บทที่ 67 หลงเสี่ยนผู้ขี้ขลาด

ก่อนที่เย่เฟิงจะตอบสนองได้ทัน ดาบเล่มยาวในมือของชายหน้าตอบผู้มาจากวังดาบสวรรค์กำลังจะกุดหัวของคนตัดไม้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว ในชั่วอึดใจร่างของเขาคงถูกตัดออกเป็นสองส่วนเป็นแน่

อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันนั้น มีร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นราวกับพายุ เขากระโดดออกมาจากพงหญ้าและพุ่งเข้าขวางด้านหน้าของชายตัดไม้ทันที

นั่นมันชายชราคนนั้นนี่ !

“ความเร็วขนาดนั้นมันอะไรกัน!”

เย่เฟิงตกใจเป็นอย่างมากกับการปรากฏตัวของชายชราขณะคิดว่าเขาช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก ความเร็วของเขาเพียงพริบตาเดียว ก็พุ่งเข้ามาปรากฏในสายตาของเย่เฟิงแล้ว

เคร้ง!

ชายชราควบแน่นพลังชี่ในฝ่ามือ ก่อนจะยิงออกไปปะทะดาบยาวที่ชายหน้าตอบถืออยู่ มันส่งผลให้ดาบเล่มนั้นกระเด็นออกไปและปักลึกลงบนก้อนหินบริเวณแม่น้ำที่อยู่ข้างๆของชายตัดไม้แทน  ซึ่งเผยให้เห็นรอยแตกของหินที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และส่งผลให้เศษซากของมันปลิวว่อนไปทั่ว

ภายใต้การพุ่มไม้หนาข้างแม่น้ำ เย่เฟิงได้ขยับเข้ามาดูใกล้ขึ้น และตระหนักทันทีว่าเขาเคยพบชายชราคนนี้มาก่อนที่งานแสดงสินค้าของตระกูลมังกร เขาคือหวงเหล่าจากเขาเทียนจูมณฑลหวง ผู้มีระดับวรยุทธ์ถึง 30 ปีเต็ม!

จู่ ๆ ชายชราคนนี้ก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เย่เฟิงคิดในใจ ก่อนจะเลิกสนใจการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย และเดินอ้อมจากไปทันที

ไม่ว่าจะเป็นชายชราจากเขาเทียนจูหวงหรือคู่บ้าวิปริตจากวังดาบสวรรค์ เย่เฟิงไม่ได้สนใจในความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว ตอนนี้เขาต้องการแค่จะเข้าไปยังสุสานโบราณอย่างปลอดภัย และหาร่องรอยของซูเฟยหยิ่งเท่านั้น

“หวงเหล่าก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องตามหาโม่จิ่วเกอด้วย…”

ยามที่เย่เฟิงคิดถึงสิ่งนี้ ชายหนุ่มก็จำได้ทันทีว่าเมื่อตอนที่เขาพักอยู่ในโรงแรมเมืองหลางฟาง หวงเหล่าได้ขอให้เขานำคำพูดไปบอกแก่โม่จิ่วเกอถ้าได้พบกับเขา

เย่เฟิงสะบัดไล่ความคิดนี้ออกไปจากหัว เขาไม่ต้องการคิดถึงมันอีกต่อไป ตลอดเวลาที่เดินทางผ่านบนภูเขา ชายหนุ่มสอดส่องสถานการณ์โดยรอบ ๆ อย่างระมัดระวังตลอดทาง ภูเขาฉางไป่ตอนนี้เป็นเขตอันตรายสำหรับผู้ใช้เส้นทาง ก่อนหน้านี้ เย่เฟิงไม่อาจสัมผัสถึงหวงเหล่าที่หลบซ่อนอยู่ใกล้ ๆ ได้เลย ดังนั้นเขาควรใส่ใจกับการเดินทางทุกฝีก้าวให้มากกว่านี้

แต่ไม่เป็นไร ไม่ว่าเส้นทางจะอันตรายแค่ไหน เย่เฟิงก็ต้องเดินทางเข้าไปยังข้างในสุสานนั่น ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะหยุดเขาได้

ชายหนุ่มใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็มาครึ่งทางของเขานี้แล้ว ป่าเบื้องหน้าก็ยิ่งหนาแน่นและปกคลุมไปด้วยวัชพืช

