บทที่ 72: การบุกรุก (2)

 

 

 

กร๊าซซซซ!

ฮันซูส่ายศีรษะกระทั่งระหว่างที่กระโดดลงไปเมื่อเห็นสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลด้านในปากนั้น

มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น

‘ต่อจากนี้พวกมันจะมีมากขึ้น’

มัจฉาภัยพิบัติและรากกลืนและคายนั้นมีทั้งความเหมือนและความต่าง

ความเหมือนของพวกมันนั้นคือมันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าพวกมันจากด้านนอก

ที่อยู่หลักของพวกมันนั้นหากไม่ใช่ส่วนลึกของมหาสมุทรก็เป็นลึกลงไปในพื้นโลกภายในรากของต้นไม้โลกที่มนุษย์ยากจะเข้าถึง

ผิวด้านนอกของพวกมันแข็งมากเสียจนถึงจุดที่การที่มนุษย์จะสร้างอาการบาดเจ็บให้พวกมันนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ และแม้ว่าจะมีใครสักคนสามารถทำให้มันบาดเจ็บได้ แต่เมื่อนึกถึงขนาดที่ใหญ่เป็นกิโลของพวกมัน บาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นก็เรียกได้ว่าไร้ประโยชน์

และเขาต้องโจมตีมันจากภายในเพราะแบบนี้

มัจฉาภัยพิบัติได้ปล่อยเรื่องการปล่อยกันภายในให้กับหนวดดูแล ทว่ารากกลืนและคายนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างระบบป้องกันเนื่องจากลักษณะพิเศษแปลกๆ ของมัน

สัตว์อสูรที่ถูกสร้างขึ้นจาก <โรงงาน> จะพุ่งออกจากอุโมงค์อย่างไร้ที่สิ้นสุด แม้ว่าพวกเขาจะสามารถทะลวงผ่านสัตว์อสูรเหล่านี้ไปได้ด้วยการฆ่า พวกเขาก็จะยังคงถูกเหยียบจากตัวอื่นๆ อยู่ดี

‘นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันต้องแก้มันก่อนที่จะไป’

ปากด้านนอกนั้นได้ดูดน้ำทะเลพิษอย่างต่อเนื่องด้วยแรงดูดที่รุนแรง และสัตว์อสูรที่ปากในก็กำลังคำรามอย่างยินดีราวกับว่าพวกมันกำลังเฝ้ารอให้อาหารหล่นลงไป

ฮันซูเหยียบขึ้นไปบนซี่ฟันที่อยู่ด้านนอกของปากในขณะที่เขากำลังซื้อเวลาเล็กน้อย

‘เอาล่ะ มีบางคนที่กำลังเลียนแบบฉัน’

ฮันซูส่ายศีรษะไปยังมนุษย์คนอื่นๆ ที่เขาเห็นอยู่ห่างออกไป

ทั้งหมดนั่นมันจะไร้ประโยชน์

เมื่อใดที่พื้นที่ทั้งหมดที่นี่ถูกทำลาย และปากปีศาจได้ยึดครองพื้นที่นี้เอาไว้ทั้งหมด คนพวกนั้นก็จะเลือกตัวเลือกแค่สองอย่าง

ว่าจะจมน้ำตายที่ปากด้านนอกที่น้ำทะเลพิษกำลังไหลทะลักเข้าไป

หรือว่าเข้ามาที่ปากในก่อนที่ทางเข้าจะปิดและต่อสู้กับสัตว์อสูร

เมื่อไอ้พวกนี้ปิดปากของมันลง พวกเขาก็จะถูกกลืนลงไปทั้งหมดแม้ว่าจะกระโดดอยู่เหนือฟันก็ตาม

‘แค่แปปเดียวก็พอ’

ฮันซูที่กระโดดลงไปข้างล่างในครั้งเดียวนำบางอย่างออกมาจากถุงของเขา

สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดเท่าเมล็ดข้าว

ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจึงคว้านเอาหัวใจของลูกมัจฉาภัยพิบัติในถุงออกมาเล็กน้อย

‘ฉันต้องใช้มันทีล่ะน้อย’

