บทที่ 70: หายนะ (3)

 

 

 

“เฮ้ เฮ้”

เพี๊ยะ เพี๊ยะ

“อึกกกก…”

ฮันซูกุมศีรษะของเขาจากนั้นจึงลุกขึ้นหลังจากรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังตบแก้มเขาอยู่

มันให้ความรู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งร่างของเขาถูกกระทืบ

การแปลงร่างของเขาหมดลงไปนานแล้ว

‘แต่ดูเหมือนว่าฉันจะฟื้นฟูได้ไม่น้อยในเมื่อฉันยังมีชีวิตอยู่’

ฮันซูกลับมามีสติอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่เขาตรวจสอบว่าใครที่ได้เรียกเขาอย่างรีบเร่งเช่นนั้น

‘เป็นมิตรเหรอ? หรือเป็นคามิลลี?’

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มันก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาจะถูกจับหรือถูกขังอยู่ที่ไหน

‘พวกนั้นทำแค่ดูแลฉันตลอดเวลางั้นเหรอ?’

เมื่อดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะปล่อยร่างหมดสติของเขาไว้ อีกฝ่ายก็คงไม่ได้มีเจตนาร้าย

ทว่าสีหน้าของฮันซูก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัวอย่างรวดเร็วเมื่อเขาพบว่าสิ่งที่ตบแก้มของเขาคืออะไร

แฟรี่แย้มยิ้มขณะที่มันมองไปยังชายหนุ่ม

“เฮ้ ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นทั้งที่เรามีความสัมพันธ์ดีๆ ต่อกันล่ะ ฮี่ฮี่”

“… อะไรที่ทำให้พวกเธอออกมาที่เขตสีแดง?”

แฟรี่แย้มยิ้มสว่างไสว

“เรามักจะไม่ค่อยออกมา แต่… นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันใช่ไหมล่ะ?”

จากนั้นมันจึงมองไปรอบๆ

มัจฉาภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่ได้กลายเป็นศพภายใต้น้ำมือของฮันซู

แฟรี่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าชื่นชม

“อืม นายรู้ดี ว่าพวกเราจะต้องมอบรางวัลให้อย่างแน่นอน แต่เราไม่คิดจริงๆ ว่าจะมีใครสามารถฆ่าสิ่งนี้ได้ ดังนั้นเราจึงไม่มีรูนหรืออาร์ติแฟคใดๆ… เราไม่ได้เตรียมอะไรไว้จริงๆ”

“…”

“แต่เพราะแบบนั้น มันคงน่าเศร้าเกินไปสำหรับเพื่อนที่แสนล้ำค่าของเราที่พยายามดิ้นรนอย่างหนักขนาดนี้ใช่ไหม? ดังนั้นแล้วเราจึงมามอบของขวัญชิ้นเล็กๆ ให้”

จากนั้นแฟรี่จึงมองไปยังชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน

ฮันซูมองไปยังอีกฝ่ายขณะที่เขาเอ่ยขึ้น

“แปลก พวกเธอคงไม่สนุกนักหรอกถ้าฉันแข็งแกร่งขึ้น”

แฟรี่ปรบมือเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ดังนั้นเราจึงคิดอยู่สักพักหนึ่งเลย! ว่าคุณฮันซูจะดิ้นรนให้มากขึ้น และต่อสู้อย่างสิ้นหวังมากขึ้นได้ยังไง แล้วเราก็ได้บทสรุป”

“มันคืออะไร?”

แฟรี่ยิ้มขณะที่มันเอ่ย

“คุณอยากจะได้มันทีล่ะอัน? หรือว่าคุณต้องการที่จะได้รับมันในครั้งเดียว?”

“…?”

จากนั้นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กจึงดึงหนึ่งในสกิลที่มันนำมาด้วยออกมา

แววตาของชายหนุ่มสั่นสะท้านเมื่อเห็นมัน

‘หมายเลขเดี่ยว’

สกิลหมายเลขเดี่ยวลำดับที่แปด

<จ้าวแห่งความตาย>

มันแตกต่างออกไปตามความเชี่ยวชาญของสกิล แต่มันคือสกิลที่น่าหวาดหวั่นที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งปลุกคนที่เขาฆ่าขึ้นมาให้กลายเป็นผีดิบ และทำให้สามารถใช้สกิลพิเศษ <ความตาย> ได้หนึ่งครั้งต่อวัน

