ทำให้ปริมาณของน้ำแร่ธาตุแห้งเหือดลง

แต่เหตุผลที่ทำให้สิ่งนั้นถูกเรียกว่าภัยพิบัตินั้นไม่ใช่เพียงเพราะปากนั่นทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องมือในการดูดน้ำพิษ

มันเป็นสิ่งที่คายสัตว์อสูรทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นจาก <ร่างหลัก> ที่อยู่ลึกภายในพื้นดินไปสู่พื้นที่ของต้นไม้โลกด้วยปากของพวกมัน

มันเป็นรากที่มีโครงสร้างในการเพิ่มจำนวนเป็นทวีคูณ

ไม่เหมือนกับ <ปากด้านนอก> ที่มีเพื่อดื่ม ปากด้านในนั้นเป็นทางเดินที่คายสัตว์อสูรออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง

และเขาต้องเข้าไปเพราะแบบนี้

เพื่อที่เขาจะสามารถไปยังร่างหลักของมันได้

‘ไปกัน’

ฮันซูสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ขณะที่เขามองเห็นสัตว์อสูรที่ปรากฏขึ้นภายในปาก ขบฟันแน่น จากนั้นจึงกระโดดลงไป

 


TL: อ่านช่วงต้นตอนนี่อุทานว่าหน้าด้านไปหลายรอบเหลือเกินค่ะ//หัวเราะ