เขาต้องใช้หัวใจเป็นยาพิษเพื่อที่จะจำตัวที่สามที่อยู่ที่ปลาย

ฮันซูที่ควักเศษหัวใจชิ้นเล็กๆ ออกมา พันมันเข้ากับสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจึงโยนมันเข้าไปในปากที่กำลังดูดน้ำทะเลพิษ

จ๋อม

ทันทีที่เศษนั้นจมลงไปในน้ำ มันก็หายไปยังท่อด้านนอก

ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก

เมื่อมันดูดน้ำในทะเลสาบคุคูลจาไปจนเกือบหมดแล้ว มันจึงเริ่มที่จะปิดปากของมันอย่างช้าๆ

แม้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นมาอีกครั้งเพราะมันเชื่อมต่อกับทะเล ทว่าสิ่งนั้นได้สูบน้ำไปอย่างรวดเร็วเสียจนมันแทบจะแห้งเหือด

แม้ว่ามันจะกว้าง มันก็ไม่ได้ลึกมากนัก มันจึงไม่อาจดับกระหายให้สิ่งนี้ได้

ตุบ

ฮันซูทิ้งตัวลงในท่อด้านในขณะที่มองปากปิดลง

กร๊าซซซ!

สัตว์อสูรจำนวนมหาศาลได้รวมตัวกันอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

‘เอาล่ะ นี่ก็แค่จุดเริ่มต้น’

บางทีมันอาจเป็นเพราะว่าพวกมันอยู่ในรากที่อยู่ด้านนอกสุด ทำให้ความยากของสัตว์อสูรนั้นไม่มากมายนัก

แน่นอนว่าพวกมันจะรวมตัวกันมายังเขาหากเขาจะสู้ยันอยู่ที่นี่

‘ผ่านพวกมันไปเร็วๆ’

ชายหนุ่มยืดคมดาบของเขาออก จากนั้นจึงเหวี่ยงมันไปทุกทิศทาง

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ

กร๊าซซซซซ!

ฮันซูเก็บสิ่งที่พวกมันดรอปไปอย่างต่อเนื่องขณะที่เขาเคลื่อนที่ไปเบื้องหน้า

รากของไอ้สิ่งนี้นั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับต้นไม้โลก

เมื่อไปข้างหน้าไกลขึ้น รากเล็กๆ ก็จะรวมตัวกันและใหญ่ขึ้น

และแน่นอนว่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งขึ้นก็จะปรากฏตัวตามระยะทางที่ไกลขึ้น

ฮันซูกำรีลิคของกาลาเดรียง <คำพิพากษา> ไว้แน่นและมุ่งหน้าตรงไปอย่างรวดเร็ว

ในตอนนั้นเอง เสียงของบางสิ่งที่ถูกฉีกกระชากก็ได้ดังขึ้นเข้าใกล้เขาเข้ามา

ฉัวะ ฉัวะ

ฉึก

‘ใกล้จะถึงเวลาที่เราจะพบกันแล้ว’

พวกเขาได้แยกจากกันไปในคนล่ะปาก

แน่นอนว่าพวกเขาจะเจอกันเมื่อพวกเขามุ่งไปข้างหน้าขณะที่ฆ่าสัตว์อสูรไปด้วย เมื่อรากนั้นได้รวมตัวกัน

คนที่เดินไปพร้อมกับเหวี่ยงดาบใหญ่ของเขา ผ่าร่างของสัตว์อสูรเป็นชิ้นปรากฏขึ้นจากที่ไกลๆ

‘อ่อนกว่าเคาส์ โมเร็นนิดหน่อย? เขาคือหัวหน้ากองกำลังช็อคคนใหม่?’

และเขาสามารถมองเห็นใครบางคนที่เดินอยู่ภายใต้การปกป้องของชายคนนั้นด้วยสีหน้าเย็นชาได้

‘เขาคือหัวหน้าของอาคารแสง หืม หมอนั่นชื่อมิเชลรึเปล่านะ?’