สกิลที่ยอดเยี่ยมสมกับฉายาหมายเลขเดี่ยว

จากนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่แฟรี่ถามเกี่ยวกับการรับมันไปทีล่ะชิ้นหรือทีเดียวคืออะไร

“ถ้าคุณต้องการที่จะรับรางวัลในการฆ่ามัจฉาภัยพิบัติ งั้นฉันก็จะให้มันในตอนนี้ และทุกครั้งที่คุณฆ่าเพิ่มหนึ่งตัว ฉันก็จะให้สกิลที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันแก่คุณหนึ่งสกิล”

“…”

“แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณปฏิเสธมันในตอนนี้และล้มเหลวในการฆ่าแม้จะเป็นเพียงหนึ่งในนั้น คุณจะไม่ได้รับอะไรเลย มันจะยากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ถ้าคุณฆ่าพวกมันได้หมด… งั้นคุณก็รู้ใช่ไหม? ว่าเราจะคำนวณรางวัลตามการดิ้นรนของคุณทั้งหมด?”

ฮันซูรู้ว่ามันต้องการสื่ออะไร

และมันเองก็อาจจะรู้เช่นกัน

ว่าคำตอบของเขาคืออะไร

“แล้วเจอกัน”

“อย่างที่ฉันคิด ฉันชอบคุณเพราะคุณไม่ทำให้เราผิดหวัง ฮี่ฮี่ เข้มแข็งเข้าไว้!”

ชายหนุ่มส่ายศีรษะขณะที่เขามองแฟรี่ที่หายไป

แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเขาตัดสินใจตามอำเภอใจ แต่เขาคิดเกี่ยวกับมันอย่างมากแล้ว

เมื่อถนนที่เขาจะเดินต่อไปนั้นจะโหดร้ายอย่างมาก

หากทุกอย่างออกมาตามแผนของเขาและเขาแข็งแกร่งขึ้น และคนที่มีอิทธิพลจำนวนมากขึ้นเรียนรู้สิ่งที่เขารู้พร้อมกับที่ข้อมูลของอนาคตค่อยๆ ถูกปล่อยออกไปอย่างช้าๆ การร่วงหล่นสู่อบิสก็จะรวดเร็วขึ้นเช่นกัน

หนทางของเขานั้นเป็นการต่อสู้กับเวลาโดยที่โอกาสที่การร่วงหล่นสู่อบิสจะรวดเร็วกว่าห้าปีนั้นมีโอกาสเป็นไปได้

ไม่ว่าจะเป็นการร่วงหล่นที่จะมาถึงเร็วกว่า

หรือเขาออกจากเขตสีแดงไปถึงเขตสีม่วงและเฝ้ารอการร่วงหล่นหลังจากเตรียมการเรียบร้อยแล้ว

ตัวเลือกก่อนหน้าจะทำให้เขาเสียเปรียบ และจะอย่างไรแผนของเขาก็ถูกกำหนดขึ้นตามอย่างหลัง

ทำให้ดีจนกว่าจะถึงเขตสีคราม แต่ไม่อาจที่จะเตรียมการในเขตสีม่วงได้เสร็จเนื่องจากการร่วงหล่นที่มาเร็วกว่าที่คาด… มันไม่ใช่ไม่สำเร็จ

มันก็แค่ความล้มเหลว

ปริมาณของเวลาที่ได้รับนั้นค่อนข้างกระชั้นชิดเกินไปสำหรับเขาในการเคลื่อนไหวและเตรียมการอย่างปลอดภัย

ถ้าไม่นับรวมเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มันก็หมายถึงการที่เขาต้องลดสิ่งเร้าภายนอกให้ได้มากที่สุดและวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

<ซึ่งหมายความว่าเราต้องวิ่งจนกว่าวิญญาณของเราจะเหงื่อโชกใช่ไหม! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ว้าว ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าเบื่อ ฉันรู้สึกไม่อยากกลับไปที่อดีตกะทันหันแล้วสิ>

คำพูดของคังเต้พลันปรากฏขึ้นในหัวของเขา

ไม่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สกิลทุกสกิลจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฮันซูได้อย่างมาก

ทว่าชายหนุ่มเลือกตัวเลือกหลัง

เมื่อหน้าของเขาไม่ได้มีเพียงแค่ในเขตสีแดง

มันอาจยากกว่าเดิมสำหรับเขาในเขตสีแดง แต่หากเขาทำสำเร็จ งั้นรางวัลก็จะต้องมหาศาล

เขาจะมีอิสระมากขึ้นในเขตสีส้ม

‘ยังไงพวกนั้นก็ไม่แม้แต่จะมีรางวัลสำหรับมัจฉาภัยพิบัติในแผนของเขตสีแดงอยู่แล้ว’

