บทที่ 67

“หืม? นั่นมันอะไร? กระบี่รึ?”

ทุกคนมองกระบี่ไร้เงาในมือฉินห่าวอย่างอยากรู้อยากเห็นมาก ถึงจะบอกว่านี่เป็นกระบี่ แต่เหนือด้ามจับขึ้นไป มันมีใบกระบี่ยื่นขึ้นเพียงนิดเดียวเท่านั้น มองดูเหมือนมีด แต่ด้ามจับยังไงก็เป็นกระบี่

“หรือมันคือกระบี่หัก?”

ฟ่านเจิ้นมองด้วยความสนใจ เขาย่อมไม่มีทางปรามาสว่าอีกฝ่ายยากจนถึงขั้นใช้อาวุธไม่สมประกอบ เพราะขนาดค้อนที่เป็นอาวุธประจำกายของฉินห่าว ยังอยู่ในระดับตี้แล้ว ดังนั้นการเลือกใช้กระบี่หักนี้ ย่อมต้องมีเหตุผล

“น่าสนใจ!”

เทียนหยุนเองก็สนใจเช่นกัน เขายังไม่เคยเห็นกระบี่หักของศิษย์มาก่อน

“เก้ามังกรทะยานขั้นที่เก้า! ผลาญศักยภาพชั่วแล่น! หนึ่งกระบี่ปลิดชีพ!” ฉินห่าวระเบิดเสียงในใจ ทั้งคนทั้งร่างเขาหายวับไปทันที

“หืม?”

“หายไปแล้ว?”

ผู้ชมมากมายตกตะลึง ในการรับรู้ของพวกเขา ฉินห่าวได้หายตัวไปแล้วอย่างสมบูรณ์ ไม่มีกระทั่งวี่แววหรือกลิ่นอาย

“นี่เป็นกระบวนท่าที่ดีมาก”

เทียนหยุนเพิ่งเคยเห็นกระบวนท่าหนึ่งกระบี่ปลิดชีพเป็นครั้งแรก

“น่าสนใจ … ”

ฟ่านเจิ้นขมวดคิ้ว แต่ยังเอ่ยไม่ทันจบ เจ้าตัวก็หันกลับมาและยื่นมือออกไป

ฉัวะ!

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

สองมือเขาประกบใบกระบี่หักไว้แน่น เลือดค่อยๆซึมลงมา

“ช่างน่าอัศจรรย์!”

ฟ่านเจิ้นมองฉินห่าวด้วยดวงตาที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าขอบเขตแก่นทองคำสามารถมีการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ได้อย่างไร?

“หือ? นี่มันไม่ถูกต้อง”

ทันใดนั้นเอง ฟ่านเจิ้นสั่นสะท้าน ก็ในเมื่อเขาประกบฝ่ามือขวางกระบี่ไว้ได้ทัน แล้วเลือดที่กระเซ็นเมื่อครู่นั่นมันมาจากไหน?

คิดได้แบบนี้ ฟ่านเจิ้นก้มหน้าลงโตามสัญชาตญาณ และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เสื้อคลุมบนหน้าอกเขาถูกตัดขาดไปแล้ว และตรงหน้าอกยังมีเลือดไหลออกมา

“นี่มัน … ได้ยังไงกัน?”

เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเขาประกบใบกระบี่ไว้ได้ แล้วบาดแผลนี่มาจากไหน?

“ขออนุญาต”

ฉินห่าวกระตุกกระบี่หักกลับ และโยนมันเข้าไปในพื้นที่ระบบอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าจะมีใครปล้นมันไป

ฝูงชนมองบาดแผลของฟ่านเจิ้นด้วยความตกใจและงงงวย ร่างกายที่ไปถึงจุดสูงสุดในขอบเขตรู้แจ้งถูกฟันเป็นแผลใหญ่ ทั้งๆที่ใบกระบี่ไม่โดนตัวด้วยซ้ำ แล้วมันฟันโดนได้อย่างไร?

“สหายน้อย ขอยืมกระบี่เจ้าให้ข้าดูหน่อยจะได้ไหม?” ฟ่านเจิ้นไม่สนใจบาดแผล เขามองฉินห่าวและพูดอย่างจริงจัง

“ขอโทษที นั่นคงทำไม่ได้”

ฉินห่าวส่ายหัว ยืมดูเรอะ อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้ ขนาดเขาเองยังไม่รู้เลยว่ากระบี่ไร้เงาอยู่ในระดับไหน แต่ในเมื่อระบบประเมินมันว่าเป็นของวิเศษ เช่นนั้นก็พอจะจินตนาการได้ว่าหายากเพียงใด

อาวุธหรือทักษะที่หายาก มักดึงดูดหายนะหรือแม้กระทั่งสงคราม!

“เช่นนั้นก็ได้ ครั้งนี้ถือว่าสหายน้อยชนะแล้ว เรื่องระหว่างพวกเราเป็นอันเลิกแล้วต่อกัน!”

ฟ่านเจิ้นค่อยได้สติกลับมา แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เขามั่นใจว่ากระบี่หักนั่นไม่ธรรมดามาก และบาดแผลตัวเองต้องเกิดจากสาเหตุนั้น

“ตกลง”

ฉินห่าวไม่พูดพล่ามไร้สาระเช่นกัน หันหลังและจากไป

เขากลัวว่าตาเฒ่าผู้นี้จะอดใจไม่ไหวและฉกมันไป!

ไม่นานนัก ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับนิกายของตัวเอง

บนเรือเหาะ

“กระบี่หักเล่มนั้นน่าสนใจนัก”

 ชายชราคนหนึ่งกล่าว

“ใช่ มันไม่ธรรมดาเลย ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหล่าฟ่านได้แผลมายังไง”

ฟ่านเจิ้นที่รับฟังครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นั่นไม่เกี่ยวกับเรา ที่แน่ๆเด็กน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา และพวกเราถือว่าได้รุกรานเขาแล้ว ตอนนี้เหลือแค่สองทางเลือก นั่นคือจะยอมผูกมิตรหรือสังหาร”

 “ช่างเถิด เป็นเราเองที่หาเรื่องเขาก่อน และยังพยายามบังคับเขามาที่นิกาย เลิกแล้วต่อกันเถอะ” คนหนึ่งพูดขึ้น

“นั่นสินะ”

“ตกลงตามนั้น”

ได้ยินความคิดเห็นคนอื่นๆ ฟ่านเจิ้นยิ้มเจื่อนและส่ายหัว เขาคือคนที่สู้กับฉินห่าว ดังนั้นจึงรู้โดยสัญชาตญาณ ว่าสหายน้อยผู้นี้ไม่ใช่อัจฉริยะธรรมดา ประโยคต่อไปอาจไม่น่าฟัง แต่หากฉินห่าวก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดจิต เขาอาจถูกฆ่าตายด้วยกระบวนท่าเมื่อครู่ไปแล้ว

และถ้ามีใครมาพูดเรื่องนี้กับเขาก่อนหน้านี้ เขาคงตบหน้าอีกฝ่ายฉาดใหญ่!

แต่เมื่อได้เจอกับตัวเอง เขาเชื่ออย่างสนิทใจ!