ฮันซูพลันนึกถึงการโอ้อวดของเคลเดียน

<มันอาจจะมีกิลด์ที่ฉันสร้างขึ้นที่นั่น มันค่อนข้างดีสำหรับสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นในเวลาหนึ่งปี ทำตัวดีๆ กับพวกเขาหน่อยล่ะ ถ้าเป็นตอนนั้น มันน่าจะเป็น… ผู้นำคนที่เจ็ด เป็นไอ้เวรที่ชื่อมิเชล… เขาค่อนข้างขี้หงุดหงิด เพราะงั้นก็ดีๆ กันไว้หน่อยนะ ดูเหมือนว่าเขาจะมีชีวิตที่ค่อนข้างลำบากตอนที่ฉันได้ยินเรื่องของเขาตอนที่เขาปีนขึ้นมา>

เมื่อเห็นว่าหมอนั่นไม่ได้ตายและได้รวบรวมกองกำลังก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าทักษะของเขาค่อนข้างดี

‘เอาเถอะ ฉันจะลองดู เคลเดียน’

มันคงจะต่างออกไปถ้าพวกเขาไม่ได้เจอกันตั้งแต่ทีแรก แต่ในเมื่อมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว มันก็ดีกว่าที่จะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

เมื่อในตอนนี้พวกเขาอยู่บนเรือลำเดียวกัน

มันมีคนเพิ่มขึ้นนิดหน่อยที่ไม่ได้อยู่ในแผนของเขา แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรในเมื่อพวกนั้นต้องการช่วย

‘อย่างไรก็ตาม นี่ก็เหนือคาด ฉันคิดว่าลอร์ดจะหนีไปซะอีก’

ฮันซูทักทายหัวหน้ากองกำลังช็อคที่มีสีหน้าราวกับอยากจะส่งสกิลมาทางเขาตลอดเวลา

“มันไม่ดีกว่าเหรอในการที่เห็นฉันในสถานที่แบบนี้?”

“… นายกำลังคิดอะไรอยู่?”

มิเชลเอ่ยตอบคำถามของฮันซูแทนหัวงหน้ากองกำลังช็อค

เมื่อเขาไม่อาจคิดได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

‘ไม่สิ ฉันไม่อาจแม้แต่จะบอกได้ว่าเขาเป็นเด็กใหม่รึเปล่า’

ตอนแรกเขากำลังมึนอยู่ จากนั้นเขาจึงโกรธ แล้วก็สงสัย

เหตุผลที่ทำให้เขาตีค่าชายชื่อฮันซูเบื้องหน้าเขาไว้สูงนั้นเป็นเพราะพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายส่วนหนึ่ง ทว่าส่วนมากนั้นมันมาจากความฉลาดที่เขาไม่อาจคาดได้

เมื่อเขาได้ยินมาว่าฮันซูคนนี้ได้เตรียมทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อที่จะฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ

และได้ทำมันสำเร็จ

แต่เข้ามาในนี้โดยไม่ได้เตรียมการอะไรนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนของเขา

เขาอาจจะเข้าใจได้หากไอ้หมอนั่นต่อสู้กับพวกเขา และหนีออกไปจากที่นี่ด้วยวิธีการบางอย่างที่พวกเขาไม่รู้ ทิ้งพวกเขาให้สู้ถ่วงเวลา

แต่การที่หมอนั่นเข้ามาในปากพร้อมกับพวกเขา?

‘หรือเขามีความมั่นใจในการหนีออกจากที่นี่ตลอดเวลา?’

มิเชลสั่นหัว

สิ่งแรกที่พวกเขาทำก่อนหน้าคือการส่งการโจมตีไปยังสิ่งนี้และพยายามที่จะทะลวงผ่านผิวของมัน

ทว่ามันไม่มีประโยชน์

ผิวของมันนั้นแข็งเสียจนการโจมตีนั้นแทบจะไร้ผล และเมื่อพวกเขาสร้างรู้ได้ประมาณหนึ่ง น้ำทะเลพิษที่ไอ้สิ่งนี้ดื่มเข้ามาก่อนหน้าก็ได้ไหลทะลักเข้ามาด้วยความรวดเร็ว

แม้ว่าพวกเขาจะผ่านเข้าไป พวกเขาก็จะถูกกวาดไปโดยกระแสน้ำ

พวกเขาคิดถึงการหนีออกไป ในขณะที่ไอ้สิ่งนี้เปิดปากดื่มน้ำทะเลพิษ แต่ได้ยอมแพ้กับความคิดนั้นเมื่อพวกเขาได้รับข้อความจากลูกกิลด์ที่อยู่ด้านนอก