ไม่มีใครคิดถึงการฆ่ามัจฉาภัยพิบัติมาก่อน

เขาจะสามารถวางแผนด้วยความคิดที่ว่า <มันจะให้ของดี> ได้ยังไง

คนคนหนึ่งมักจะต้องนับรวมถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อนเมื่อคิดแผน

‘มันเสร็จหมดแล้ว’

ฮันซูกำจัดความคิดเกี่ยวกับแฟรี่ออกจากหัวของเขา จากนั้นจึงตรวจสอบสภาพร่างกายของเขา

เขาไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่เขาสลบไป

เขาต้องตรวจสอบสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเคลื่อนไหว

‘ได้โปรด… ได้โปรดอยู่ที่นี่’

ชายหนุ่มเริ่มตรวจสอบสิ่งของของเขา

สิ่งอื่นๆ ไม่เป้นไร แต่เขาไม่อาจเสียสองสิ่งไปได้

สะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นสำคัญ แต่ว่ารีลิคที่เป็นเหมือน <กุญแจ> เองก็สำคัญ

‘ฮู่ว ทำได้ดี ตัวฉันที่สลบไป’

หลังจากเปิดถุงออก เขาก็เห็นสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกหุ้มไว้ด้วยรังไหมอย่างหนาแน่น และหัวใจที่เขาได้ดึงออกมาจากลูกของมัจฉาภัยพิบัติก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน

และเขาได้กำรีลิคของกาลาเดรียงไว้แน่นในมือ

ดูเหมือนว่าพลังของเขาจะยังคงอยู่แม้ว่าจะไร้สติ

หัวใจของเขาฟื้นฟูอย่างเต็มที่แล้วเช่นกัน

‘นี่ดีพอ’

ฮันซูถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นจึงมองไปยังสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์

สะเก็ดที่ได้ส่องแสงสีขาวแยงตา

แม้ว่ามันจะค่อนข้างสงบในตอนนี้ มันก็จะส่งพลังงานจำนวนน่าสะพรึงออกมาเมื่อมันถูกกระตุ้น

เมื่อตอนที่มันอยู่ในร่างของมัจฉาภัยพิบัติ

‘พลังโดยรวมของฉันได้ดีขึ้นหน่อยๆ เหมือนกัน’

ชายหนุ่มที่มองไปยังจำนวนรูนที่เพิ่มขึ้นและรีลิคของกาลาเดรียงได้ทำสีหน้ารู้อยู่แล้วออกมาขณะที่เขาเปิดถุงอีกครั้ง

‘ในเมื่อฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น’

ฮันซูเริ่มที่จะสะกิดสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์อย่างระมัดระวัง

แม้ว่ามันจะแข็งอย่างมาก การที่มันเป็นเพียงสะเก็ดนั่นหมายความว่ามันเป็นส่วนที่ได้แตกออกมาแล้ว

เมื่อชายหนุ่มแกะรอยแตกที่แผ่ไปทั่วอย่างระมัดระวัง เศษเล็กๆ ก็แตกออกมา

เศษที่เล็กอย่างมาก ขนาดของมันกระทั่งไม่อาจเทียบกับเมล็ดข้าวได้

มันเล็กอย่างมากเมื่อเทียบกับสะเก็ดศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดเท่าศีรษะ ทว่าฮันซูได้หยิบมันขึ้นอย่างระมัดระวัง คลุมมันด้วยรังไหม จากนั้นจึงใส่มันกลับเข้าไปในถุง

‘ฉันไม่อยากจะใช้มัน แต่… ฉันควรจะเตรียมไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน’

ชายหนุ่มสร้างเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงคิดถึงแผนการต่อไป

‘ตัวต่อไปควรจะเป็น <รากกลืนและคาย>… มันควรจะเริ่มเคลื่อนไหวในไม่ช้า ฉันไม่อาจที่จะคำนวณได้ในเมื่อฉันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนแล้ว…’

เหตุผลที่ทำไมอาณาเขตของพวกมันจึงถูกสร้างขึ้นเป็นเพราะพวกมันไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีต่อกันนัก

มันมีต้นไม้โลกเพียงหนึ่งที่พวกมันต้องการจะกิน แต่มีหลายตัวที่พุ่งเข้าไป

ในเมื่อมัจฉาภัยพิบัติตายแล้ว <รากกลืนและคาย> จะเริ่มเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง

‘ฉันต้องรวบรวมเมล็ดกวีฮีอีกจำนวนมากก่อนที่รากจะเริ่มเคลื่อนไหว’

คราวนี้ แค่หมื่นไม่เพียงพอ

เขาต้องรวบรวมเป็นแสนเมล็ดเป็นอย่างน้อย

‘ฉันจะไปที่อาณาเขตของกวีฮี ฉันหวังว่ามันคงจะไม่ผ่านไปเกินสามวัน’

แต่จากหัวใจที่ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ มันดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปค่อนข้างนานแล้ว

ฮันซูรีบวิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

 

 

ในสถานที่ที่ห่างจากรากเล็กๆ ที่ที่เคยเป็นทะเลมาก่อน

ตอนนี้มันได้กลายเป็นพื้นดินจากซากศพของมัจฉาภัยพิบัติ และเศษซากที่มันคายออกมา คนจำนวนมากเดินทางไปรอบๆ ในส่วนของตนเองพร้อมกับขุดเศษซากเหล่านั้น

“หามันเร็ว!”

“นี่คือฝั่งของเรา! ฝั่งของอาคารแสง! ทำไมพวกนายถึงได้ข้ามมาทั้งๆ ที่เราตกลงกันแล้ว!”

“อุวะฮะฮ่า! ฉันเจอมันแล้ว! นี่มันยอดไปเลย!”

ครืนนน

ผู้คนที่ได้แบ่งเขตกันกำลังตามหารีลิคของทหารศพที่บัดนี้ได้กลายเป็นเพียงเศษฝุ่น พบพวกมัน และเหวี่ยงพวกมันไปในอากาศด้วยสีหน้ายินดี

แน่นอนว่ามันมีคนที่มีของที่ดีกว่ารีลิค

แต่รีลิตที่สามารถสร้างการโจมตีได้หลากหลายและมีด้านแหลมอยู่ทุกส่วนของมันย่อมเป้นตัวช่วยชั้นดี

มันไม่มีอะไรให้ต้องพูดมากเกี่ยวกับคนที่มีอาวุธที่ด้อยกว่ารีลิค

และเพราะแบบนี้ ลูกกิลด์ระดับสูงของหกขั้วอำนาจและสิบสองรากจึงได้ค้นหาไปทั่วดินแดนขยะขนาดใหญ่นี้อย่างบ้าคลั่ง

ส่วนหนึ่งของพวกเขาค้นหาอยู่ภายในร่างของมัจฉาภัยพิบัติ และส่วนหนึ่งค้นหาอยู่ด้านนอกของร่างมันอย่างไร้ที่สิ้นสุด

ทว่ามิเชล คริสโตเฟอร์ ผู้นำอาคารแสง ได้แสดงสีหน้าไม่พึงพอใจออกมา

“มันจะไม่มีรางวัลสำหรับการจัดการไอ้สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นี่ได้ยังไง?”

ลุ่ยฮองที่เป็นหัวหน้ากองกำลังช็อคคนใหม่ผงกศีรษะให้กับคำพูดนั้น

“ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่มันไม่ได้คายรูนอะไรออกมาเลย และมันดูเหมือนว่ามันจะมีอาณาเขตที่สำคัญสุดๆ สองแห่ง แต่หนึ่งในนั้นได้ถูกทำลายแล้ว และบางคนได้เอาของจากส่วนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวใจไป”

“หืมมม…”

‘ชิ ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในเหมือนกัน’

มันไม่มีข้อความหรือนกพิราบสื่อสารสีฟ้า

เขาได้ค้นหาไปรอบๆ เผื่อว่าจะมีบางสิ่งถูกปกปิดหรือซ่อนไว้ แต่ข้อมูลที่เขาสามารถได้รับจากมัจฉาภัยพิบัติที่ตายแล้วนั้นมีจำกัด

ลุ่ยฮองเอ่ยไปยังคริสโตเฟอร์

“อย่างไรก็ตาม ทุกคนเริ่มจะเหลืออดขึ้นทุกที มันเป็นเวลาสักพักแล้วที่พวกเขาอยู่รวมกันแบบนี้ เพราะงั้น…”

“เวรเอ้ย”

มันมีรีลิคจำนวนค่อนข้างมาก

แต่แค่เพราะว่ามันมีจำนวนมาก ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะได้พวกมันทั้งหมดอย่างเท่าเทียม

และเพราะแบบนี้ เหล่าลูกกิลด์ถึงได้เหลืออดขึ้นทุกที

“มีรายงานอื่นไหม?”

“หนึ่งในเจ็ดเสี้ยววิญญาณกำลังเดินทางมาที่นี่”

“…พวกนั้นยังไม่ตายรึไง? ฉันคิดว่าพวกนั้นตายหมดแล้วแถวๆ พุ่มไม้ในเมื่อไม่มีใครเห็นมาสักพักแล้ว”

มิเชล คริสโตเฟอร์มุ่นคิ้ว

กระทั่งเขา ที่ไม่กลัวผู้ใด ก็ยังรู้สึกกดดันจากคนเหล่านี้

คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้วขณะที่เอ่ยพูด

“บอกพวกเขาให้หลีกเลี่ยงการปะทะให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะมันอันตราย”

“ครับ”

เขาไม่รู้ว่าพลังของการดิ้นรนจะออกมาเป้นอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

เขาต้องพยายามรักษากองกำลังของเขาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อทุกคนกำลังหงุดหงิด

การเสียเคาส์ โมเร็นไปก็นับว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่แล้ว

เขาไม่อาจเสียอะไรไปได้มากกว่านี้

‘อย่างไรก็ตาม หมอนั่นอยู่ที่ไหน?’

เคาส์ โมเร็นได้รายงานกับเขาก่อนที่หมอนั่นจะเข้าไป

ว่ามันมีไอ้โง่คนหนึ่งที่มีมัจฉาภัยพิบัติเป็นเป้าหมาย

แต่เขารู้แล้วในตอนนี้

หมอนั่นไม่ใช่ไอ้โง่

ศพยักษ์ของมัจฉาภัยพิบัติที่อยู่ห่างออกไปเป็นหลักฐาน

ข่าวลือเกี่ยวกับหมอนี่แพร่กระจายไปทั่วทั้งเขตสีแดง

‘ฉันหวังว่าฉันจะหาเขาเจอ’

แต่คริสโตเฟอร์ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย

พวกเขายังสำรวจภายในตัวมัจฉาภัยพิบัติไม่หมดเพราะมันใหญ่เกินไป และมันเป็นเวลากว่าสามวันแล้วที่มัจฉาภัยพิบัติตาย

การที่หมอนั่นยังไม่ปรากฏตัวขึ้นหมายความว่าเขาตายไปแล้ว

แม้ว่าหมอนั่นจะมีชีวิตอยู่ แล้วทำไมเขาจะต้องอยู่ในสถานที่แบบนี้ต่อ

ในตอนนั้นเอง เมื่อเขาไม่ได้คาดหวังอะไรอีกต่อไป หนึ่งในลูกน้องของเขาก็ตะโกนขึ้น

“พวกนั้นบอกว่าพวกนั้นเจอเขาแล้ว!”

“หือ? เขายังอยู่ที่นี่หลังจากผ่านมาแล้วสามวันเนี่ยนะ?”

คริสโตเฟอร์เผยรอยยิ้มมีความสุขออกมา

 

 

ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก

ส่วนลึกของรากต้นไม้โลก

บางสิ่งที่มีขนาดใหญ่และมีรูปร่างเหมือนรากที่กำลังดูดน้ำทะเลพิษที่ขึ้นไปยังลำต้นผ่านส่วนในพลันชะงักไป

<…>

มันควรจะรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่ปรากฏขึ้นระหว่างที่มันเริ่มกิน แต่กระทั่งเป็นระยะเวลานาน แรงสั่นสะเทือนนั้นก็ยังไม่หยุดลง

<…>

สิ่งมีชีวิตที่คล้ายรากเริ่มที่จะสงสัย

มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดูดพิษจากต้นไม้โลกถ้าสิ่งนั้นไม่มีชีวิต

เมื่อมันสามารถไปยังทะเลและดูดมันได้โดยตรง

ไม่ช้าราก หรือกระทั่งสิ่งที่คล้ายงูก็ได้อ้าปากของมันกว้าง ปล่อยรากต้นไม้โลกที่มันกัดอยู่ จากนั้นจึงเริ่มขุดลงไปในพื้นดิน

ไปยังทะเลพิษที่เป็นอาณาเขตของศัตรูของมัน

 


TL: ชีวิตปู่จะไม่ค้นพบความชิวใดๆ ใช่ไหม//ปาดเหงื่อ