เมื่อผ่านพุ่มไม้หนาไป เขาก้มลงมองลอดไปยังรูเล็ก ๆ ดูเส้นทางเบื้องหน้า พบว่าเส้นทางส่วนใหญ่จะครอบคลุมไปด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวสองถึงสามกิโลเมตร เขามาถึงจุดที่ลมโกรกมากบริเวณฐานภูเขา แต่ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็ได้เห็นบางสิ่งที่ทำให้เขาย่นคิ้วลงเล็กน้อย ที่นั่นมีผู้คนกลุ่มใหญ่กลุ่มนึงอยู่บนฐานภูเขาและจากการมองไปที่พวกเขา พวกเขาทั้งหมดล้วนดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ทั้งสิ้น

ในการที่จะเข้าไปข้างในสุสานนั่น ประตูทางเข้าบริเวณฐานภูเขาเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปข้างในได้ เย่เฟิงจึงปกปิดใบหน้าของเขาไว้ภายใต้หน้ากากก่อนจะเดินเข้าไปข้างในสุสาน ขณะที่ชายหนุ่มเดินผ่านกลุ่มคนจำนวนมากหน้าทางเข้านั้น มันทำให้หัวใจเขารู้สึกตุ้มๆต่อมๆเสียเหลือเกิน

“อ้อ..ใช่แล้ว คนเหล่านี้มาที่นี่เพราะหญ้าสื่อจิต บางทีนี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่อยู่ของหญ้าสื่อจิตก็เคยถูกพูดถึงอยู่ในงานแสดงสินค้ารึเปล่านะ?”

เย่เฟิงมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อเขารู้สึกได้ว่ามีเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนจำนวนมากกำลังเดินตรงมา ตามด้วยเสียงหอบถี่ๆของหญิงสาวคนหนึ่ง นี่มันเดจาวูชัดๆ !

(Note : เดจาวู หมายถึง การที่ได้พบเห็นเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กันเกิดขึ้นมาก่อน มาเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง)

“สถานการณ์นี้มันอะไรกัน?”

เย่เฟิงหยุดฝีเท้าของเขาลงและต้องการจะเข้าไปแอบในพุ่มไม้ใน แต่ก่อนที่จะได้ขยับออกไป ร่างบางร่างหนึ่งก็ได้พุ่งออกมาจากพุ่มไม้แล้วชนเขาเข้าอย่างจัง

เย่เฟิงยกแขนของเขาขึ้นด้วยความเคยชิน พลันหยิบดาบเจินฉีออกมาจากแหวนดาบมังกรโบราณเพื่อที่จะตัดหัวฝ่ายตรงข้ามกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าฝั่งตรงข้ามต้องการเข้ามาเพื่อที่จะลอบโจมตีเขา หรือจะทำอะไรกับเขาก็ตาม

ถึงจะรีบร้อนแต่ก็ไม่พลาดที่จะดูว่าใครที่พุ่งเข้ามาชนเขา แต่แล้วก็พลันปรากฏสีหน้าที่ไม่คาดคิดขึ้รบนใบหน้าเย่เฟิง เพราะคนคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากสาวงามที่เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์ หลงหวางเอ๋อ!

“คุณมัน! ….”

ขณะที่วิ่งออกมาจากพุ่มไม้ ร่างของหลงหวางเอ๋อชนเข้ากับเย่เฟิงอย่างจัง เธอเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะมองชายที่สวมหน้ากากที่อยู่ข้างหน้าเธอ  ความรู้สึกงงงวยสับสนเต็มไปหมด เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม ในแววตาอันงดงามของเธอเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง

มีการดักซุ่มโจมตีอยู่ข้างหน้านั่น และมีกองกำลังไล่ลาอยู่ด้านหลัง อย่างนี้สถานการณ์มันก็คล้ายกับตอนที่เย่เฟิงเผชิญที่งานจัดแสดงสินค้าที่เมืองหลางฟางเลยสิ?