เมื่อคนที่ถูกดูดเข้ามาภายในรากนั้นล้วนทำแบบเดียวกัน

และข้อความนั้นได้บอกว่าไม่มีใครรอดออกไป

หากทั้งกิลด์ใช้พลังทั้งหมด คนจำนวนหนึ่งรวมทั้งตัวเขาย่อมสามารถออกไปได้ แต่เขาไม่ต้องการออกไปด้วยวิธีนั้น

และนั่นเป็นสาเหตุให้เขามาหาไอ้หมอนี่

ด้วยความหวังว่าอีกฝ่ายจะมีแผนอะไรบางอย่าง

ฮันซูหัวเราะเมื่อเขาเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย

“ไม่ใช่ว่าพวกนายบอกว่าพวกนายต้องการฆ่าไอ้สิ่งนี้เหรอ? ฉันทำแบบนี้เพื่อพวกนายเลยนะ”

“… ด้วยจำนวนแค่นี้? เราจะถูกเหยียบจนตายก่อนจะไปถึงที่นั่น”

มิเชลแสดงสีหน้าไร้ซึ่งหนทาง

พวกเขามีคนแค่ราวๆ 150 คนเมื่อรวมทั้งทีมค้นหาและกองกำลังช็อค

แน่นอนว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือในเขตสีแดง แต่หากมันสามารถแก้ไขได้ด้วยจำนวนเพียงแค่นี้ งั้นทำไมมันถึงถูกเรียกว่าภัยพิบัติ

พวกเขาจะถูกบดขยี้จนตายจากพวกที่พุ่งเข้ามาจากด้านหน้า

ฮันซูส่ายศีรษะเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“มันง่ายกว่าถ้าจะทำมันตอนนี้”

เมื่อจบประโยค แรงสั่นสะเทือนเบาบางก็ปรากฏขึ้นจากที่ห่างไกล

 

 

โพรงใต้ดินที่ใหญ่โตอย่างมาก

สิ่งก่อสร้างรูปร่างคล้ายโรงงานได้ถูกตั้งขึ้นใกล้กับด้านใต้ของต้นไม้โลก

บางสิ่งที่ดูเหมือนกับรีลิคของเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญาสูงส่ง ตึกตึกหนึ่งที่ดูเหมือนกับผลผลิตจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ บัดนี้ได้ถูกครอบคลุมไปด้วยเมือกและรากไม้ท่าทางน่าสงสัย

ราวกับจะสื่อถึงเอลวินไฮลม์ที่หายไปและสูญพันธ์

ทว่าน่าประหลาดใจ ที่ <โรงงาน> ที่เป้นใจกลางของเอลวินไฮลม์ยังคงสามารถทำงานได้ แม้ว่าจะถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดจำนวนมาก

กี้

และในตู้เพาะเชื้อนับร้อยภายในโรงงาน หลายสิ่งได้ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกใช้อย่างที่เอลวินไฮลม์ต้องการก็ตาม

<!!!!>

ร่างหลักของ <รากกลืนและคาย> ที่ได้แยกปากปีศาจของมันไปทุกทิศทางด้วยการควบคุมโรงงานอย่างเต็มที่ของมันได้ส่งเสียงยินดีอกมา

เมื่อมันสามารถรับรู้ได้ว่าปากของมันได้ทะลวงผ่านพื้นดินและไปถึงทะเล

การดูดน้ำทะเลพิษจากต้นไม้โลกนั้นค่อนข้างมาก ทว่าการดูดมันจากทะเลโดยตรงนั้นเป็นปริมาณที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

น้ำทะเลพิศที่ได้เพิ่มปริมาณขึ้นสองสามเท่าได้ถูกส่งมายังมันอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นร่างหลักจึงนำน้ำทะเลพิษเหล่านั้น และเพ่งความสนใจไปยังงานหลักของมัน

<!!!!!>

มันนำส่วนหนึ่งในการเติมเต็มกระเพาะของมัน

จากนั้นมันจึงเทส่วนที่เหลือไปยัง <โรงงาน> ที่มันได้ยึดมา

ไม่ช้า สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ฝังอยู่ที่ใจกลางของ <รากกลืนและคาย> ก็ได้ส่งแสงสว่างแสบตาออกมาขณะที่มันเริ่มส่งพลังงานที่มีปริมาณน่าตกใจออกมา

ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก

พลังงานและน้ำทะเลพิษจำนวนมหาศาลได้ถูกเทใส่โรงงาน

<!!!!!!>

โรงงานที่สามารถส่งสัตว์อสูรออกไปทั่วทั้งบริเวณของเทือกเขาต้นไม้โลกได้แม้ว่าจะมีพลังงานและน้ำทะเลพิษไม่เพียงพอ ว่องแสงสีแดงเจิดจ้าด้วยพลังงานและน้ำทะเลพิษจำนวนมาก ราวกับว่าตอนนี้มันสามารถเริ่มต้นทำงานได้อย่างเต็มที่

ชี่

โรงงานที่เป็นผลผลิตจากนักวิจัยของเอลวินไฮลม์เริ่มที่จะสร้างสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลออกมาจากข้อมูล DNA ที่มันมี

ด้วยจำนวนที่มากกว่าปกติอย่างมหาศาล

ครึ่ก ครึ่ก

ร่างหลักได้กระตุ้นเศษเสี้ยวศิลาศักดิ์สิทธิ์ให้มากขึ้นอย่างมีความสุขขณะที่มันดูดน้ำทะเลพิษกระตือรือร้นมากกว่าเดิม

กี้

สัตว์อสูรที่ตื่นขึ้นจากตู้เพาะเลี้ยงภายในโรงงานแสดงสีหน้าสับสนออกมา ทว่าจากนั้นก็ส่งเสียงคำรามที่หลากหลายและกระจายไปทั่วอุโมงค์รากเพื่อที่พวกมันจะสามารถทำเป้าหมายของมันได้สำเร็จ

วูบ วูบบบ

ภายในโรงงาน เมล็ดกวีนับล้านกำลังร่วงหล่นลงไปพร้อมกับที่พวกมันดูดซึมน้ำทะเลพิษ

ในตอนที่ลูกโป่งเหล่านั้นได้รวมตัวกันในตำแหน่งหนึ่งด้านใน สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ฮันซูได้ผสมมันกับเศษหัวใจและส่งมันออกไปก็เกือบที่จะระเบิดแล้ว

เมื่อแม้ว่ามันจะตายแล้ว เศษหัวใจของลูกมัจฉาภัยพิบัติก็ยังคงกระตุ้นสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ให้ส่งพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ช้า สะเก็ดที่ได้มาถึงขีดจำกัดก็เริ่มที่จะส่งพลังงานจำนวนมหาศาลออกไปทุกทิศทุกทาง

ชี่

ในตอนที่แสงสว่างเจิดจ้าอย่างถึงที่สุดที่มีความสามารถในการทะลวงผ่านสกิลสนับสนุนของฮันซูก่อนหน้าสัมผัสเข้ากับน้ำทะเลพิษรอบๆ ของเหลวเหล่านั้นก็ได้ระเหยกลายเป็นไอไปในเสี้ยววินาที

และไอน้ำพิษนั้นก็ยังคงอยู่หลังจากถูกแผดเผา

จากนั้น การระเบิดแบบลูกโซ่ก็ได้เกิดขึ้น

ตูม ตูม ตูม!

แก๊สที่จุดไฟติดและระเบิดออกได้ระเบิดลูกโป่งใกล้ๆ ไปด้วย

น้ำทะเลพิษได้ระเหยไปจากระเบิด จากนั้นจึงเกิดเป็นแก๊สจำนวนมากขึ้น

<!!!!!!!!>

ร่างหลักที่ได้เพ่งความสนใจไปยังการควบคุมปากปีศาจในการดูดน้ำทะเลพิษมองไปยังโรงงานที่กลายเป็นทะเลเพลิงไปก่อนจะคำรามออกมาด้วยความกราดเกรี้ยว

 

 

 

ครืนนน

ผู้คนผงะไปเมื่อพวกเห็นว่าอุโมงค์ของรากได้หดลงกะทันหัน

เมื่อมันให้ความรู้สึกราวกับว่ารากนั้นกำลังโกรธอยู่

ฮันซูผงกศีรษะเมื่อเห็นเช่นนั้น

‘มันระเบิดพอดี’

แน่นอนว่าการฆ่าร่างหลักด้วยการระเบิดแบบนั้นเป็นเพียงแค่ฝัน

เมื่อร่างหลักไม่ได้อ่อนแอแบบนั้น

แต่โรงงานได้ถูกทำลายจนถึงจุดที่มันไม่อาจที่จะทำงานได้ชั่วคราว

จากข้อมูลที่เขาได้รับมาจากเอลวินไฮลม์ที่เขาพบในอบิส ความทนทานของโรงงานไม่ได้มากมายขนาดนั้น

เมื่อเผ่าพันธุ์ของพวกนั้นไม่ได้มีศัตรูใดๆ ในระหว่างที่พวกเขาปกครองโลกนี้

‘เราต้องเคลื่อนไหวตอนที่โรงงานหยุดทำงาน’

โรงงานที่เป็นการรวมเทคโนโลยีของเอลวินไฮลม์นั้นถูกสร้างขึ้นดีเกินไปจนน่าเศร้า

มันจะฟื้นฟูหลังจากผ่านไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงจะมุ่งสร้างสัตว์อสูรอย่างสมบูรณ์

พวกเขาต้องโจมตีในระหว่างที่สัตว์อสูรถูกหยุดสร้างและไปยังร่างหลัก

“ไปเถอะ”

มิเชลมองไปยังฮันซูด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย

‘… เขาทำอะไร? เขารู้เหรอว่าอะไรอยู่ที่ปลายสุดของรากนี้?’

จากการพูดจาของอีกฝ่าย มันดูเหมือนว่าแผนของเขาจะสำเร็จ

มิเชลไม่เข้าใจ

ไม่มีใครรู้ว่าร่างหลักของปากปีศาจคืออะไร หรืออะไรจะออกมาที่สุดปลายอุโมงค์นี่

แต่ฮันซูรู้และวางแผนแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?

ความคิดจำนวนมากได้แล่นอยู่ในศีรษะของมิเชล แต่กลับสรุปได้ออกมาค่อนข้างเร็ว

‘ฉันแค่ต้องให้ความสนใจกับการออกไปจากที่นี่’

ตราบเท่าที่หมอนั่นไม่ได้จะฆ่าตัวตาย เขาก็ต้องเตรียมแผนเพื่อที่จะมีชีวิตรอด

ถ้าไม่เช่นนั้น พวกเขาก็จะโทษหมอนั่นเมื่อเวลานั้นมาถึง

“ไปเถอะ เตรียมรักษารูปแบบเอาไว้ กองกำลังช็อคยืนด้านหน้า”

ในเมื่อฮันซูทำในส่วนของตัวเอง เขาก็ต้องทำส่วนของเขา

หากเขาต้องสู้กับหมอนั่นเพราะศักดิ์ศรีของเขาแล้วทำให้อีกฝ่ายนำพวกเขาไปในที่แปลกๆ พวกเขาก็มีเพียงแต่จะได้รับความเสียหาย

ฮันซูผงกศีรษะขณะมองไปยังมิเชลที่เริ่มควบคุมกิลด์ของเขา

‘นายตัดสินใจได้ฉลาด’

เขาไม่ต้องการที่จะสู้อาบเลือดกับคนพวกนี้เช่นกัน

ทุกเศษเสี้ยวพลังต่อสู้นั้นล้ำค่า

ฮันซูรีบเก็บเศษเสี้ยวศิลาศักดิ์สิทธิ์ชิ้นเล็กๆ ที่เขาเตรียมไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินขณะที่เร่งฝีเท้า

‘รวบรวมรีลิคสองอันที่อยู่ระหว่างทาง’

สองรีลิคแห่งห้าแม่ทัพพยัคฆ์ที่ได้ตายหลังจากเข้ามาที่นี่เพื่อที่จะฟื้นฟูโรงงาน

ด้วยสองอันนั้น เขาก็จะมีทั้งหมดสามอัน รวมทั้งรีลิคกาลาเดรียงที่เขามี

ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่ต้องคิดอะไรมากอีก

เมื่อเขาสามารถใช้รีลิคได้อย่างสมบูรณ์

ฮันซูเริ่มที่จะมุ่งไปข้างหน้า

 


TL: เว้นไว้ก่อน เทียร์รีบ//หัวเราะ