เย่เฟิงเหลือบมองไปที่เธอ สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ ไม่อาจเรียกได้ว่าดีแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น มันเหมือนมีพิษบางอย่างที่ทำให้ “ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้” อยู่ในตัวเธอ และชายหนุ่มไม่รู้เหมือนกันว่าพิษนี้มันมาจากใคร

เมื่อเห็นหญิงสาวที่อยู่ในสภาพนี้ ก็บังเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเย่เฟิง ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว

โดยไม่ต้องทบทวนอีก เย่เฟิงยื่นมือออกไปเพื่อที่ฉวยโอกาสอันสำคัญนี้ ก่อนจะดึงร่างอันอ่อนนุ่มของเธอเข้าไปกอดในอ้อมอก พลันกลิ่นหอมจาง ๆ ของร่างขาวเนียนก็ระเบิดออกมากระทบจมูกของเขา ความอบอุ่นและความอ่อนนุ่มจากการสัมผัสผ่านชุดกระโปรงยาวสีขาวราวหิมะ ถูกส่งผ่านทางมือของเย่เฟิง นี่ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจต้านทานความร้อนลุ่มในใจได้อีกของเขาได้อีกต่อไป

(Solar Spark: เห้ย ใจเย็นๆ)

แต่ทันทีที่ชายหนุ่มตั้งสติได้ เขาก็ตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาฉวยโอกาสในสถานการณ์ที่สำคัญเช่นนี้

“ใครตามเธอมา?”

เย่เฟิงยื่นหน้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา

“คุณ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

หลงหวางเอ๋อกำลังดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระจากจับกุมของเขา แก้มของเธอขึ้นสีเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามตบหน้าของชายหนุ่ม

แต่น่าเสียดายที่ระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงที่สูงขึ้นทำให้สามารถคว้ามือน้อยๆของหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย “ฉันต้องการที่จะช่วยเธอนะ แต่ถ้าเธอไม่ชอบละก็ ลืมมันไปซะเถอะ”

ได้ยินดังนั้น หลงหวางเอ๋อก็อ้าปากค้าง ตาคู่สวยของเธอจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังขา

หญิงสาวไม่คิดมาก่อนเลยว่าชายภายใต้หน้ากากที่น่ารังเกียจคนนี้จะยื่นข้อเสนอช่วยเหลือเธอดังกับว่าเขาต้องการช่วยด้วยความปราถนาดี นี่มันช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เพียงแค่นึกถึงช่วงเวลาตอนอยู่ที่เมืองหลางฟาง เขาได้แกล้งหยอกล้อเธอ ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวโกรธซะจนอยากจะขว้างข้าวของทั้งหมดที่เธอมีอยู่ตรงหน้าทิ้ง แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก ทำให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้ง โดยที่เธอยังไม่ทันจะได้เอาคืนอะไรเขา ก็กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเขาช่วยไว้อีกแล้ว

หลงหวางเอ๋อคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกกระวนกระใจและร้อนใจขึ้นทุกที เพราะเมื่อเร็วๆนี้เธอพึ่งได้รับพิษเข้าไป ซึ่งมันทำให้เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“ถ้างั้นก็ได้…”

ดวงตาคู่งามของหลงหวางเอ๋อขยับมองไปยังเย่เฟิง หญิงสาวนึกได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะสลัดเขาออก จึงยอมตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มต่อไป

“หมัดเทพทวารา…. ชายสองคนจากหมัดเทพทวาราพยายามที่จะเอาตัวฉันไป ดังนั้นช่วยฉันจัดการพวกเขาหน่อยได้ไหม?”

เหมือนดั่งเสียงหวานที่น่ารื่นรมย์ของนกตัวน้อย มันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ในน้ำเสียงซึ่งดังก้องอยู่ในหูของเย่เฟิงราวไม่มีที่สิ้นสุด

หมัดเทพทวารา?

ในใจของเย่เฟิงเริ่มครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่งานแสดงสินค้าของเมืองหลางฝาง ชายหนุ่มผิวดำผู้ที่ถูกหลงหวางเอ๋อเล่นงานคนนั้น เขาเป็นคนของพวกหมัดเทพทวาราเช่นกันใช่ไหม?

ทันใดนั้นเอง เย่เฟิงก็รู้ว่าเขาไม่ได้คิดผิดอีกต่อไป

ขณะนั้นเอง เสียงพูดคุยผ่านพงหญ้าหนาก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ตรงมาทางพวกเขาไม่ไกลนัก พลันน้ำเสียงที่ดูพึงพอใจและคุ้นเคยก็ดังขึ้นมา! “หวางเอ๋อ ออกมายอมรับชะตากรรมแล้วเลิกขัดขืนเสียเถอะ!  ฉันต้องการที่จะพบเธอแค่นั้น ไม่มีที่ให้วิ่งหนีอีกแล้ว ทำตัวเป็นเด็กดีแล้วออกมาเถอะ โอเคไหม? ฉันกับเพื่อนตกลงแล้วว่าจะเอ็นดูเธอย่างดีเลย พวกเรามั่นใจว่าเธอจะต้องรู้สึกดีมากแน่ๆ…..”

เขาไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อนที่งานแสดงสินค้า มันแฝงไปด้วยเจตนาบางอย่าง ผู้ชายคนนั้นคงจะพยายามที่จะดึงดูดความสนใจของหลงหวางเอ๋อไปสู่ตัวเขาเอง?

ตอนนั้นที่หลงหวางเอ๋อฉีกหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างโหดร้าย มันได้สร้างความโกรธแค้นให้กับชายคนนั้นและไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใช้วิธีแบบนี้ในการตอบโต้ ชายผู้นั้นได้เรียกสหายของเขามาร่วมมือเพื่อรุมหลงหวางเอ๋อ เขาต้องการให้หลงหวางเอ๋ออับอายอย่างถึงที่สุด
ขณะที่เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาขึ้นทุกที เย่เฟิงสัมผัสได้ว่าชายคนที่พูดอยู่นั้นอ่อนแอมาก และชายอีกคนหนึ่งก็เช่นกัน เขามีความสามารถอยู่ระดับเดียวกับหลี่จวิ้นหลงที่เจอเมื่อก่อนหน้านี้ ในใจของชายหนุ่มสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้ตระหนกตกใจอะไร

ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็เห็นร่างของชายสองคน โผล่ออกมาจากพุ่มไม้อย่างเร่งรีบ และปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้าของเย่เฟิง ทันทีที่พวกเขาได้สบตากันก็ต้องประหลาดใจ

สิ่งที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามประหลาดใจคือการที่หลงหวางเอ๋อเป็นหญิงสาวที่มีรสนิยมสูงมาก ยากที่ใครจะเข้าตาเธอได้ แต่ตอนนี้หญิงสาวกลับตกอยู่ในอ้อมกอดของชายสวมหน้ากากซึ่งทำให้พวกเขาถึงกับยืนงงกันเลยทีเดียว พวกเขามองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่เชื่อกับตาตัวเอง

แต่เหตุผลของเย่เฟิงที่มองนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้มากันแค่สองคนแต่เป็นสาม อีกคนกำลังถูกหิ้วมาด้วยหนึ่งในสองคนนั้น ชายหนุ่มคนนั้นที่ถูกแบกมาไม่ใช่ว่าเป็นชายรูปงามหลงเสี่ยนหรอกหรือ?

ทันใดนั้นเย่เฟิงเข้าใจทุกสิ่งอย่างทันทีว่าทำไมหลงหวางเอ่อถึงถูกวางยาได้ บริเวณแถบนี้มีคนตระกูลมังกรเต็มไปหมดมันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนของหมัดเทพทวาราที่จะลงมือเล่นงานหญิงสาว แต่ในเมื่อพวกมันมีหลงเสียนอยู่ในมือการล่อลวงหลงหวางเอ๋อออกมากลับเป็นเรื่องง่ายไปทันที

หนึ่งในอีกฝ่ายเป็นคนที่เย่เฟิงยังจดจำได้ว่าเคยพบที่งานเทศการแสดงสินค้า เขาคือชายหนุ่มผิวดำผู้นั้นที่มีระดับพลังยุทธ์ประมาณสามถึงสี่ปีไม่เกินจากนี้ ด้วยเหตุนั้นทำให้เย่เฟิงไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเขามากนัก

อีกคนหนึ่งที่แบกหลงเสี่ยนมาเป็นชายร่างร่างสูงที่ดูแข็งแรง แววตาดูราวกับเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ นั่นต้องเป็นคนที่วางยาหลงหวางเอ๋ออย่างแน่นอน เจ้าคนเจ้าเล่ห์ผู้นี้คงเป็นคนที่วางแผนล่อเธอออกมาด้วยและคงเป็นเพื่อนกับชายผิวดำคนนั้น

หลงเสี่ยนที่ตื่นตระหนกอยู่ในมือของชายร่างสูงรีบกล่าว “หวางเอ๋อ เธอจะโทษฉันไม่ได้นะ เจ้าพวกนี้บอกว่าถ้าฉันไม่เอายาให้เธอมันจะฆ่าฉัน…”

…………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI